ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิทไม่เห็นดวงดาว ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนเมืองกรุง ที่ใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่นและควัน เจ้าของเรือนร่างบอบบางกอดตัวเองหลวม ๆ ยามจ้องมองดวงจันทร์ พลางนึกถึงคำของเพื่อนรุ่นพี่ที่หางานสบายรายได้ดีมาให้ในขณะที่เธอกำลังลำบาก ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่อย่างเร่งด่วน งานที่ว่าไม่ได้มาพร้อมกับเงินก้อนโตแค่อย่างเดียว แต่รวมถึงที่พักสุดหรูใจกลางเมืองอีกด้วย
ปัณณิกา เจริญกิจรักษา หรือ แก้มหวาน ปรายตามองไปยังประตูอยู่หลายรอบ เธออาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ เตรียมตัวสวยพร้อมในทุก ๆ คืนวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่นายจ้างจะแวะเข้ามา ‘พักผ่อน’ ด้วยสักสองสามชั่วโมง เธอรอเขามาเกือบเดือน แต่กลับไม่มีใครแวะเวียนมาหา ทว่าวันนี้กลับมีเสียงกดรหัสผ่านเข้าห้อง ทำเอาหัวใจดวงน้อย ๆ เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกจากอกอวบอิ่ม
เขาไม่เสียเวลาแม้แต่จะเปิดไฟให้ความสว่าง ซึ่งปัณณิกาเองก็ยินดีเพราะยังไม่อยากเห็นหน้า ‘คุณ’ ที่จ่ายค่าตัวเธอด้วยราคาที่แพงแสนแพง ตัวของเขามีทั้งกลิ่นเหล้าและบุหรี่ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมที่ล่อลวงให้เธอหลงใหล
“ไปรอที่เตียง”
เขาเอ่ยเสียงต่ำ ก่อนจะเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว ส่วนปัณณิกานั้นขาสั่น แต่ก็ค่อย ๆ ปีนขึ้นเตียงตามคำสั่งของนายจ้าง เธอบอกกับตัวเองว่าเขาจ่ายแพง แต่กว่าจะแวะมาหาก็สัปดาห์ที่สาม
คืนนี้เธอจึงควรทำหน้าที่ให้คุ้ม สมกับค่าตัวที่ได้รับมา
‘ห้ามจูบ ห้ามรัก’
คือกฎสำคัญที่เธอต้องระวังให้ดีตลอดสามเดือนที่ยังอยู่ในสัญญา ส่วนข้อที่ว่าห้ามนอกกาย เธอไม่มีวันทำอยู่แล้ว
ปัณณิกายังไม่มีใคร เธอไม่เคยจูบเสียด้วยซ้ำ…
“ทำไมยังไม่ถอดเสื้อผ้ารอ” น้ำเสียงของเขาแสดงความหงุดหงิดชัดเจน ปัณณิกาจึงรีบจัดการปลดชุดนอนลูกไม้ผ้าซาตินที่ได้รับข้อมูลมาว่าเขาชื่นชอบ ก่อนจะค่อย ๆ เอนตัวนอนลงตามเดิม
มองจากแสงโคมไฟที่ส่องสว่างจากมุมห้อง ปัณณิกาพอจะเห็นว่าผู้ชายที่นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมามีรูปร่างสมส่วน น่าจะสูงราว ๆ ร้อยแปดสิบเศษและหุ่นค่อนข้างดีพอสมควร พอเขาทาบร่างลงมา เธอก็นอนตัวเกร็งและปล่อยให้เขาจัดการตามใจชอบ
ริมฝีปากประทับจูบลงบนไหปลาร้า ส่วนมือหนาบีบเคล้นสองเต้าหนักหน่วงจนปัณณิการู้สึกเจ็บ เขาขบหัวไหล่กลมมนของเธอเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงไปยังกลางกายสาว และชำแรกเข้าช่องทางสวาทอย่างรวดเร็ว
“ยังไม่มีอารมณ์อีกเหรอ” เขากระซิบถามอย่างไม่พอใจ เมื่อสัมผัสได้ว่าร่างเล็กสะดุ้งแรงเพราะความไม่พร้อม
“คือว่าหนู…”
“ไม่มีชื่อหรือไง ถึงได้แทนตัวเองว่าหนู”
เขาพลิกตัวลงนอน กลิ่นเหล้าผสมกับกลิ่นสบู่อาบน้ำของผู้ชายหอมกรุ่น ส่วนกลิ่นบุหรี่นั้นหายไปแล้ว เธอจึงเดาได้ว่าเขาไม่ได้สูบ แต่น่าจะเป็นกลิ่นที่ติดตัวมามากกว่า
“แก้มหวานค่ะ”
“รับงานครั้งแรก?” เขาขยับตัวขึ้นนั่งก่อนจะจ้องมองเธอผ่านความมืด
“ค่ะ” ปัณณิกายอมรับอย่างอาย ๆ
“ถ้ายังไม่มีอารมณ์ก็ทำอย่างอื่นไปก่อน”
‘คุณ’ ชี้ไปตรงกลางที่ปัณณิกามองเห็นไม่ชัดเพราะความมืด พอเขาถามว่าอยากเปิดไฟไหม เธอก็รีบส่ายหน้าและพลิกตัวคร่อมร่างสูงใหญ่ราวกับคนเป็นงานทันที
ปัณณิกาจำมาจากภาพยนตร์ผู้ใหญ่ที่เธอใช้เวลาศึกษาตั้งแต่ตกลงว่าจะรับงาน เธอยอมทนดูอยู่หลายวันเพื่อที่จะได้ทำหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์ คุ้มกับเงินก้อนที่เขาจ่าย มือเรียวกอบกุมความใหญ่โตอย่างไม่มั่นใจนัก แต่อย่างน้อยเธอก็มองไม่เห็นมัน จึงยังพอจะควบคุมสติของตัวเองได้
สัมผัสจากมือนุ่มทำให้เขาส่งเสียงคำรามเบา ๆ และตรงนั้นก็เริ่มที่จะขยายใหญ่จนปัณณิการู้สึกกลัว มันอุ่นจัดและสู้มือ ทว่าปัณณิกาไม่มีทางยอมแพ้ให้กับความแข็งขืน เธอตั้งใจแล้วว่าจะทำให้มันหมดแรงให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง
เขารั้งร่างเธอเข้าไปใกล้ ก่อนจะขบกัดเนินนิ่ม สลับกับดูดดึงอย่างมัวเมา ลมหายใจของปัณณิกาเปลี่ยนเป็นหอบสั่น หลังจากถูกมือหนาแตะต้องในส่วนที่ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกประหลาด และความรู้สึกนั้นผลักดันให้เธอขยับมือขึ้นลงในจังหวะที่ทำให้ ‘คุณ’ รู้สึกดีจนคำรามออกมาเสียงดัง
เขากระซิบสั่งให้เธอปล่อยมือจากความร้อนที่พร้อมจะระเบิด ก่อนจะกดไหล่บางและดันให้ดวงหน้าหวานเคลื่อนลงต่ำ
“ทำต่อสิแก้มหวาน…” เขาต้องการให้เธอบรรเทาความพลุ่งพล่านด้วยวิธีอื่น ซึ่งปัณณิกาเองก็ไม่ได้ขัดข้อง
เธอรับเงินค่าจ้างมาแล้ว
ขอบคุณหนังผู้ใหญ่ที่หาได้มากมายตามอินเทอร์เน็ต ครั้งแรกของปัณณิกาจึงสร้างความพอใจให้กับเจ้าของร่างสูงอย่างมาก มือใหญ่สอดเข้ากลุ่มผมสีดำนุ่มสลวยเพื่อควบคุมให้ได้จังหวะที่ต้องการ เธอท่องเอาไว้ว่าให้ระวังฟัน แต่สุดท้ายก็มีเผลอบ้าง ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
‘คุณข้างล่าง’ คับแน่นมากจนปัณณิกาเมื่อยปาก น้ำตารื้นขอบตาเพราะความรู้สึกอึดอัดและความร้อนแรงที่เขาเป็นผู้ควบคุม ส่วนร่างใหญ่นั้นเกร็งหนักเพราะความเสียดเสียวที่เล่นงานกันจนแทบคลั่ง
เขาผ่อนลมหายใจก่อนจะดึงเธอขึ้นมาและลงริมฝีปากหยักสวยกัดเนินอกแรง ๆ เป็นการลงโทษที่ทำให้เกือบจะระเบิดก่อนเวลาอันควร มือหนาล่วงล้ำชำแรกช่องทางคับแคบอีกครั้ง และคราวนี้เขายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“แก้ม เธอขึ้นให้ฉันที” เขาออกคำสั่งเสียแหบพร่า พลางถอนนิ้วที่สำรวจหนทางก่อนหน้าออก
“ค่ะ” เสียงของปัณณิกาสั่นน้อย ๆ เธอไม่นึกว่าครั้งแรกก็ต้องเจอท่ายาก ทว่าก็ไม่ได้คิดจะยอมแพ้หรือเอาเปรียบคนที่จ่ายค่าตัว เรือนร่างเปลือยเปล่าค่อย ๆ เคลื่อนตัวจนอยู่ในมุมที่เหมาะ เธอรอให้เขาสวมอุปกรณ์ป้องกันจนเสร็จและขยับบั้นท้ายขึ้นสูง
ทว่าเสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องรับแขกกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน ขัดขวางความร้อนแรงดุจเพลิงไหม้ให้ชะงักลงอย่างน่าเสียดายที่สุด
“ไปเอาโทรศัพท์มาให้ฉัน!”
ปัณณิกากระโจนลงจากเตียงและหยิบของที่เขาต้องการส่งให้ โดยที่ยังไม่ได้สวมอะไรเลยสักชิ้น
“มีอะไร!…” น้ำเสียงของเขาดูร้อนรน ขณะสนทนากับปลายสาย ส่วนปัณณิกาก็เร่งมือสวมเสื้อผ้า ก่อนจะวิ่งไปเตรียมชุดให้กับคนที่กำลังรีบ
เธอไม่แน่ใจว่าปลายสายพูดว่าอะไร แต่การที่คุณคนนั้นสวมเสื้อผ้าอย่างเร่งด่วนท่ามกลางความมืด ทำให้ปัณณิกามั่นใจว่าคงไม่ใช่เรื่องดี และพอเขาขยับตัวเข้ามาใกล้โคมไฟ เผยเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามให้ได้มองชม เธอก็แทบจะกลั้นหายใจ
อย่างน้อยผู้ชายที่เธอเกือบจะเสียความบริสุทธิ์ให้ก็ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี เขาหันหลังให้ระหว่างคุยโทรศัพท์ ในจังหวะที่ต้องติดกระดุมก็แนบเครื่องมือสื่อสารกับหัวไหล่หนา และนั่นทำให้ปัณณิกาตัดสินใจตรงเข้าไปช่วยโดยไม่รอช้าอีก
“ขอบใจ” พอกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกกลัดเรียบร้อยแล้ว เขาก็คว้ากุญแจรถและรีบออกจากห้องไปในทันที
‘คุณ’ ทิ้งให้ปัณณิกาให้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะรอดพ้นจาก ‘คืนวันศุกร์’ ไปได้อีกวัน