ตอนที่4 นางโลมผู้เลอโฉม

942 Words
ตอนที่4 นางโลมผู้เลอโฉม นางโลมในสำนักโคมเขียวแห่งนี้มีหลายประเภททั้งสตรีที่ขายเรือนร่างเพื่อแลกเงินและขายศิลปะชั้นสูง เจ้าหลิงเอ๋อก็เป็นหนึ่งในนางโลมประเภทหลังนอกจากความงดงามราวกับเทพธิดาของนางแล้ว นางโลมอันดับหนึ่งผู้นี้นับว่าเป็นผู้มีศิลปะทางด้านดนตรีเป็นเลิศ ปลายนิ้วเรียวกรีดกรายลงน้ำหนักไปบนเครื่องสายพลันเกิดเสียงเพลงจากสรวงสรรค์ แขกเหรื่อในสำนักโคมเขียวจับจ้องนางเป็นตาเดียวกัน ว่ากันว่าเจ้าหลิงเอ๋อมีนิสัยเย่อหยิ่งนางเลือกรับแขกเฉพาะผู้ที่นางพึงใจเท่านั้น การปรากฏกายของนางในค่ำคืนนี้จึงนับว่าเป็นราตรีอันสุดพิเศษ “งดงามราวกับนางเทพธิดา” บุรุษหนุ่มน้อยผู้หนึ่งพึมพำ ขณะที่เหล่าบุรุษผู้อื่นกำลังเคลิบเคลิ้มล่องลอยไปกับรูปโฉมและเสียงดนตรีอันไพเราะของเจ้าหลิงเอ๋ย มีเพียงแม่ทัพเล่งฮู้ชงเท่านั้นที่เพิกเฉยนั่งจิบสุราอยู่เงียบๆ เท่านั้น นางโลมอันดับหนึ่งแห่งโคมเขียวกวาดสายตาหวานหยดย้อยของนางมองสำรวจไปทั่ว บุรุษที่นางสบตาต่างเหมือนถูกอำนาจความงามของนางสะกดเอาไว้ทั้งสิ้น บุรุษเพศเหล่านี้แม้จะเก่งกล้าสามารถสักปานใดก็ย่อมพ่ายแพ้ตกสู่หลุมพรางตัณหาที่ขุดขึ้นจากน้ำมือสตรีวเพศเช่นนางทั้งสิ้น พลันสายตาของนางสะดุดอยู่กับใบหน้าของชายผู้หนึ่ง เขาโดดเด่นภายใต้ความปรกติธรรมดา เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ดูไม่ต่างจากชาวบ้านสามัญชนตามท้องถนนก็จริงหากมีบางอย่างกระตุ้นให้หัวใจนางเต้นตึก ‘เป็นเขานั่นเอง’ หัวใจของเจ้าหลิงเอ๋ยยามนี้ไม่ต่างกับอาชาผยศที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระทะยานพุ่งออกมาจากคอก ‘คนใจหิน’ นานจนไม่อาจนับเวลาได้แล้วกระมังที่เขาจากไป แล้วดูตอนนี้สิท่าทีของเขามิได้แสดงออกว่าดีใจเลยสักนิดผิดกับนางที่แทบกระโดดโลดเต้นเป็นคนเสียสติอยู่เพียงผู้เดียว เสียงดนตรีที่บรรเลงโดยนางโลมอันดับหนึ่งจบลง ผ้าม่านถูกปิดดังเดิมการแสดงต่อไปคือการออกมาร่ายโคลงกลอนของหญิงนางโลมที่พอจะมีการศึกษา “เตียวหุยรับเงินนี่ไปหาความสำราญกับหญิงงามสักคน จากนั้นก็กลับไปรอข้าที่โรงเตี๊ยม” เล่งฮู้ชงยัดเงินใส่มือของเตียวหุย “แล้วท่าน?” ดวงตาดำใหญ่ประดุจนิลของแม่ทัพใหญ่มีแววสนุก “ข้าก็จะไปหาความสำราญกับหญิงงามเช่นกัน” เตียวหุยไม่เข้าใจในประโยคคำสั่งของผู้เป็นนาย มันมองตามร่างสูงสง่าที่เดินแหวกผู้คนหายไป “นายท่าน ขอให้จูจีปรนนิบัตินะเจ้าคะ” เสียงสดใสของสตรีนางหนึ่งกล่าวขึ้นนางเป็นหญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบปี ใบหน้ากลมไม่จัดว่าเป็นหญิงงามหากมีเสน่ห์เย้ายวนไม่น้อย ผิวพรรณขาวเนียน รูปร่างค่อนไปทางอวบ หน้าอกของนางใหญ่ขนาดเท่ากับผลแตงโม ขุนศึกวัยฉกรรจ์ผู้เชี่ยวชาญการรบหากไร้เดียงสานักกับเรื่องของสตรีเพศหันไปมองกายแล้วชี้ปลายนิ้วมายังตัวเอง “เจ้าเรียกข้า” “ใช่เจ้าค่ะนายท่าน” นางนั่งลงพร้อมกับรินสุราใส่จอกส่งให้เตียวหุย กลิ่นกายของนางหอมประหลาดคล้ายเกสรดอกไม้ชนิดหนึ่ง ประหลาดยิ่งกว่าคือกลิ่นหอมชนิดนี้กระตุ้นราคะให้กำเริบโดยง่าย “ข้าไม่เคยเห็นหน้าท่านมาก่อนเลยนายท่าน” “ข้าเพิ่งมาครั้งแรก” มันยกจอกสุรากรอกเข้าปาก การสนทนากับผู้คนสำหรับมันยากเย็นกว่าหยิบอาวุธขึ้นมาประหัตประหารกันเป็นไหนๆ ยิ่งสตรีเพศด้วยแล้วการพบเจอพวกนางในสนามรบยิ่งน้อยนักจะมีบ้างก็เป็นสตรีรูปร่างบึกบึนจากเผ่ากินคนที่ควงดาบเข้าต่อสู้อย่างไม่กลัวตายเฉกเช่นบุรุษผู้หนึ่ง “เป็นเช่นนี้เอง หากท่านไม่ว่ากระไรคืนนี้ขอให้ข้ามอบความสำราญให้ท่านนะเจ้าคะ นายท่าน” นางชิดเข้ามาใกล้ใช้อกอวบใหญ่เบียดหัวไหล่ของเตียวหุย พลางวางมือลงบนหน้าขาของมันแล้วลูบคลำแผ่วเบา นางโลมเช่นพวกนางล้วนต้องฝึกปรือเพื่อดึงดูดความสนใจของบุรุษ ความนุ่มนิ่มของทรวงถันที่บดเบียดอยู่ก็ดีกลิ่นกายหอมประหลาดของนางก็ดี กิริยาออดอ้อนมารยาของนางก็ดีทำให้ความเป็นชายของเขาตื่นตัว ฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปยิ่งเพิ่งความกำหนัดให้เป็นเท่าตัว “เจ้าทำให้ข้าอยากจะเสพสมกับเจ้า” คำพูดตรงเป็นขวานผ่าซากของเตียวหุยทำให้นางหัวเราะ “นายท่าน ท่านช่างเป็นคนพูดตรงนัก” “หน้าอกของเจ้าทำให้ข้ากระหาย” ไม่เพียงพูดเปล่าเตียวหุยยังจ้องร่องอกของนางเขม็ง ริมฝีปากและลำคอแห้งผากจนต้องแก้ไขด้วยการแลบลิ้นออกมาเลียให้ความชุ่มชื่น “เช่นนั้นข้าขออาสาดับความกระหายให้ท่านเอง ตามข้ามาสิ” นางลุกขึ้นยืนพลางฉุดมือของเตียวหุยให้ลุกเดินตามนางไปด้วย โถงทางเดินชั้นสองของสำนักโคมเขียวทอดยาวขนาบด้วยห้องหับอันปิดมิดชิดหลายห้อง หากความมิดชิดที่กล่าวถึงมิอาจปิดกลั้นน้ำเสียงครางอย่างอิ่มสุขของผู้คนด้านในได้สนิท เสียงครางครวญของสตรีประหนึ่งจะขาดใจปะปนกันเสียงคำรามของบุรุษเพศดังออกมาทุกห้องที่เตียวหุยเดินผ่าน เสียงร่วมรักของหญิงชายเหล่านั้นยิ่งปลุกเล้าให้มันกระหายหนักขึ้น กระทั่งนางโลมจูจีพามันเข้ามายังห้องหนึ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD