ตอนที่10 หลังพายุราคะสงบ
ช่วงสายของวันรุ่นขึ้นเกี้ยวหลังหนึ่งถูกหามออกจากสำนักโคมเขียวทางประตูหลัง สตรีผู้นั่งอยู่ภายในสวมอาภรณ์สีเขียวปักลายบุปผางดงาม ใบหน้าของนางอิดโรยซูบเซียวความรู้สึกปวดร้าวกัดกินไปทั่วร่างโดยเฉพาะอวัยวะในร่างกายส่วนหนึ่ง
จิงฉู่ฉู่กำหมัดแน่นเมื่อหวนนึกถึงพายุราะคะบ้าคลั่งที่โหมกระหน่ำใส่นางเกือบจนรุ่งสาง ไม่ทราบได้ว่าเขาจากไปเวลาใดเนื่องจากนางสลบไปหลังจากเขาใช้ร่างกายของนางบำบัดกำหนัดครั้งแล้วครั้งเล่า สติของนางเลือนรางวูบไหวจะเรียกว่าเป็นค่ำคืนเสมือนตกนรกก็ไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากนางเองก็รับรู้ถึงความสุขประสาชายหญิงเป็นหนแรก
นางมารู้สึกตัวอีกคราเมื่อแม่เล้าของสำนักโคมเขียวเข้ามาหานางถึงในห้องพร้อมด้วยสัญญาขายตัวฉบับหนึ่ง แม่เล้าบอกว่ามีคนเถ้าแก่ผู้หนึ่งจ่ายเงินก้อนใหญ่ไถ่ถอนตัวนาง และให้นางออกจากเมืองไปให้เร็วที่สุด สถานการณ์อันแปลกประหลาดนี้คนฉลาดอย่างจิงฉู่ฉู่ย่อมเข้าใจได้ง่ายดายนัก
คนปริศนาผู้นั้นหาใช่ใครอื่นไม่ แม่เล้าก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของคนผู้หนึ่งเท่านั้น
“เล่งฮู้ชงไม่คิดว่าท่านจะร้ายกาจเพียงนี้”
หญิงสาวคิดทบทวนการที่แม่ทัพใหญ่เล่งฮู้ชงเลือกให้นางมาปรนนิบัติย่อมมีเหตผลหลายประการ ประการแรกคือเขาต้องการทดสอบปฏิกิริยาของนางว่าจะแสดงพิรุธอันใดออกมา ประการที่สองเขาย่อมทราบดีว่านางคณิกาคนใดที่เขาเลือกมาร่วมเสพราคะล้วนต้องโชคร้ายเพราะเจ้าหลิงเอ๋อ ว่ากันว่าความริษยาความหึงหวงของสตรีต่อบุรุษที่หมายปองร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ด้วยเหตนี้นางจึงต้องกระเด็นออกจากสำนักโคมเขียวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เพียงเสียความบริสุทธิ์แผนการแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับกลับต้องพังพินาศไปอีกด้วย
“แค้นนี้ข้าต้องคิดบัญชีกับเจ้าแน่”
จิงฉู่ฉู่ลูบคลำท้องน้อยของตนเอง กระทั่งบัดนี้นางยังรู้สึกจุกแน่นปั่นป่วนชวนสังเวท แข้งขาอ่อนปวกเปียกไร้สิ้นเรี่ยวแรง เล่งฮู้ชงร่วมรักกับนางหนักหน่วงหาได้อ่อนโยนทนุถนอมไม่ เขาทำราวกับกำลังทำโทษสั่งสอนประทับรอยราคีให้นางจดจำ
“หยุดเกี้ยว พวกเจ้าเป็นใคร”
จู่ๆ ขบวนเกี้ยวหยุดลงเมื่อเดินทางมาถึงชายป่าห่างไกลผู้คน เงาดำหลายเงาปรากฏตัวขึ้นเสียงพูดคุยสนทนาดังแว่ว พริบตาเดียวก็เกิดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดโลหิตสีแดงสาดกระเซ็นนองพื้น ร่างของคนแบกเกี้ยวล้มตายจนหมดสิ้น จิงฉู่ฉู่นั่งนิ่งไม่ไหวติงพอทุกอย่างสงบนางจึงเลิกม่านขึ้น
บัดนี้เกี้ยวของนางหลายล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์นับสิบคนพวกมันสวมชุดดำปิดบังใบหน้า หากบนศีรษะโผกด้วยผ้าแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของโจรกลุ่มหนึ่ง
“องค์หญิง พวกข้ามารับท่านกลับ” กลุ่มโจรคุกเข่าคำนับ ดาบที่พวกมันถืออาบด้วยโลหิตส่งกลิ่นคาวคลุ้ง
จิงฉู่ฉู่โบกมือ ใบหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์นักแล้วปิดม่านลงดังเดิม เกี้ยวตัวเดิมถูกแบกขึ้นอีกครั้งมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางหนึ่งซึ่งยากจะมีผู้ใดล่วงรู้