และข่าวลือในหมู่บ้านก็เป็นไปตามที่พี่ชายของหลินซิงเหยียนเป็นกังกล แต่สำหรับหญิงสาวนั้นเธอไม่ได้สนใจในข่าวลือของคนปากหมาที่ไปปล่อยข่าวผิดๆ ของเธอกับกู้หยวนหลงในหมู่บ้าน จนชายหนุ่มที่ตกเป็นข่าวกับสาวน้อยนั้นต้องเดินทางมาถึงบ้านของสองพี่น้องตระกลูหลินเพื่อจะพูดคุยกันให้เข้าใจและรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของบ้านของฝ่ายหญิง เพราะลุงผู้ใหญ่บ้านถึงกับเดินทางมาหาชายหนุ่มเพื่อฟังเรื่องจริงจากปากของเขาเอง แต่เพราะยายเม้าปากปลาแดกนั้นพูดไปในทางที่เสียหาย มีทางเดียวคือต้องแต่งหลินซิงเหยียนเข้าบ้านของกู้หยวนหลงเพื่อกลบข่าวที่ลือในหมู่บ้านไผ่งามในตอนนี้
ป้าต้วนที่บ้านใกล้กันกับกู้หยวนหลง คอยดูแลเจ้าแฝดทั้งสองเวลาที่ชายหนุ่มขึ้นเขาไปล่าสัตว์ที่ภูเขาท้ายหมู่บ้านเป็นประจำ ก็มาถามข่าวจากชายหนุ่มเหมือนกัน เพราะนางเชื่อว่ากู้หยวนหลงไม่ใช่คนที่จะทำให้หลินซิงเหยียนเสียหาย พอได้คำตอบที่ฟังพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้าน ทุกคนจึงลงความเห็นว่าต้องไปหาสองพี่น้องบ้านหลินกับข่าวที่ลือในตอนนี้ เพราะว่าตั้งแต่บิดามารดาของหลินอี้เหิงกับหลินซิงเหยียนเสียชีวิตไป เขาที่เป็นเพื่อนกับบิดาของเด็กทั้งสองก็ให้ความช่วยเหลือเด็กสองคนมาโดยตลอด มีงานในไร่นาก็จะเรียกมาทำโดยตลอด ที่นาของสองพี่น้องก็แบ่งให้หัวหน้าหมู่บ้านเช่าครึ่งหนึ่ง เพราะทั้งสองพี่น้องนั้นทำไม่ไหวเพราะกำลังของสองพี่น้องไม่ถึงจึงปลูกแค่พอกินในครอบครัวของตัวเองเท่านั้น
จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสามกับเจ้าแฝดลูกของกู้หยวนหลงจึงพากันเดินมุ่งหน้ามาหาสองพี่น้องบ้านหลินหลังจากที่ทำธุระในบ้านเสร็จ บ้านของหลินอี้เหิงนั้นห่างออกมาจากในหมู่บ้านมาก เป็นบ้านอิฐอย่างดีของพ่อกับแม่ช่วยกันสร้างหลังจากพากันค้าขายในเมืองมาหลายปีจนตายจากไป ทิ้งสองพี่น้องเอาไว้นี้จึงทำที่บ้านลำบากนับจากนั้นมา เงินก้อนสุดท้ายตอนพ่อกับแม่ตายยังโดนญาติพี่น้องโกงเอาไปหมด จนทำให้ทั้งสองพี่น้องลำบากเพราะลุงใหญ่โกงว่าจะช่วยเก็บเอาไว้ในช่วงจัดงานให้พ่อกับแม่เพราะตอนนั้นสองพี่น้องกำลังเสียใจพี่ชายของบิดาจึงจัดการทุกอย่างแทนแต่ยังดีที่มีบ้านที่ใส่ชื่อของมารดาเอาไว้จึงทำให้ทางบ้านปู่กับย่าเอาคืนไปไม่ได้ เพราะมารดานั้นเป็นคนซื้อเอาไว้ในชื่อของแม่เอง
พวกท่านคงจะรู้ว่าญาติทางบ้านสามีนั้นมีแต่พวกแร้งกากันทั้งนั้น ทั้งสองพี่น้องยังไม่รู้ว่าบิดามารดานั้นทิ้งที่ดินในเมืองเอาไว้ให้เป็นตึกสามคูหาและในตลาดอีกสองคูหา ที่ดินเปล่าอีกห้าไร่ติดกับตึกสามคูหาด้วย ในความทรงจำเก่าของหลินซิงเหยียนนั้นมารดาเคยบอกเธอว่าไปค้าขายต่างอำเภอกับบิดา ทั้งสองคนจึงมีหน้าที่เรียนหนังสือเพียงเท่านั้น พอขาดเสาหลักจึงเป็นพี่ชายที่หาเลี้ยงน้องสาวต่อและที่เขายังไม่เข้าไปทำงานในตัวอำเภอนั้นก็เพราะเป็นห่วงน้องสาวที่ต้องอยู่บ้านตามลำพังคนเดียว เพราะเขาไม่ไว้ใจใครถ้าเขาไม่อยู่บ้านเองกับน้องสาว จึงทำให้ทั้งสองคนพี่น้องลำบากกันมาหลายปี ตอนนั้นหลินอี้เหิงนั้นจบมัธยมปลาย หลินซิงเหยียนก็จบมัธยมต้น เพราะไม่เคยลำบากมาก่อนพอขาดพ่อกับแม่เด็กสองคนจึงลำบากกันพอสมควร พอไม่มีเงินจึงทำให้ทางบ้านของคู่หมั้นหาว่ายากจนจึงกับร่วมมือกันหักหลังไปร่วมมือกันกับทางบ้านลุงใหญ่เพราะอยากเปลี่ยนตัวคู่หมั้นลับหลังหลินซิงเหยียนนั้นเอง
แต่ไม่ใช่กับจันจิราที่เข้ามาแทนในร่างสาวน้อยหลินซิงเหยียนที่ไม่เคยมีความรักทั้งชีวิตอุทิศให้การช่วยเหลือเด็กที่ห่างไกลจากในเมืองตามดอย ตามหมู่บ้านบนดอยที่สูงเดินทางก็ลำบาก เธอจึงเป็นทุกอย่างของทุกคนในหมู่บ้านบนดอย ย้อนกลับจากการรำลึกอดีด
เธอพบสิ่งมหัศจรรย์คือมิติของห้างสรรพสินค้าที่มีทุกอย่างและใช้ได้ไม่มีวันหมดจนกว่าจะหมดอายุไขของเธอในภพนี้จะหมดลง ทำให้เธอนั้นเสียใจที่ไม่สามารถกลับไปที่ภพเก่าได้อีกแล้ว ความรู้ทุกอย่างที่ติดตามมาทั้งอาวุธที่เธอมีนั้นครบหมดทุกอย่าง ทีนี้ละสนุกแน่ สำหรับตำรวจลาดตระเวนชายแดนสาวนักร้องเสียงดีของเด็กๆ เพราะตอนที่เธออยู่บนดอยเธอเคยตั้งวงดนตีกับเพื่อนๆ ต.ช.ด ร้องเพลงให้เด็กกับคนแก่บนดอยฟัง
ในความทรงจำหลินซิงเหยียนนั้นได้รับรู้แล้วว่ามารดามีตึกให้ในอำเภอถงซาน หลินซิงเหยียนจะชวนพี่ชายไปทำการค้า เธอจะเปิดร้านอาหารแล้วก็ร้องเพลงแสดงสดให้คนที่มากินอาหารที่ร้านของเธอนั้นมีความสุข หมอลำลูกทุ่งนั้นเธอร้องได้หมด แถมมีลำโพง ใส่แค่ดนตรีเข้าไปก็ทำให้ร้องเพลงได้ทุกเพลงที่อยากจะร้องเตรียมพร้อมแด๊นให้กระจายไปเลย เธอนอนคิดด้วยความดีใจกับสิ่งที่สวรรค์นั้นมอบให้มากับร่างใหม่นี้ เข้าออกได้ตามที่เจ้าของมิตินั้นต้องการ คือมันดีเวอร์เธอคิดในใจ
"ไปดีนะสาวน้อย พี่จะใช้ชีวิตที่เหลือแทนเธอให้ดีเอง ไอ้คู่หมั้นชั่งกระบ๊วยนั้นปล่อยมันไป ดีแล้วที่เธอหลุดพุ้นจากมันมา อีกไม่นานหรอก พี่สาวจะเอาคืนพวกมันให้กระอักเลือดตายไปเลย นี้มันยุคไหนแล้วในเมืองออกจะคึกคักกับการค้านักร้องนักแสดงก็มีให้เห็นแล้ว พี่จะพาร่างของเธอไปหาความสุขเองนะสาวน้อยหึๆ"
พอถึงเวลาเธอก็แอบขึ้นไปทำมื้อเช้ารอพี่ชาย ดีนะที่บ้านมีบ่อน้ำจึงไม่ลำบากมาก พ่อกับแม่ก็ทำเอาไว้ให้ลูกทั้งสองคนเป็นอย่างดี หลินซิงเหยียนนั้นคิดว่าแม่ของร่างนี้ไม่ใช้คนชนบท คงจะมาจากเมืองหลวงอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ทำให้กับลูกนั้นมารดาทำไว้อย่างดีทุกอย่าง
หลังจากที่กินข้าวเช้ากันอิ่ม วันนี้จึงจะลองคุยเรื่องร้านค้าในเมืองกับพี่ชาย ตอนนั้นอายุยังไม่ถึงจึงยังไม่กล้าพากันไปที่พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้ คงต้องหาเงินไปพื้นฟูเสียใหม่ กลัวอะไรในมิติมีเยอะแยะ เธอคิดในใจก่อนจะเดินออกมาจากในครัวเพื่อที่จะคุยกับพี่ชายเรื่องของตึกในเมือง
"พี่ใหญ่ น้องอยากรู้เรื่องของตึกในเมืองแล้ว น้องคิดว่าเราเข้าไปอยู่ในอำเภอกันดีไหมคะ จะได้มีลู่ทางค้าขาย ตอนนี้น้องก็สิบแปดแล้ว พี่ใหญ่ก็ยี่สิบเอ็ดแล้ว พวกเราไปค้าขายกันลองดูไหมคะ น้องว่าที่นาก็ให้ลุงผู้ใหญ่บ้านเช่าต่อไป แบ่งข้าวคนละครึ่งทุกปีก็พอ หรือจะให้เช่าเป็นรายปีไปเลย ขอเงินไปลงทุนค้าขายดีกว่าไหมคะ น้องว่า"
"เราจะไปขายอะไรดีละน้องเล็ก เงินทุนของเราก็ไม่มีพอที่จะไปตกแต่งร้านค้า รอให้พี่ขายข้าวโพดที่ปลูกก่อนไหม แล้วเราค่อยเข้าไปดูร้านของเรากันจะได้มีเงินซ่อมแซมลงทุนร้านค้าด้วย ถ้าน้องเล็กไม่อยากอยู่ที่นี้พี่ก็จะพาน้องไปอยู่ในเมือง เมื่อก่อนพี่ชวนน้องเล็กเองไม่อยากจะไปเพราะไม่อยากห่างจากคู่หมั้น ตอนนี้ถ้าน้องพร้อมแล้ว พี่ก็ไม่ขัดข้องรออีกสักสามเดือนได้ไหมให้พี่ขายข้าวโพดก่อนคงจะได้เงินลงทุนและซ่อมร้านค้าให้น้องได้"
"น้องขอโทษที่เมื่อก่อนยึดติดกับชายสารเลวคนนั้น จนทำให้พี่ต้องมาทำงานในไร่นาเพราะไม่อยากทิ้งให้น้องอยู่ที่บ้านคนเดียว ถ้าพี่ทำงานในเมืองคงจะมีเงินและไม่ลำบากแบบนี้ น้องขอโทษนะคะ พี่ชาย"
หลินซิงเหยียนไหว้ขอโทษพี่ชายที่เสียสละทุกอย่างเพื่อดูแลเธอแทนพ่อกับแม่ที่ตายจากไป
"ไม่เป็นไร เรามีแค่สองคนพี่น้อง ขอให้น้องของพี่มีความสุข อยู่ที่ไหนพี่ก็ทนได้ น้องอย่าได้คิดมากกับเรื่องที่ผ่านมา พี่เข้าใจน้องเล็กทุกอย่าง จากนี้ไปพวกเราจะไปเริ่มใหม่กันในเมืองกันนะน้องพี่"
พี่ชายคุยกันกับน้องสาวด้วยความเข้าใจ