6

1575 Words
“กรี๊ด!!!”เธอกรีดร้องทันทีเมื่อเขาคว้าขาเพรียวเอาไว้ ก่อนดึงเข้าไปหา สีหน้าบอกว่าไม่ได้พูดเล่น “อาปราชญ์ อย่านะ จะทำอะไร” “มัดเอาไว้ดีไหม ฤทธิ์เยอะนัก” เขาคำรามลั่น “อย่านะคะ” “งั้นก็สงบสติอารมณ์ก่อน คนเราน่ะถ้านิ่งเอาไว้จะได้เปรียบ ไม่ใช่เอาแต่อาละวาดแว้ดๆๆ เป็นคนอื่นโยนทิ้งออกไปนอกบ้านแล้ว” เขาเท้าสะเอว ดวงตาดุวับ น้ำเพชรเม้มปากแน่น เธอเป็นคนตรงไปตรงมา และแรงๆ ไม่ใช่พวก   สวมหน้ากาก ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง เธอจะเป็นแบบนี้ ใครจะทำไม! “อาปราชญ์ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของนางจิ้งจอกสิบเก้าหางหรอก” “เพิ่มไปอีก 10 หางเหรอ?” บางทีเขาก็นึกเอ็นดูยายเด็กแสบนัก “ไม่ได้เพิ่ม แต่ยายนั่นมีสิบเก้าหาง มากกว่าพี่สาวสิบหางมานานแล้ว” ปราชญ์แทบหลุดขำกับประโยคเปรียบเทียบเปรียบเปรยของเธอ        แต่เขาก็เก๊กทำหน้าขรึมเอาไว้ “ไม่เอาน่า คนตายไปแล้ว พูดถึงทำไม” “รักเขามากหรือไง” เธอถามอย่างน้อยใจ กี่ปีๆ ปราชญ์ก็ยังรักผู้หญิง  คนนั้น “ถามให้ได้อะไรขึ้นมา เราทำร้ายคนอื่นแบบนั้นไม่สำนึกหรือไง” น้ำเสียงของเขาขรึมเข้ม แววตาตำหนิ น้ำเพชรเม้มปาก สะบัดหน้าพรืด “พี่สาวตายไปแล้ว ยายคนน้องก็เหมือนผี ตามมาหลอกมาหลอนกันอีก ยายนั่นร้ายกว่าพี่สาว คิดจะเคลมอาปราชญ์ทั้งๆ ที่อาปราชญ์ยังคบอยู่กับพี่สาวของหล่อน” “เหลวไหล” ปราชญ์ทำเสียงรำคาญ “อาปราชญ์อย่ามาทำเสียงรำคาญนะคะ พูดความจริงทั้งนั้น ทำเป็นรับไม่ได้” เธอรู้ทันผู้หญิงพวกนั้น ไม่ว่าจะมารยาร้อยเล่มเกวียนขนาดไหน มีแต่ปราชญ์นั่นแหละ ตามไม่ทันพวกหล่อน  “อาคงต้องขังเพชรเอาไว้ในห้อง เพื่อไม่ให้ออกไปอาละวาดข้างนอกอีก แถมต้องฉีดยากันพิษสุนัขบ้าด้วย เกิดเผลอไปกัดใครเข้า จะได้ไม่เป็น...” “อาปราชญ์!” เด็กสาวแหวใส่ทั้งๆ ที่เขายังพูดไม่ทันจบ เมื่ออีกฝ่าย     หาว่าเธอบ้า เธอบ้าก็เพราะใครล่ะ อุตส่าห์แก่แดดจองเขาเอาไว้ตั้งหลายปี จู่ๆ เขาก็จะไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาแต่งงานเป็นเมีย เธอไม่ยอมหรอกนะ “ถ้าไม่อยากโดนขังก็หัดสงบสติอารมณ์เอาไว้บ้าง อย่าเอาแต่อาละวาด หัดใช้เหตุผลบ้าง” “เหตุผลอะไรกันคะ ก็เห็นอยู่ว่าอาปราชญ์กำลังจะทำอะไรยาย        นับเดือน” “คิดไปเอง” “เพชรเห็นกับตา” “สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คิด” น้ำเพชรไม่ได้ฟังว่าอาหนุ่มกำลังอธิบายในสิ่งที่เขาอยากอธิบาย แต่เธอคิดว่าเขาแก้ตัว “เพชรเปล่า” “พอเถอะ ทะเลาะกันก็รังแต่จะยิ่งอารมณ์รุนแรง อยู่ในห้องนี้ก่อน      ถ้าสงบสติอารมณ์ได้แล้วค่อยลงไปกินข้าว” “อาปราชญ์จะขังเพชรเหรอ” นิสัยเดิม ความเอาแต่ใจกลับมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เธอสำนึกเรื่องที่นับดาวต้องตายเลยยอม แต่ตอนนี้ศัตรูตัวจริง  กลับมาแล้ว เธอจะไม่ยอมอีกต่อไป ปราชญ์ไม่พูดอะไรอีก เขาจัดการล็อกห้องอย่างแน่นหนา ก่อนจะได้ยินเสียงเธอกรีดร้องอาละวาดอยู่ในห้อง ซึ่งเขาไม่สนใจ “เดือนทำให้น้องเพชรโกรธพี่ปราชญ์หรือเปล่าคะ” นับเดือนเอ่ยถามหลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องของน้ำเพชร เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า      ชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว “ช่างเขาเถอะครับ เขาก็ชอบอาละวาดแบบนี้มานานแล้ว” “แกยังเด็กน่ะค่ะ” นับเดือนแกล้งพูดเข้าข้างน้ำเพชร ทั้งๆ ที่เธอเกลียดแสนเกลียดน้ำเพชรสุดใจ คิดวางแผนตั้งนานกว่าจะสบโอกาส เธอเองที่เป็นคนจ้างให้คนขับรถ  ไปชนนางนับดาวพี่สาวที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตตั้งแต่เธอลืมตาดูโลก นางนั่นแย่งความรัก แย่งคนรัก แย่งอาหารดีๆ ที่เธอควรจะได้ แย่งเสื้อผ้า   ข้าวของใหม่ๆ ที่บิดามารดาซื้อให้ เพราะนางนั่นต้องได้ใช้ของอะไรก่อนเธอเสมอ เธอเลยจัดการมันก่อนแต่งงานไม่กี่วัน เพราะถ้าพี่สาวของเธอตาย       เธอนี่แหละจะมาแทนที่ แต่นับดาวไม่ได้โดนรถชนอย่างเดียว กลับมีน้ำเพชร อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทำให้ปราชญ์เข้าใจผิดว่าน้ำเพชรตั้งใจผลักนับดาวให้  รถชนจนตาย ความเข้าใจผิดของปราชญ์ที่มีต่อน้ำเพชรทำให้เธอนึกดีใจ อยากทำให้ปราชญ์เกลียดยายเด็กนั่นมากๆ จะได้เลิกอุปการะเลี้ยงดู แต่ทำไปทำมา    เขากับยายเด็กนั่นกลับยิ่งใกล้ชิดกันเข้าไปอีก ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่มีใครรู้ แต่คนในบ้านรู้ดี เธอกลับมารอบนี้    จะทำให้ความเกลียดของปราชญ์ที่ลดน้อยถอยลงไป เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง       จนตัดขาดกับนางเด็กเปรตนั่นไปเลย เธอนี่แหละ จะทำให้น้ำเพชรเป็นนางมารใจร้ายรอบสอง รอบนี้เธอจะทำให้เขาตัดยายเด็กร้ายกาจคนนั้นออกไปจากชีวิตให้จงได้ “ช่างเถอะเดือน อย่าไปสนใจเค้าเลย” เมื่อเขาบอกปัดทำท่าทีไม่สนใจเธอเลยไม่อยากเซ้าซี้อะไรอีก “หิวหรือยังครับ พี่สั่งแม่ครัวให้ทำอาหารเอาไว้ให้แล้ว” “ยังเลยค่ะ พี่ปราชญ์พาเดือนไปเดินดูรอบบ้านหน่อยสิคะ อยากรู้ว่า    ที่บ้านมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” นับเดือนออดอ้อนน่ารัก “ได้สิครับ” ปราชญ์พาหญิงสาวไปเดินดูรอบบ้าน น้ำเพชรเปิดม่านหน้าต่างออกมาดูคนทั้งสองที่เดินเล่นกันในสวนหลังบ้านอย่างหงุดหงิด เธอเดินไปเดินมาครุ่นคิดแผนการ พี่สาวว่าร้ายแล้วน้องสาวร้ายกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ดีเอ็นเอไม่ทิ้งห่างกันเลย ความชั่วของเธอแทบไม่ติดฝุ่น เธอยอมรับว่าตัวเองร้าย แต่ร้ายแบบตรงไปตรงมา เพิ่งเคยประสบ    พบเจอกับสองพี่น้องนี่แหละที่ร้ายแบบแอ๊บแบ๊ว นั่นเลยทำให้เธอต้องร้ายกลับบ้าง ไม่งั้นโดนรังแกเอาฝ่ายเดียวแน่ๆ สำหรับเธอแล้ว ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เธอไม่ยอมเสียปราชญ์ให้กับ     นางจิ้งจอก 19 หางอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น