หลังจากฉันได้ยินเต็มสองรูหูว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของพี่คริสไม่ใช่เพื่อนตามที่พี่คริสบอกในตอนแรกก็วิ่งหลับหูหลับตาน้ำตาไหลสะอื้นตลอดทางกลับบ้าน
พี่คริสบ้าที่สุด!!
เทพเจ้าก็ไม่ช่วยฉันเลยสักนิด!
ฉันฟุบหน้าลงกับเตียงร้องไห้สะอื้นอยู่คนเดียว แถมมิรากับเจเจก็ไม่อยู่มีแค่กระดาษโน้ตหนึ่งใบแปะบอกไว้ว่าพาเจเจไปเดินเที่ยวเทศกาล
“พี่คริสใจร้ายย!ฮือออ~”
ฉันกำปั้นทุบลงบนที่หมอนหลายตุบจนผ้าคลุมยู่ยี่ไปหมดและผ้าปูเตียงก็เอ่อนองเต็มไปด้วยน้ำตา
“ฮือ~ พี่คริสนิสัยไม่ดี!คนใจร้าย”
ผ่านไปเกือบชั่วโมงหลังจากร้องไห้ฟูมฟายก็กลายเป็นสะอึกสะอื้นนั่งคุดคู้อยู่มุมห้องเงียบ ๆ คนเดียว
ตอนนี้คำพูดของพี่คริสมันช่างหลอกหลอนหู ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บจี๊ดกลางอก
‘แฟนพี่เอง’
คำนี้มันดังก้องกังวานเล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุดสักที
ทันใดนั้นเองประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับไฟบนหัวก็สว่างขึ้น
“ไอวาเป็นอะไร?”
มิราขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องสาวนั่งน้ำตานองอยู่มุมห้อง เธอพุ่งตัวเข้าหาโดยอัตโนมัติอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“ระหว่างที่ฉันไม่อยู่แกเป็นอะไร?ทำไมมานั่งหน้าเปียกตาบวมแบบนี้ ทะเลาะกับพี่คริสเหรอ?”
มิราพูดออกไปทั้ง ๆ ที่คิดว่าเรื่องทะเลาะกับพี่คริสไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ด้วยอาการตอนนี้ตรงหน้ายังไงก็ต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับพี่คริสแน่นอน
“มิราาาาา ฮือ~”
คำพูดของมิราเหมือนมีอะไรมาสะกิดต่อมน้ำตาให้แตกอีกครั้ง ฉันจึงปล่อยโฮออกมาพร้อมกับโผกอดและร้องไห้เอาหน้าซุกไหล่ไปด้วย
“จริงเหรอที่ว่าทะเลาะกับพี่คริส?”
“ไม่… แฟนพี่คริส อึก…พี่คริสมีแฟนแล้ว ฮือออ~”
“หะ!?อะไรนะ?อย่าบอกนะว่าเพื่อนที่พี่คริสหมายถึงเมื่อตอนเช้าคือแฟน?”
ฉันสูดน้ำมูกเบะปากพยักหน้าหงึก ๆ
“แล้วแกได้บอกรักพี่คริสไปยัง?”
“ยังอะ”
ฉันส่ายหน้ารัว ๆ
“โอ๋ ๆ มานี่มะ”
มิรากอดปลอดลูบหลังให้กำลังใจเพราะไม่รู้จะปลอบใจด้วยคำพูดไหนดีนอกเสียจากอ้อมอกไออุ่น
“มิรา ฉันรักพี่คริส”
“ฉันรู้ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว… แกตัดใจเถอะ!”
มิราเม้มปากยกมือวางบนไหล่ของฉันเชิงให้กำลังใจ
“ไม่!!ฉันรักพี่คริส ฉันไม่อยากถอดใจ…”
“เห้อ… ฉันจะช่วยแกเรื่องนี้ยังไงดี?แล้วตอนนี้แฟนพี่คริสมาค้างกับพี่คริสที่บ้านเหรอ?”
“มิรา!อย่าพูดอย่างนั้นสิ ใจฉันไม่ดีเลย”
ฉันแยกเขี้ยวฟาดมือลงกลางหลังมิราเต็มแรงแต่มิราก็ไม่ได้ว่าหรือฟาดกลับเพราะคงรู้ว่าฉันกำลังเสียใจหนักสาหัส
“กินข้าวมายังละ?”
“ยัง หิวอะ”
ฉันลูบท้องอ้อนเหมือนเด็กน้อยพร้อมกับสูดน้ำมูกและยังคงสะอื้นไปด้วย
“เดี๋ยวอาบน้ำให้เจเจก่อนแล้วจะทำข้าวเย็นให้นะ”
“อือ”
ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องเงียบเหงากับตัวเองอีกครั้ง เพียงแค่มิราเดินออกจากห้องไปไม่ถึงวินาทีใจของฉันมันก็ห่อเหี่ยวอีกครั้ง
นั่นสิ… ป่านนี้พี่คริสกับคนคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่
ภาพที่ก่อตัวขึ้นในหัวตอนนี้บางทีพี่คริสอาจจะกำลังหัวเราะหยอกล้อกับคนคนนั้นอยู่ก็ได้
“เห้อ!ทำยังไงดีไอ้วา”
น้ำตาของฉันไหลรินอาบแก้มอีกครั้งทว่าไม่ทันไรประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกรอบ แต่คราวนี้คนที่กำลังเข้ามาไม่ใช่มิราแต่เป็นเด็กชายตัวน้อย
“พี่วาเป็นอาราย พี่วาร้องห้ายทำมาย?อึก… แง้~”
เจเจถามเสร็จก็วิ่งเข้ามากอดฉันพร้อมกับร้องได้โดยไม่มีปี่มีครุ่ย
ฉันรีบเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะยิ้มหวานให้เด็กชายตรงหน้าที่สะอื้นจนพูดยืดยาน
โดยปรกติแล้วถึงเจเจจะยังอายุน้อยแต่กลับพูดชัดถ้อยชัดคำเกินอายุ
“พี่เจ็บ แล้วเจเจร้องไห้ทำไมครับ?”
“ก็พี่วาร้องไห้นี่นา ฮืออ”
“พี่ไม่ร้องแล้ว เราก็หยุดร้องนะครับ แล้วทำไมเรายังไม่ไปอาบน้ำอีก?”
“พี่มิราบอก ผมเลยมาหาพี่วาก่อน พี่วาเจ็บตรงไหน”
“ตรงนี้”
ฉันชี้อกข้างซ้ายของตัวเองพลางเม้มปากเน้นเพื่อข่มน้ำตาที่อาจจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ็บมากเลยครับเจ”
“เดี๋ยวเจมา”
ฉันนั่งมองเจเจที่วิ่งหายออกไปและเพียงไม่ถึงนาทีเขาก็วิ่งกลับเข้ามาพร้อมกับลูกอมรสสตอเบอรี่
“ให้ กินหวานแล้วหายเจ็บ”
“… ขอบใจนะเจ”
ฉันมองน้องชายตรงหน้าก่อนจะอั้นน้ำตาไม่ไหว บึนปากสะอื้นต่อหน้าเจเจ
ซึ่งนั้นก็ทำให้เจเจเศร้าด้วยเหมือนกัน เขาควักลูกอมที่เหลือที่ใส่ติดกระเป๋ากางเกงวางลูกอมไว้จนเกลื่อนพื้น
“พี่วาเจ็บมากเหรอ เจมีลูกอมอีกเยอะเลย”
“กอดหน่อย”
ฉันอ้าแขนสวมกอดเจเจที่พยายามหาวิธีปลอบใจโดยไม่รู้สาเหตุของน้ำตา
“เจเจครับพี่ไม่เป็นอะไรแล้วเพราะลูกอมพวกนี้ เราไปอาบน้ำนอนได้แล้วครับ พี่มิรารอแย่แล้วมั้ง”
เจเจพยักหน้าวิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องก่อนจะวิ่งกลับเข้ามาโน้มตัวและใช้ปากเป่าลมใส่บริเวณอกซ้ายของฉัน
“เจเจร่ายมนตร์ให้”
“ขอบคุณครับ ฝันดีนะ”
ฉันลูบหัวเจเจด้วยความเอ็นดู เมื่อเจเจออกจากห้องไปฉันก็แกะลูกอมกินหนึ่งเม็ดก่อนจะเอนตัวหลังพิงกระแทกตู้เสื้อผ้าจนทำให้บางอย่างร่วงหล่นลงมาจากหลังตู้
สมุดทำมือที่ทำขึ้นมาอย่างลวก ๆ และเย็บเล่มไม่ค่อยสวยที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมาก่อนและนี่เป็นครั้งแรกที่มันปรากฏตัวเปิดหน้าสมุดกางออกอ้าซ่าตรงหน้า
ฉันเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมาไว้ในมือและทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นบนแผ่นกระดาษพร้อมกับตัวหนังสือค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นจนสามารถอ่านเนื้อหาข้อความนั้นได้
‘ยามจันทราลอยเด่นสง่าข่มแสงดารา
คนทั้งสองอยู่ภายใต้ช่อแห่งรักนิรันดร์
ยามนั้นความรักจักสมปรารถนา
แลปาฏิหาริย์จะเลือนหายในยามที่จันทร์อับแสง’
ประโยคที่ปรากฏขึ้นเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ส่วนอีกหน้าของกระดาษก็ปรากฏแผนที่ที่ตั้งของช่อแห่งรักนิรันดร์นั้น
—————————————————
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงตอนนี้นะคะ ในนี้จะลงเป็นตัวอย่างเพียงเท่านี้นะคะ สามารถติดตามต่อได้ในรูปแบบของebook ใน Meb
หรือรายตอนต่อใน readawrite ค่ะ
พิมพ์ชื่อเรื่องหรือนามปากกาหาได้เลยนะ
นามปากกา น.นิรา