หลังจากทานอาหารกันได้ไม่นาน จิรศักดิ์ก็ขอตัวกลับ เพราะเขาต้องขับรถกลับหัวหินในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าเขาต้องเข้าประชุมพร้อมกับพี่สาว นลินทิพย์มองนาฬิกาบนข้อมือตนเองก็พบว่าตอนนี้เวลาเกือบสามทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว ให้ณิชาติดรถจิรศักดิ์กลับไปด้วยน่าจะดีกว่า เพราะเธอไม่ต้องขับไปส่งอีก เธอยังต้องไปส่งมธุรสที่คอนโดแถวรัชโยธิน แล้วต้องย้อนกลับมาบ้านตัวเองแถวราชเวที
“ไม่ต้องมองฉันแบบนั้นเลยไอ้ลิน เดี๋ยวฉันไปส่งณิชาให้ก็ได้ เพราะยังไงฉันก็กลับบ้านทางเดียวกับณิชาอยู่แล้ว” จิรศักดิ์เสนอตัวที่จะไปส่งณิชา
“ถ้ามันลำบากนายนัก ไม่ต้องก็ได้นะศักดิ์” ณิชาย้อนใส่ชายหนุ่มเสียงขุ่น เธอเองก็ไม่อยากกลับบ้านพร้อมเขานักหรอก ถึงไม่มีเขา เธอก็สามารถกลับถึงบ้านได้
“ไม่ได้ลำบากเว้ย อีกอย่างบ้านแกกับบ้านฉันห่างกันแค่สองซอย อย่าลืมสิว่าพวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน”
อุตส่าห์ลงทุนซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกับผู้หญิงที่ตัวเองแอบรัก โอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ในเมื่อนลินทิพย์เปิดโอกาสให้ มีหรือที่เขาจะทิ้งมันไป รู้จักกันมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนกระทั่งตอนนี้ก็เกือบหกปีแล้ว แต่เขายังไม่กล้าสารภาพรักกับณิชา เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้ว หญิงสาวไม่รักตอบ แล้วเขาจะทำอย่างไร ให้เลิกรักเขาก็ทำไม่ได้ ทางเดียวที่เขาจะสามารถอยู่ใกล้คนที่เขารักได้ นั่นก็คืออยู่พยายามคงสถานะของความเป็นเพื่อนเอาไว้ ตอนนี้คงถึงเวลาที่เขาต้องจัดการกับความรักของตัวเองเสียที
“ส่งณิชาให้ถึงบ้านนะไอ้ศักดิ์ ไม่ต้องพาเลยไปหัวหินล่ะ”
“ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอกไอ้ลิน แกไม่ต้องเป็นห่วง ถึงฉันไม่พาไป พรุ่งนี้ณิชาก็ต้องไปหัวหินพร้อมแกอยู่ดี”
“เดี๋ยวฉันไปส่งพิมพ์เอง เรียกพนักงานมาเช็คบิลเถอะ นี่ก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ถ้ายังทะเลาะกันต่อ พวกเราไม่มีทางได้กลับบ้านไปนอนกันหรอก” ดนัยเตือน มองนลินทิพย์ จิรศักดิ์ และณิชา แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางการประลองฝีปากครั้งนี้ คงไม่จบง่ายๆ อย่างที่เขาคิด อย่างน้อยก็มีอยู่คู่หนึ่งล่ะ ที่ยังไม่ยอมลงให้กัน
“มื้อนี้ใครจ่าย” จิรศักดิ์ถาม เมื่อดนัยเรียกพนักงานมาเช็คบิลค่าอาหารและเครื่องดื่มที่พวกเขาสั่งไป
“มื้อนี้ฉันจ่ายเอง” นลินทิพย์ตอบทันทีที่จิรศักดิ์ถาม
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้ที่หัวหินนะไอ้ลิน เรากลับกันเถอะพิมพ์ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวคุณแม่ของพิมพ์จะเป็นห่วง” ดนัยบอกแล้วหันไปชวนพิมพ์ชนกกลับบ้าน โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันหาไม่ได้ง่ายๆ บางทีเขาอาจสารภาพรักเธอในคืนนี้เลยก็ได้
“อืมม์” พิมพ์ชนกพยักหน้าตอบ
“ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วยล่ะพิมพ์ เราเป็นห่วง” มธุรสเอ่ยขึ้นเมื่อพิมพ์ชนกลุกเดินตามดนัยออกไป
“จ้ะ” พิมพ์ชนกชะงักเท้าหันมาตอบเพื่อนแล้วรีบเดินตามดนัยออกจากร้านอาหาร เธอรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มเหมือนกันที่ต้องให้ไปส่ง แต่ถ้าให้นลินทิพย์ไปส่งก็ทำให้เพื่อนลำบากยิ่งกว่า เพราะบ้านของพวกเธออยู่คนละโซนกันเลย แถมยังต้องไปส่งมธุรสที่คอนโดอีก
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะณิชา” จิรศักดิ์หันมาบอกณิชา
“ก็ได้ เจอกันพรุ่งนี้นะไอ้ลิน น้ำหวาน” ณิชาตอบแล้วหันไปบอกลาสองเพื่อนสนิท ลุกเดินตามจิรศักดิ์ไปอีกคน แล้วก็ต้องชะงักเท้าลงเมื่อได้ยินคำพูดของนลินทิพย์ที่ตะโกนเตือนให้เธอระวังตัว
“ไปเถอะ ระวังตัวด้วยล่ะณิชา ท่าทางไอ้ศักดิ์มันไม่น่าไว้ใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้น แกต้องโทรมาหาฉันเลยนะเว้ย” นลินทิพย์บอกแล้วเหลือบมองสีหน้าเจ้าเล่ห์ของจิรศักดิ์ เธอไม่ได้คิดไปเอง สายตาและท่าทางของไอ้เพื่อนบ้านี่ มันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
จิรศักดิ์เองก็ชะงักเท้าที่กำลังเดินออกไปจากร้านเช่นกัน ใบหน้าหล่อหันมามองเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง เขาไม่ได้คิดไม่ดีเสียหน่อย ทำไมต้องสั่งโน่นสั่งนี่ให้ณิชาระวังเขาด้วย
“แกไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกไอ้ลิน ฉันไม่พาณิชาไปปล้ำหรอก”
คำพูดของจิรศักดิ์ทำให้ณิชาถึงกับหน้าแดงก่ำ ขณะที่นลินทิพย์กับมธุรสถึงกับตกใจ หน้าเหวอ อ้าปากค้างเลยทีเดียว ยังไม่นับลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านที่นั่งอึ้งไปกับบทสนทนาที่พวกเขาได้ยิน หลังจากหายจากอาการตกใจ หญิงสาวสบตามองจิรศักดิ์สลับกับนลินทิพย์และมธุรสก่อนตัดสินใจพูด
“ฉันเปลี่ยนใจแล้วไอ้ลิน ฉันไปนอนกับน้ำหวานที่คอนโดดีกว่า” ปกติก็ทะเลาะกันตลอด จู่ๆ มาพูดแบบนี้มันไม่ธรรมดา ท่าทางของเขาก็ไม่เหมือนเดิม กลับด้วยคงไม่ปลอดภัยนัก
“ฉันล้อเล่นน่าณิชา เรากลับกันเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว” จิรศักดิ์บอกคนข้างกายด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดมือไป ยื่นมือไปจับข้อมือเล็กแล้วออกแรงเล็กน้อยเพื่อดึงให้หญิงสาวเดินตามเขาออกมา
“ศักดิ์คงไม่คิดทำจริงๆ ใช่ไหมลิน” มธุรสถามเมื่อจิรศักดิ์ลากณิชาออกจากร้านอาหารไป
“ไม่หรอกน้ำหวาน ไอ้ศักดิ์มันรักณิชาจะตายไป”
มธุรสอึ้งไปกับคำพูดของนลินทิพย์ เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าจิรศักดิ์ชอบณิชา เพราะทุกครั้งที่เธอเห็น เพื่อนสองคนนี้เอาแต่ทะเลาะกันตลอด แล้วไปรักกันตอนไหน เธอล่ะแปลกใจจริงๆ
“ขอโทษค่ะ เงินทอนค่ะ”
นลินทิพย์รับเงินทอนจากบริกรสาวแล้ววางแบงค์ร้อยลงไปอีกครั้ง แล้วหันมาชวนมธุรสกลับ
“ไปกันเถอะน้ำหวาน”
“จ้ะ” มธุรสตอบแล้วลุกตามนลินทิพย์ออกจากร้านอาหาร โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนคอยจับตาดูเธอตลอดเวลา เมื่อเห็นมธุรสเดินออกไปจากร้าน ภควัตก็หันมามองอภิเดชแวบหนึ่ง ก่อนตัดสินใจพูดเรื่องที่เขาอยากทำต่อจากนี้
“ฉันกลับก่อนนะไอ้ใหญ่ พอดีฉันมีธุระที่ต้องทำต่อนิดหน่อย”
“แกจะตามคุณน้ำหวานไปใช่ไหมไอ้พาย”
“อืมม์” ภควัตตอบ ทว่าใบหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา หลังจากที่เห็นมธุรสเดินออกไปจากร้าน แต่ในใจของเขากลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขารู้สึกกระวนกระวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ตกลงคุณน้ำหวานคือผู้หญิงที่แกตามหาอยู่ใช่ไหม” เทียนชัยถามในสิ่งที่ตนสงสัย เขาสังเกตภควัตตั้งแต่ที่อภิเดชบอกว่าสาวหน้าหวานเป็นใครแล้ว แล้วยังท่าทางของธนกฤตอีก เขาก็มั่นใจว่าหญิงสาวต้องเป็นผู้หญิงที่เพื่อนเขาต้องการเจอตัวอย่างแน่นอน
“เออ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะโทรหาพวกแก” ภควัตพูดแค่นั้นก็รีบลุกเดินตามสองสาวออกไปจากร้าน
อภิเดชเลิกคิ้วมองภควัตอย่างแปลกใจ ครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาได้เห็น ท่าทางลุกลี้ลุกลนแบบนี้ แม่สาวหน้าหวานคนนั้นคงมีความสำคัญต่อเพื่อนของเขาไม่น้อย
“พวกเราก็เช็คบิลแล้วกลับกันเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว” ธนกฤตเอ่ยขึ้นมาหลังจากภควัตลุกไปจากโต๊ะ
“แกรู้เรื่องนี้ใช่ไหมไอ้กฤต” อภิเดชถาม
“อืมม์” ธนกฤตพยักหน้าตอบสั้นๆ
“ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่วะไอ้กฤต ฉันงงๆ ไปหมดแล้ว” เทียนชัยถาม มองร่างของภควัตที่เดินหายลับไปนอกร้าน
“มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของไอ้พายกับคุณน้ำหวาน ถ้าแกอยากรู้ก็ไปถามไอ้พายมันเอง” ธนกฤตตัดบทเสียงเข้ม เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งกับปัญหาระหว่างภควัตและมธุรส อยากรู้เรื่องอะไรก็ควรไปถามเจ้าของเรื่อง ให้เขาบอกคงไม่ดีนัก
อภิเดชเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเช็คบิล หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แยกกับเทียนชัยและขับรถไปส่งธนกฤตที่โรงแรมแล้วขับรถกลับบ้าน
///////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...