ตอนที่1 จุกแตกหัก
ตอนที่1 จุดแตกหัก
"ฟางเหนียงไปหุงข้าวทำอาหาร มารดาคนนี้หิวจะตายอยู่แล้วนะ"
"เสร็จแล้วก็ไปต้มน้ำมาให้ข้าอาบด้วยล่ะน้ำต้องอุ่นพอดีอย่าให้ร้อนจนเกินไป"
"อีกอย่างอย่าลืมไปให้อาหารไก่อาหารหมูด้วยละ"
"เสร็จแล้วก็ล้างถ้วยล้างชามให้สะอาด อย่ามาทำตัวขี้เกียจที่บ้านของข้า เข้าใจไหม" เสียงคำสั่งมากมายตะโกนบอกอย่างไม่คิดว่าคนที่ถูกสั่งนั้นจะจำได้หรือไม่ แต่หญิงสาวที่สั่งนั้นก็หาสนใจไม่ เอ่ยสั่งไม่ยั้ง ตามแต่ใจอยากจะพูด
"เจ้าค่ะ ท่านอาหญิง"เสียงหวานใสของหญิงสาวที่หน้าตาหมดจด แต่ใบหน้านั้นกลับเปื้อนรอยเขม่าดำของถ่านดิน…อยู่เสมอ ทำให้มองแล้วไม่สบายตาเสียเท่าไหร่จากที่เคยแต่งตัวชุดดีอยู่บ้าง มาอาศัยอยู่บ้านอาหญิงไม่ถึงปีกลับกลายทำให้เด็กสาวที่เคยสวมเสื้อผ้าดีๆ นิสัยที่เคยสดใสพูดเก่ง ตอนนี้กลับเงียบขรึมไม่พูดไม่ปากกับใคร เสื้อผ้าดีๆ ล้วนไม่มีจะสวมใส่วันๆ มีหน้าที่ประหนึ่งสาวใช้เท่านั้น
ต้นยามเหม่า (05.00 – 06.59 น.) อากาศหนาวเย็นเล็กน้อย ทำให้ริมฝีปากของร่างบางแตกระแหงจนเลือดแห้งกรังเป็นมุมเล็ก ๆ ฟางเหนียงตื่นแต่เช้ามืดเพื่อทำงานบ้านต่าง ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยอยู่เสมอเพื่อแลกกับการที่จะไม่โดนด่า นางทำตั้งแต่งานหนักไปจนถึงงานเบาตลอดเวลา ไม่เคยออกเที่ยวเล่นที่ไหน ทำให้ความสดใสที่เคยมีหดหายไปตามกาลเวลา ร่างบางเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าก่อนจะยิ้มเศร้า ๆ ให้ตนเองแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อย ๆ
'ท่านพ่อท่านแม่ข้าคิดถึงท่าน'
'ข้าอยากอยู่กับท่านเหลือเกิน'
เสียงตะกุกตะกักมาจากด้านหลังประตู หญิงสาวที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่นั้นต้องหยุดมือลง
ก่อนหันไปก็เจอเข้ากับอาเขย ที่ร่างผอมบางกำลังมองมาที่นางอย่างโจ่งแจ้งท่าทางกักขฬะนั้นทำให้นางนึกรังเกียจ ฟางเหนียงกำมีดแน่นพร้อมจะใช้ป้องกันตัวทันทีหากชายตรงน่าคิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับนาง
"ฟางเหนียงเจ้าก็หน้าตาสะสวยเหมือนกันนะเนี่ย" ชายท่าทางหื่นกระหายทำท่าทางพิจารณาหญิงสาวตรงหน้ามือก็ลูบคางตนเองประหนึ่งตนเองเป็นพ่อค้าชมสิ่งของสวยงาม
"พูดอะไรของท่าน"ฟางเหนียงเอ่ยสวนออกไปทันที อย่างไม่วางใจ
.
.
.
"ฟางเหนียงข้าหิวแล้วเอาข้าวมาเถอะ" เสียงแหลมของอาหญิงของนางนั้นดังขึ้น ทำให้นางนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะขานรับอาหญิงอย่างดีใจ
"เจ้าค่ะ อาหญิง"
เสียงดังแหลมของหญิงวัยกลางคนตะโกนจากตัวบ้านทำให้ ชายวัยกลางคนหยุดการกระทำและเดินจากไปทันที ฟางเหนียงไม่รอช้ารีบนำอาหารต่างๆ ไปจัดเตรียมให้กับอาหญิงของนางและครอบครัวทันที
"เจ้าก็ไปหาอะไรกินเองเถอะ เสร็จแล้วก็ไปผ่าฟืนทำความสะอาดบ้าน" อาหญิงของนางสั่งงานอย่างมากมาย โดยไม่เคยถามไถ่ว่านางเหนื่อยไหม ทำไหวหรือเปล่า แต่ความจริงนั้นคือไม่เคยมีเลยสักครั้งที่นางจะถามไถ่ มีแต่สั่งงานเพิ่มเท่านั้น
"หลานขอตัวเจ้าค่ะ"
"อืม ไปเถอะ"
สี่คนพ่อแม่ลูกนั่งทานอาหารกันอย่างอิ่มเอมใจ หรูฟางเจียวผู้เป็นอาหญิงของหรูฟางเหนียงนั้น นั่งทานเนื้อผัดอย่างเอร็ดอร่อยกับครอบครัว ปากก็พูดเรื่องราวต่างๆ กับครอบครัวอย่างมีความสุข ทำตัวประหนึ่งครอบครัวเศรษฐีในเมืองหลวง
"ข้าว่าจะให้ฟางเหนียงแต่งกับเสี่ยวตง บ้านนั้นให้สินสอดเป็นข้าวสิบกระสอบ พอให้พวกเราทานเป็นปีๆ แบบสบายๆ เลยล่ะ"
"จะดีหรือน้องหญิง"
"ทำไมจะไม่ดีล่ะ หรือท่านคิดอะไรกับนาง" เสียงแหลมของหญิงวัยกลางคนพูดเสียงดัง ท่าทางโมโหร้ายทันที ลูกตาก็มองขวางไปทางสามีอย่างไม่ไว้ใจ ดวงตาของนางนั้นจับจ้องไปทางสามีอย่างจับผิด
"เปล่าๆ ข้าก็แค่คิดว่าเจ้าจะต้องทำงานหนักแล้วปวดใจ ไหนจะงานบ้าน งานครัวอันมากมายนั่นอีก"
"ใช่ขอรับท่านแม่"
"ต่อไปก็ให้ปี้เออร์ของแม่ช่วยทำงานบ้านนะสิ"หรูฟางเจียวเอ่ยปากก็เคี้ยวข้าวไม่หยุด
"ไม่นะ ข้าไม่อยากทำ"เด็กสาวที่ถูกเอ่ยชื่อ ก็ร้อนรนไม่อยากทำงานบ้านทันที
"งั้นก็เลื่อนไปอีกปีเถอะ ให้นางทำงานบ้านเราก่อนเจ้าจะได้ทำใจสักปี" หวังตงชินเอ่ยอย่างให้ความเห็น
"ก็ได้ๆ ตามใจพวกท่าน" หญิงร่างอวบพยักหน้าเป็นเชิงตกลง
"ดีๆ"
หลายชั่วยามผ่านไปใต้ต้นไม้ใหญ่หลังบ้าน ร่างบางในชุดผ้าเก่าๆ กำลังนั่งปะชุนเสื้อผ้าอยู่สองสามตัว หญิงสาวนั่งอยู่ตรงนี้ได้ประมาณหนึ่งเค่อ (15นาที) นางตั้งใจจะปะเสื้อผ้าของตนเองที่มีรอยขาดเต็มไปหมด ถึงแม้เสื้อผ้าจะเก่าจนจะไม่มีที่ให้ปะแต่นางนั้นก็ต้องจำใจซ่อมแซมให้ดี เพราะนางนั้นไม่มีแม้อิแปะเดียวที่จะนำไปใช้สอยซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้
"นังฟางเหนียง คุณหนูอย่างข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าไปไกลๆ เลยนะข้าอยากจะนั่งตรงนี้" เสียงเล็กแหลมของเด็กสาวแก่แดดดังขึ้น ขณะร่างบางกำลังนั่งปะเสื้ออยู่ เด็กหญิงนั้นสวมเสื้อผ้าหลากสี คล้ายนกแก้วชี้นิ้วมาทางนางอย่างไร้มารยาท
"ได้จ้ะพี่จะไป" ด้วยความไม่อยากทะเลาะกับเด็กน้อย หรูฟางเหนียงเลือกที่จะไม่เถียงกับเด็กน้อยคนนี้มากนัก
"ใครเป็นน้องสาวเจ้า นังลูกไม่มีพ่อแม่" เด็กสาวที่ได้ยินลูกพี่ลูกน้องแทนตนเองว่าพี่ ก็ชี้นิ้วด่าคนตรงหน้าทันทีอย่างไม่สนใจความอาวุโส
"ซูปี้นี่เจ้า"หรูฟางเหนียงที่ได้ยินเด็กสาวพูดไม่ดีก็ตกตะลึงไม่น้อย
"แล้วจะทำไม ไปไกลๆ ข้า"
ฟางเหนียงรู้สึกเจ็บใจกับคำพูดของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างซูปี้ไม่น้อย อายุแค่สิบสองขวบปีก็พ่นวาจาหยาบคายมากมายใส่นางทั้งๆ ที่นางนั้นก็ดีกับทุกคนไม่น้อย ร่างบางได้แต่ส่ายหัวก่อนจะเดินจากไปแล้วไปที่หลังบ้านเพื่อหาร่มไม้ดีๆ สักที่ปักชุนผ้าต่อ เวลาไหลผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยาม (2ชั่วโมง) ฟางเหนียงถึงซ่อมแซมผ้าทั้งห้าตัวเสร็จเพราะชุดแต่ละตัวนั้นเสียหายอยู่หลายที่ ทำให้เสียเวลาในการซ่อมอยู่ไม่น้อย
ยามเว่ย (13.00 – 14.59 น.) มาเยือนก็มีเสียงแหบแห้งที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกนาง ที่กำลังนั่งเหม่อ มองต้นไม้ใบหญ้าอยู่ ด้านข้างตัวก็มีกองผ้าที่พับเรียบร้อยตั้งตระหง่านอย่างเรียบร้อย หญิงสาวที่ผิวขาวเนียนในชุดซอมซ่อแต่ก็ไม่อาจปิดบังความงามไว้ได้ ทำให้จิตใจของอาเขยนั้นคิดไม่ซื่ออยู่ตลอดเวลา ยิ่งรู้ว่าหลานสาวผู้งดงามจะต้องแต่งออกเรือนไปก็ยิ่งเสียดายจึงคิดแผนไม่ซื่อลวงหลานสาวไปในเรือนนอนของตนเอง
"อยู่นี่นี้เองข้าหาเสียนานสองนาน" หวังตงชินเอ่ยเสียงแหบพร่า นัยน์ตากลอกไปกลอกมาอย่างเจ้าเล่ห์
"อะไรนะเจ้าคะ" หรูฟางเหนียงที่ได้ยินไม่ชัดเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ไว้ใจ มือของนางกอดอกไว้แน่น
"เปล่าหรอก อาหญิงให้มาตามนะ"
"มีธุระอันได้ไม่ทราบถึงตามหาตัวหลาน"
"อาหญิงเจ้าเรียกหาน่ะ นางปวดหัวอยากให้เจ้าไปนวดตัวให้"
"ข้าจะตามไปเจ้าค่ะ" เมื่อเป็นเรื่องของอาหญิงหรูฟางเหนียงไม่เคยอิดออดเพราะเกรงกลัวจะถูกดุด่า
ชายวัยกลางคนจากไปใบหน้าแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างอารมณ์ดี ร่างบางไม่รอช้ารีบเก็บของและเดินไปที่ห้องนอนของตนเองและเก็บของไว้ให้ไวที่สุด ไม่กล้าชักช้าแม้แต่นิดเพราะไม่งั้นอาจจะทำให้อาหญิงโมโหได้
ฟางเหนียงรีบร้อนเดินไปหาอาหญิงในห้องก่อนจะเอ่ยเรียกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ ทำให้ร่างบางที่มีใจกตัญญูรู้สึกร้อนใจเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
'หรือจะไม่สบายหนักกัน'
.
.
.
"อาหญิงท่านไม่สบายตรงไหนเจ้าคะ ข้าจะได้ต้มยาให้ท่าน"
ยังคงมีความเงียบ ฟางเหนียงจึงถือวิสาสะเปิดผ้าที่คลุมไปทั้งตัวของอาหญิง ก็เจอเข้ากับอาเขยที่นอนคลุมเสื้อบาง ๆ รออยู่ ด้วยความตื่นตะลึงทำให้นางนั้นทำตัวไม่ถูกยิ่งได้ฟังคำพูดที่ออกจากชายที่เป็นอาเขย ยิ่งทำให้ร่างบางทำหน้าเหยเกและไม่อยากเชื่อ
"มาให้อาเขยเชยชมเจ้าเสียดี ๆ "
"ไม่"
กรี้ดดดดด!!