ปราชญ์ให้แม่บ้านมาตามเธอลงไปรับประทานอาหาร น้ำเพชรหน้าหงิกงอ แต่พอลงไปด้านล่างเธอก็ทำท่าทีสงบเสงี่ยมเหมือนไม่เคยหงุดหงิดมาก่อน “ทานเยอะๆ นะเดือน ของโปรดเดือนทั้งนั้นเลย” “ขอบคุณค่ะ พี่ปราชญ์นี่รู้ใจเดือนที่สุดเลย” ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!! “อุ๊ย!” “ว้าย!” เสียงอุทานก่อนที่ผู้ถูกกระทำจะเปลี่ยนเป็นเสียงร้องเมื่ออาหารไปติดอยู่ที่หน้าพอดิบพอดี น้ำเพชรหัวเราะคิกๆ ในใจ เธอใช้ช้อนได้แม่นยำเหมือนเดิม มันไปติดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายแบบไม่ต้องเล็งเลย “น้ำเพชร!” เสียงดังที่เรียกชื่อเต็มยศแบบนี้รู้เลยว่าปราชญ์กำลังโกรธจัด นับเดือนใช้ทิชชูเช็ดหน้าเพราะโดนน้ำเพชรแกล้ง สีหน้าของเธอไม่ค่อยพอใจนัก “อุ๊ย! เพชรไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อยนะคะอาปราชญ์ อาหารมันกระเด็นไปโดนหน้าหนา เอ๊ย! หน้าของป้าเดือนเอง” ป้าเดือน!!! นับเดือนยิ้มเย็น แต่การที่จะทำอะไรลงไปตอนนี้มันไม่ใช่เวลา เธอต้องทำตัวเป็นนางเอกผู้น่าสงสารโดนนางร้ายอย่างน้ำเพชรรังแก ก็แค่เล่น          ไปตามเกม “ขอโทษนับเดือนเดี๋ยวนี้นะน้ำเพชร อารู้ว่าเราแกล้งเขา” “ไม่ค่ะ เพชรไม่ได้แกล้ง บอกแล้วไงว่ามันกระเด็นไปเอง เพชรก็ไม่ทัน ตั้งตัว มือมันดีดน่ะค่ะ” แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แถมด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้คนร่วมโต๊ะอาหารทั้งสอง “อย่าไปดุแกเลยค่ะพี่ปราชญ์ แกคงไม่มีใครอบรมสั่งสอน” พูดเสียงนุ่มเหมือนเอ็นดู แต่แอบด่าได้เจ็บแสบ น้ำเพชรเข้าใจว่า       นับเดือนด่าเธอว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน น้ำเพชรกัดฟันกรอด มองเหมือนจะ        กินเลือดกินเนื้อ นับเดือนเหยียดปากใส่ ยั่วแหย่อารมณ์ “พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ” ปราชญ์เอ่ยขอโทษแทน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” “ร้ายกาจแบบนี้อาจะกักบริเวณเราเอาไว้ สงบสติอารมณ์เราเสียบ้าง  จะได้หลาบจำ” คำประกาศิตของเขาทำให้น้ำเพชรแทบกรีดร้อง เธอไม่ยอมเด็ดขาด  เขาจะกักบริเวณเธออีกแล้ว ปราชญ์จัดการลากร่างเล็กขึ้นไปบนห้อง น้ำเพชรโมโหอาละวาดโวยวาย สุดท้ายก็โดนขังเอาไว้ในห้อง เด็กสาวร้องไห้ คิดว่าหากตัวเองโดนจับขังเอาไว้ ต้องไม่ได้เห็นแน่ๆ ว่านางนับเดือนยั่วยวนปราชญ์ยังไง “เดือนมาอยู่ที่นี่ทำให้พี่ปราชญ์เดือดร้อนหรือเปล่าคะ” นับเดือนแสร้งถอนใจ สีหน้าหนักใจยิ่งนัก “อย่าคิดมากเลย พี่ต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เดือนยุ่งยากใจมากกว่า   จะกินข้าวก็ยังมีเรื่องทะเลาะกัน หรือเดือนจะออกไปอยู่คอนโดฯ ของพี่ก่อน” “ยิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ถ้าน้องเพชรรู้เข้าคงอาละวาดหนักกว่าเก่า หาว่าพี่ปราชญ์แอบซุกเดือนเอาไว้และดอดไปหา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD