บทที่หก(3) +ย้ายที่ลง​ +มีEbook

1223 Words
หลังจากฉันได้ยินเต็มสองรูหูว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของพี่คริสไม่ใช่เพื่อนตามที่พี่คริสบอกในตอนแรกก็วิ่งหลับหูหลับตาน้ำตาไหลสะอื้นตลอดทางกลับบ้าน พี่คริสบ้าที่สุด!! เทพเจ้าก็ไม่ช่วยฉันเลยสักนิด! ฉันฟุบหน้าลงกับเตียงร้องไห้สะอื้นอยู่คนเดียว แถมมิรากับเจเจก็ไม่อยู่มีแค่กระดาษโน้ตหนึ่งใบแปะบอกไว้ว่าพาเจเจไปเดินเที่ยวเทศกาล “พี่คริสใจร้ายย!ฮือออ~” ฉันกำปั้นทุบลงบนที่หมอนหลายตุบจนผ้าคลุมยู่ยี่ไปหมดและผ้าปูเตียงก็เอ่อนองเต็มไปด้วยน้ำตา “ฮือ~ พี่คริสนิสัยไม่ดี!คนใจร้าย” ผ่านไปเกือบชั่วโมงหลังจากร้องไห้ฟูมฟายก็กลายเป็นสะอึกสะอื้นนั่งคุดคู้อยู่มุมห้องเงียบ ๆ คนเดียว ตอนนี้คำพูดของพี่คริสมันช่างหลอกหลอนหู ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บจี๊ดกลางอก ‘แฟนพี่เอง’ คำนี้มันดังก้องกังวานเล่นซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุดสักที ทันใดนั้นเองประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกพร้อมกับไฟบนหัวก็สว่างขึ้น “ไอวาเป็นอะไร?” มิราขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องสาวนั่งน้ำตานองอยู่มุมห้อง เธอพุ่งตัวเข้าหาโดยอัตโนมัติอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่แกเป็นอะไร?ทำไมมานั่งหน้าเปียกตาบวมแบบนี้ ทะเลาะกับพี่คริสเหรอ?” มิราพูดออกไปทั้ง ๆ ที่คิดว่าเรื่องทะเลาะกับพี่คริสไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ด้วยอาการตอนนี้ตรงหน้ายังไงก็ต้องเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับพี่คริสแน่นอน “มิราาาาา ฮือ~” คำพูดของมิราเหมือนมีอะไรมาสะกิดต่อมน้ำตาให้แตกอีกครั้ง ฉันจึงปล่อยโฮออกมาพร้อมกับโผกอดและร้องไห้เอาหน้าซุกไหล่ไปด้วย “จริงเหรอที่ว่าทะเลาะกับพี่คริส?” “ไม่… แฟนพี่คริส อึก…พี่คริสมีแฟนแล้ว ฮือออ~” “หะ!?อะไรนะ?อย่าบอกนะว่าเพื่อนที่พี่คริสหมายถึงเมื่อตอนเช้าคือแฟน?” ฉันสูดน้ำมูกเบะปากพยักหน้าหงึก ๆ “แล้วแกได้บอกรักพี่คริสไปยัง?” “ยังอะ” ฉันส่ายหน้ารัว ๆ “โอ๋ ๆ มานี่มะ” มิรากอดปลอดลูบหลังให้กำลังใจเพราะไม่รู้จะปลอบใจด้วยคำพูดไหนดีนอกเสียจากอ้อมอกไออุ่น “มิรา ฉันรักพี่คริส” “ฉันรู้ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว… แกตัดใจเถอะ!” มิราเม้มปากยกมือวางบนไหล่ของฉันเชิงให้กำลังใจ “ไม่!!ฉันรักพี่คริส ฉันไม่อยากถอดใจ…” “เห้อ… ฉันจะช่วยแกเรื่องนี้ยังไงดี?แล้วตอนนี้แฟนพี่คริสมาค้างกับพี่คริสที่บ้านเหรอ?” “มิรา!อย่าพูดอย่างนั้นสิ ใจฉันไม่ดีเลย” ฉันแยกเขี้ยวฟาดมือลงกลางหลังมิราเต็มแรงแต่มิราก็ไม่ได้ว่าหรือฟาดกลับเพราะคงรู้ว่าฉันกำลังเสียใจหนักสาหัส “กินข้าวมายังละ?” “ยัง หิวอะ” ฉันลูบท้องอ้อนเหมือนเด็กน้อยพร้อมกับสูดน้ำมูกและยังคงสะอื้นไปด้วย “เดี๋ยวอาบน้ำให้เจเจก่อนแล้วจะทำข้าวเย็นให้นะ” “อือ” ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องเงียบเหงากับตัวเองอีกครั้ง เพียงแค่มิราเดินออกจากห้องไปไม่ถึงวินาทีใจของฉันมันก็ห่อเหี่ยวอีกครั้ง นั่นสิ… ป่านนี้พี่คริสกับคนคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ ภาพที่ก่อตัวขึ้นในหัวตอนนี้บางทีพี่คริสอาจจะกำลังหัวเราะหยอกล้อกับคนคนนั้นอยู่ก็ได้ “เห้อ!ทำยังไงดีไอ้วา” น้ำตาของฉันไหลรินอาบแก้มอีกครั้งทว่าไม่ทันไรประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกรอบ แต่คราวนี้คนที่กำลังเข้ามาไม่ใช่มิราแต่เป็นเด็กชายตัวน้อย “พี่วาเป็นอาราย พี่วาร้องห้ายทำมาย?อึก… แง้~” เจเจถามเสร็จก็วิ่งเข้ามากอดฉันพร้อมกับร้องได้โดยไม่มีปี่มีครุ่ย ฉันรีบเช็ดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะยิ้มหวานให้เด็กชายตรงหน้าที่สะอื้นจนพูดยืดยาน โดยปรกติแล้วถึงเจเจจะยังอายุน้อยแต่กลับพูดชัดถ้อยชัดคำเกินอายุ “พี่เจ็บ แล้วเจเจร้องไห้ทำไมครับ?” “ก็พี่วาร้องไห้นี่นา ฮืออ” “พี่ไม่ร้องแล้ว เราก็หยุดร้องนะครับ แล้วทำไมเรายังไม่ไปอาบน้ำอีก?” “พี่มิราบอก ผมเลยมาหาพี่วาก่อน พี่วาเจ็บตรงไหน” “ตรงนี้” ฉันชี้อกข้างซ้ายของตัวเองพลางเม้มปากเน้นเพื่อข่มน้ำตาที่อาจจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “เจ็บมากเลยครับเจ” “เดี๋ยวเจมา” ฉันนั่งมองเจเจที่วิ่งหายออกไปและเพียงไม่ถึงนาทีเขาก็วิ่งกลับเข้ามาพร้อมกับลูกอมรสสตอเบอรี่ “ให้ กินหวานแล้วหายเจ็บ” “… ขอบใจนะเจ” ฉันมองน้องชายตรงหน้าก่อนจะอั้นน้ำตาไม่ไหว บึนปากสะอื้นต่อหน้าเจเจ ซึ่งนั้นก็ทำให้เจเจเศร้าด้วยเหมือนกัน เขาควักลูกอมที่เหลือที่ใส่ติดกระเป๋ากางเกงวางลูกอมไว้จนเกลื่อนพื้น “พี่วาเจ็บมากเหรอ เจมีลูกอมอีกเยอะเลย” “กอดหน่อย” ฉันอ้าแขนสวมกอดเจเจที่พยายามหาวิธีปลอบใจโดยไม่รู้สาเหตุของน้ำตา “เจเจครับพี่ไม่เป็นอะไรแล้วเพราะลูกอมพวกนี้ เราไปอาบน้ำนอนได้แล้วครับ พี่มิรารอแย่แล้วมั้ง” เจเจพยักหน้าวิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องก่อนจะวิ่งกลับเข้ามาโน้มตัวและใช้ปากเป่าลมใส่บริเวณอกซ้ายของฉัน “เจเจร่ายมนตร์ให้” “ขอบคุณครับ ฝันดีนะ” ฉันลูบหัวเจเจด้วยความเอ็นดู เมื่อเจเจออกจากห้องไปฉันก็แกะลูกอมกินหนึ่งเม็ดก่อนจะเอนตัวหลังพิงกระแทกตู้เสื้อผ้าจนทำให้บางอย่างร่วงหล่นลงมาจากหลังตู้ สมุดทำมือที่ทำขึ้นมาอย่างลวก ๆ และเย็บเล่มไม่ค่อยสวยที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นมาก่อนและนี่เป็นครั้งแรกที่มันปรากฏตัวเปิดหน้าสมุดกางออกอ้าซ่าตรงหน้า ฉันเอื้อมมือไปหยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมาไว้ในมือและทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างเกิดขึ้นบนแผ่นกระดาษพร้อมกับตัวหนังสือค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นจนสามารถอ่านเนื้อหาข้อความนั้นได้ ‘ยามจันทราลอยเด่นสง่าข่มแสงดารา คนทั้งสองอยู่ภายใต้ช่อแห่งรักนิรันดร์ ยามนั้นความรักจักสมปรารถนา แลปาฏิหาริย์จะเลือนหายในยามที่จันทร์อับแสง’ ประโยคที่ปรากฏขึ้นเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่ได้ใจความ ส่วนอีกหน้าของกระดาษก็ปรากฏแผนที่ที่ตั้งของช่อแห่งรักนิรันดร์นั้น ————————————————— ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาถึงตอนนี้นะคะ​ ในนี้จะลงเป็นตัวอย่างเพียงเท่านี้นะคะ​ สามารถติดตามต่อได้ในรูปแบบของebook ใน​ Meb​ หรือรายตอนต่อใน​ readawrite​ ค่ะ พิมพ์ชื่อเรื่องหรือนามปากกาหาได้เลยนะ นามปากกา​ น.นิรา

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD