ตอนที่ 5 เพราะเจ้าต้องการข้า
"เสี่ยวอี้เจ้าว่าข้าปักผ้าลายนี้ดีหรือไม่หรือจะเป็นลายนั้นดีนะ" ซุนฮวายกผ้าเช็ดหน้าที่กำลังปักลวดลายให้สาวใช้ได้ดู นางลังเลไม่รู้ว่าควรจะปักลายไหนดี ผ้าเช็ดหน้าจึงถูกกางเอาไว้ทั้งสองผืน
เสี่ยวอี้เสียบดอกไม้ลงแจกันดอกสุดท้าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้านายตนเอง หนึ่งสาวใช้กับหนึ่งพระชายากำลังช่วยกันออกความคิดเห็นเรื่องผ้าเช็ดหน้าอย่างตั้งใจ ทั้งสองไม่ได้ระแวดระวังอันใดเพราะรู้อยู่แล้วว่าตำหนักท้ายจวน หาได้มีผู้ใดเข้ามาวุ่นวายไม่ เพราะคำสั่งของเจ้าของจวนที่สั่งเอาไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระชายาอย่างนาง หากถึงเวลาอาหารจะเป็นเสี่ยวอี้ผู้นั้นที่เดินไปรับอาหารจากโรงครัวมาให้เจ้านายของตนเอง การอยู่ที่จวนอ๋องนับว่าดีกว่าตอนอยู่จวนบิดานางเป็นไหน ๆ เพราะอยู่ที่นี่นางก็อยู่แค่ตำหนักตนเอง ไม่ต้องออกไปทำงาน หรือวุ่นวายกับผู้ใด ไม่เหมือนเช่นดังอยู่จวนสกุลกัว
ปัง!!!
เสียงประตูที่ถูกกระชากดังขึ้นเสี่ยวอี้วางผ้าเช็ดหน้าลงและรีบเดินออกไปดู เมื่อเห็นว่าผู้ใดที่บังอาจเข้ามายังห้องนอนของพระชายา นางก็เบิกตากว้างและเดินถอยหลังเข้ามาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
"พระชายาเพคะ..."เสี่ยวอี้เรียกเจ้านายตัวเองเสียงสั่นใบหน้าหวาดหวั่นอย่างปิดไม่มิด
"ออกไป!!!" เสียงเข้มที่ดังขึ้น ทำให้ซุนฮวาเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นใบหน้าเย็นชาของผู้เป็นสวามีเดินเข้ามาในห้องอย่างมาดร้าย
"เอ่อ..."
เสี่ยวอี้ไม่ยอมออกไป เพราะเป็นห่วงเจ้านาย นางหันหน้าไปมองพระชายาซุนฮวาเพราะรับรู้ได้ว่าการมาของท่านอ๋องสูงศักดิ์ในครั้งนี้ไม่ปกตินัก ตั้งแต่เจ้านายนางแต่งเข้ามามีครั้งไหนบ้างที่ท่านอ๋องจะเข้ามาหาเช่นนี้ หลังจากเนรเทศนางทั้งสองคนมาแล้ว เขาก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาหาเลย คงจะมีแค่วันนี้ที่องค์ไท่จื่อมาหาพระชายานางนั่นกระมัง จึงได้เห็นหน้าของท่านอ๋องฉงซานเสียที
"คำพูดของข้าเจ้าไม่เข้าใจตรงไหน พ่อบ้านเฉินลากนังบ่าวอวดดีผู้นี้ไปโบยหนึ่งร้อยไม้" พ่อบ้านเฉินรีบวิ่งเข้ามาเพราะเสียงคำรามของจ้าวฉงซาน
กัวซุนฮวาลุกขึ้นยืนและไม่ลืมคำนับสามีตามมารยาทที่พึงกระทำ จ้าวฉงซานไม่แม้แต่จะเอ่ยอันใดออกไป พ่อบ้านเฉินหันไปมองพระชายา เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี คำสั่งของท่านอ๋องก็หาได้ขัดได้ เสี่ยวอี้น้ำตาไหลพรากมองหน้าพระชายาตนเองและส่ายหน้าไปมา
"ทูลถาม...เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องสั่งโบยคนของหม่อมฉันเช่นนี้ด้วยเพคะ นางทำสิ่งใดให้ท่านไม่พอใจหรือ" หากทำผิดจะสั่งลงโทษนางไม่ว่าสักครึ่งคำ แต่นี่ทั้งนางและสาวใช้ก็อยู่กันอย่างเจียมตัวมาโดยตลอด เขาสั่งจองจำให้นางอยู่แค่ตำหนักท้ายจวนนางก็ไม่เคยขัดคำสั่งออกไปไหนสักครั้ง ดูเหมือนท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์จะไร้เหตุผลเกินไปเสียแล้ว
จ้าวฉงซานตวัดสายตากลับมามองกัวซุนฮวาก่อนจะหันไปตวาดพ่อบ้านใหญ่เสียงดังลั่น
"หรือจะต้องให้ข้าสั่งโบยเจ้าด้วยอีกคน ลากตัวนังบ่าวชั่วออกไปโบย"ไม่ต้องรอให้สั่งเป็นครั้งที่สามพ่อบ้านเฉินรีบเข้ามาจับแขนของเสี่ยวอี้และดึงออกไป สีหน้าพ่อบ้านก็ไม่สู้ดีนัก เพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่ารังแกคน
"ท่านอ๋องเพคะ โปรดแจ้งแก่หม่อมฉันสักเพียงนิดเถอะนี่มันเรื่องอันใดกันแน่ สาวใช้ของหม่อมฉันทำสิ่งใดผิด" ซุนฮวากำมือแน่นมองตามสาวใช้ที่โดนลากออกไปอย่างเจ็บปวด พระชายาไร้อำนาจเช่นนางจะทำอันใดได้ แม้แต่ปกป้องคนของตนเองก็ยังทำไม่ได้เลย
"หุบปากซุนฮวาสตรีหน้าหนา เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้กล้านัดองค์ไท่จื่อมาหาถึงที่นี่ นี่ถ้าข้ามาไม่ทันเจ้าก็คงจะลอบวางยาพี่ชายข้าเช่นเดียวกับที่ทำกับข้าใช่หรือไม่" ซุนฮวาสูดลมหายใจเข้าปอดจนหน้าอกกระเพื่อม นึกชิงชังคนไร้เหตุผลเช่นเขานัก
"หม่อมฉันบอกท่านอ๋องไปแล้ว ว่าหม่อมฉันไม่ได้ทำ ท่านอ๋องโปรดตรองดูเสียหน่อยเถอะ หม่อมฉันจะทำเช่นนั้นไปเพื่อเหตุใด ในเมื่ออีกไม่นานหม่อมฉันก็จะได้รับพระราชทานมงคลสมรสให้อภิเษกกับองค์ไท่จื่ออยู่แล้ว แล้วมีเหตุผลใดที่หม่อมฉันต้องวางยาพระองค์ด้วย หากเลือกได้ผู้ใดบ้างจะไม่อยากได้ครองบุรุษที่ดีงามเช่นองค์ไท่จื่อจ้าวตี๋เฟย" รวมถึงกัวหลี่หนิงน้องสาวนางเช่นกัน เหตุใดเรื่องแค่นี้จ้าวฉงซานถึงได้ดูไม่ออกกัน
เพียงแค่ได้ฟังคำพูดที่ดูอวดดีจากปากของพระชายาที่ไร้ค่าในสายตาตนเอง โทสะในใจของฉงซานก็ปะทุขึ้น ร่างหนาเดินเข้าไปกระชากแขนซุนฮวาให้หันมาเผชิญหน้ากับตนเอง อาภรณ์บางเบาที่นางสวมใส่เกี่ยวกับขอบโต๊ะขาดออกจนเห็นหน้าอกกลมกลึง จ้าวฉงซานชะงักอยู่กับที่ ดวงตาคมจ้องมองอกอวบอิ่มไม่วางตา
"ว้าย...อย่ามองนะเพคะ" ร่างบางรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกของตนเอง ใบหน้าแดงเหมือนผลอิงเถาน่าดูชมทว่าไม่มีผลกับคนเช่นจ้าวฉงซานอ๋องใจโฉด
"หึ!!!...อย่ามองหรือไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็อยากให้ข้ามอง อยากให้ข้าสัมผัสไม่ใช่หรือ วันนี้ข้าจะยอมลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับเจ้าเอง เจ้าจะได้ไม่ต้องดึงฟ้าลงมาต่ำ นัดองค์ไท่จื่อผู้สูงส่งให้มาแปดเปื้อนไปกับเจ้า"
จ้าวฉงซานจับร่างบางเหวี่ยงลงไปบนที่นอน ร่างหนาโถมตัวทาบทับลงไปปลายจมูกโด่งกดลงไปที่ลำคอระหง มือหนาก็บีบขยำไปที่ดอกท้อคู่งาม ซุนฮวาพยายามจะดิ้นหนีทว่าไม่สามารถสู้แรงของคนตัวโตได้เลย
อาภรณ์ของนางถูกฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี มือหนาเลื่อนลงมายังด้านล่าง หัวเข่าแกร่งดันแยกขาเรียวให้ออกจากกัน นิ้วหนาแบะกลีบบุปผาให้อ้ากว้าง ฉงซานใช้ความว่องไวสะกิดติ่งไตสีหวานที่สั่นไหว
"อะ...ยะ...อย่าเพคะท่านอ๋องได้โปรด...อื้อ..."เสียงหวานทั้งห้ามทั้งคราง นางไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี สมองมึนงงไปหมดแล้ว
จ้าวฉงซานไม่รอให้เสียเวลา ทั้งโทสะและอารมณ์ปรารถนาปะปนกันวุ่นวาย เขาไม่อาจทนความต้องการของตนเองได้อีก หยกแท่งโตถูกจับไปจ่อที่กลีบบุปผางาม ก่อนแทรกตัวเข้าไปทีเดียว
"กรี๊ด!!!...ข้าเจ็บ...เอาออกไป...ฮือ..." ซุนฮวากรีดร้องขึ้นใบหน้าหวานเปียกปอนไปด้วยน้ำตา ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจายเต็มหมอน
จ้าวฉงซานชะงักค้างเหตุใดจึงเจ็บอยู่เล่า ถึงแม้ว่าคืนนั้นเขาจะไม่มีสติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำสิ่งใดไม่ได้เขาและนางผ่านการร่วมเตียงกันมาก่อน แต่นี่ไม่ใช่เวลามาหาเหตุผล
"เจ็บก็ต้องทน เจ้าอยากแต่งเข้ามาในจวนข้า เจ้าก็ต้องทำหน้าที่บำเรอให้ข้า"
พั่บ!!!พั่บ!!!พั่บ!!!
จ้าวฉงซานกระแทกบั้นท้ายเข้ากับร่างบางอย่างรุนแรงและดุดัน ตามอารมณ์และความต้องการของเขาในตอนนี้ เสียงหยาบโลนของบั้นท้ายที่กระทบกันดังลั่น ทว่ายังไม่ดังเท่าเสียงกรีดร้องของซุนฮวา นางทั้งผลักไสและจิกข่วนไปทั่วแผ่นหลังและหน้าอกจนจ้าวฉงซานรู้สึกรำคาญ เขารวบมือบางของนางประกบกันและมัดด้วยเศษผ้า ซุนฮวากรีดร้องอย่างเกลียดชัง จ้าวฉงซานยกมือขึ้นไปบีบปากนางอย่างแรง ซุนฮวาไม่ทันได้ตั้งตัวฟันกระทบกับลิ้นบางเสียจนได้กลิ่นคาวคล้ายสนิมที่ฟุ้งขึ้นมาในปาก
"หากเจ้ายังไม่หยุดร้อง ข้าจะทำให้เจ้าร้องไม่ได้อีกตลอดชีวิต"
ซุนฮวาตกใจนางรีบกัดริมฝีปากตนเองแน่น จ้าวฉงซานรู้สึกพอใจเมื่อนางเงียบเสียงไป ได้ยินเพียงเสียงหอบหายใจของนางที่ดังขึ้น สัญชาตญาณดิบของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ร่างหนาจับเอวบางเอาไว้แน่น ก่อนจะกระแทกแท่งหยกร้อนเข้าออกร่องแคบอย่างแรงเร็ว เสียงคำรามของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายซุนฮวาทนต่อไปไม่รู้กี่รอบจนร่างกายรับไม่ไหวอีกแล้ว นางจึงชิงสลบคาอกไปในที่สุด