อีกไม่กี่กิโลก็จะถึงศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้านที่เด่นดังด้านความรัก แต่ฉันไม่ได้ใช้กำลังขามานานจึงเมื่อยปวดขาและเหนื่อยหอบในการแบกสังขารตัวเองเดินขึ้นเนินเขา
“พี่คริ...ส พักก่อนได้ไหมคะวาไม่ไหวแล้ว”
ฉันสูดอากาศเข้าสุดปอดก่อนจะนั่งกองลงกับพื้นหอบแฮ่ก ๆ
“เดี๋ยวก็เย็นก่อนหรอก ไปถึงก็ไม่รู้ว่าจะได้เข้าไปในศาลเจ้ารึเปล่าก็ไม่รู้ คนเยอะขนาดนี้”
นักท่องเที่ยวที่เดินสวนไปสวนมาไม่ขาดสาย เผลอ ๆ ไปถึงศาลเจ้าก็ต้องต่อคิวรอเข้าและกว่าจะได้เข้าก็คงหมดเวลาและศาลก็คงจะปิดก่อน
“วาไม่ไหวแล้ว ขอพักแป๊บ”
“เราอายุเท่าไรเนี่ย!?”
“เป็นน้องพี่คริสแล้วกันค่ะ… พี่คริสสสสวาขอน้ำดื่มให้ชื่นใจหน่อย”
ฉันมองแก้วน้ำมะพร้าวที่ซื้อมาหลังจากปาลูกโป่ง เนื่องจากทั้งฉันและพี่คริสต่างเอาเงินไปทุ่มกับการชิงของรางวัลก็เลยเหลือเงินซื้อน้ำแค่แก้วเดียว
“เอาไป”
ฉันนั่งมองแก้วที่ถูกยื่นส่งมาตรงหน้า
“ม่ายยย ป้อนหน่อย”
ฉันส่ายหน้าพร้อมอาปากขึ้นเล็กน้อย
“เป็นเด็กทารกรึไงเรา?”
“เปล่า แต่ป้อนหน่อย อ้าาาา~”
พี่คริสมองซ้ายแลขวาและจ้องมาที่ฉันที่กำลังงอแง
“อายคนอื่นเขา ลุกขึ้นมาเร็ว”
“พี่คริสก็ป้อนวาสิคะ อ้ำ ๆ”
“…”
พี่คริสมองฉันนิ่ง ๆ ก่อนจะงับหลอดเข้าปากตัวเองและยักคิ้วให้ฉันเชิงกวนโอ๊ย
ฉันเบิกตากว้างมองน้ำที่เหลือน้อยนิดกำลังจะหมดลงจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนทันที
“พี่คริส!เดี๋ยวมันหมดก่อน พอหมดวาก็จะขาดน้ำแล้วตายลงในที่สุด”
คำพูดประโยคนี้ของฉันทำเอาพี่คริสขำพรืดจนตัวงอ
“พี่คริสอะ!”
ฉันคว้าแก้วน้ำมาไว้ในมือก่อนจะรีบดูดจนหมด
“มีแรงยัง?”
“มีแล้วก็ได้”
คราวนี้ฉันเดินนำด้วยใบหน้าอันบูดบึ้ง
“รอด้วยสิ!”
“พี่คริสก็ตามมาเร็ว ๆ สิคะ อายุไม่เท่าไรเองเดินช้าจัง”
“ตลกแล้วเราน่ะ”
“คิคิ”
ฉันหันมายิ้มกว้าง ยื่นมือให้พี่คริสจับและเดินเคียงข้างกันขึ้นไปจนเกือบถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์
“โห คนเยอะจัง”
นักท่องเที่ยวหัวดำ หัวแดง เหลือง ชมพู ฟ้า ม่วง ส้มต่างพากันยื่นต่อแถวเพื่อเข้าไปกราบไหว้และบูชาเครื่องรางยาวตั้งแต่ทางเข้ายันปลายแถวสิ้นสุดบริเวณถนนทางเดิน
“แถวคดเคี้ยวยิ่งกว่างูอีกอะพี่คริส แต่มาแล้วยังไงก็ต้องได้เข้า ต่อแถวกันค่ะ”
เกือบสองชั่วโมงผ่านไปฉันและพี่คริสก็ไม่มีทีท่าจะได้เข้าไปข้างใน แม้แต่จะเฉียดประตูทางเข้าคงต้องรอไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมงแน่นอน
ฉันยืดเขย่งเท้าเพื่อมองต้นแถว
“อีกนานเลยอะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ”
ฉันจับแขนพี่คริสเพื่อพลิกดูเวลาที่ข้อมือของพี่คริส
“ห้าโมงกว่าแล้ว อีกไม่กี่นาทีศาลก็จะปิดแล้วอะพี่คริส วันนี้เราอดเข้าแน่ ๆ เลยค่ะ”
ระหว่างที่ฉันและพี่คริสกำลังยืนเข้าคิวอยู่ก็มีเสียงประกาศจากคนดูแลว่าศาลจะปิดในเวลาหกโมงครึ่งก่อนที่ฟ้าจะมืดและจะลำบากในการเดินกลับเข้าตัวเมือง
“พี่ว่าไม่ทันแน่ ๆ เรือรอบสุดท้ายก็ใกล้จะเทียบท่าแล้ว”
“…เสียดายจัง วาอุตส่าห์ตั้งใจมากับพี่คริส”
ฉันก้มหน้าเจื่อนสายตาแววตาเศร้าเสียดาย
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาอีกทีแล้วกัน โอเคไหม?เดี๋ยวพี่พาวามาอีกรอบ”
“จริงนะคะพี่คริส”
ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้พี่คริสจะผิดคำสัญญาเพราะพี่คริสอาจจะต้องอยู่ทำงานจบกับเพื่อนที่กำลังจะมาในไม่กี่นาทีข้างหน้า
“หน้าบูดอีกแล้ว พี่สัญญา”
ฉันเหลือบสายตามองนิ้วก้อยเล็ก ๆ ที่ยื่นมาให้คำมั่นสัญญาตรงหน้า
มีเหรอที่ฉันจะไม่ตกลงน่ะ นาน ๆ ทีพี่คริสจะทำอะไรน่ารักแบบนี้
“สัญญานะคะ”
ฉันรีบยื่นนิ้วก้อยตัวเองเกี่ยวก้อยกับพี่คริสและสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มสดใสราวกับไม่เคยทำหน้าบูดบึ้งน้อยใจมาก่อน
“เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริงนะเรา”
“ก็พี่คริสน่ารักนี่น่า”
ฉันพุ่งโผเข้ากอดพี่คริสทันที
ท่านเทพเจ้าคะขอให้ไอวาคนนี้สมหวังในความรักด้วยเถอะค่ะ
ฉันส่งจิตเข้าไปบอกกล่าวศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า
“พี่คริส…”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาช่างออดอ้อนออเซาะโดยอัตโนมัติเพราะต้องทำให้คำว่ารักที่กำลังจะบอกดูอ่อนหวานน่ารักปนเซ็กซี่และจับใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
“วารั…”
“รีบไปกันเถอะ กว่าจะลงไปถึงเรือคงจอดท่าพอดี”
“พี่คริส…”
ฉันยืนอ้าปากค้างมองพี่คริสที่หันหลังรีบรนกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงเขาไป
ทำไมการจะบอกความในใจมันถึงยากเย็นแสนเข็ญขนาดนี้นะ!
ยังไงวันนี้ต้องพูดออกไปให้ได้เลย!ไอวาคนนี้ไม่ย่อท้อหรอก
“ท่านเทพเจ้าคะ เป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ”
ฉันหันหน้าไปทางศาลเจ้าและยกมือขึ้นไหว้
“พี่คริสรอวาด้วย~”
ตอนนี้ฉันหอบหายใจอันโรยรินหลังจากตามพี่คริสมาที่ท่าเรือจนทัน
“ป้าแจงวาขอน้ำเปล่าเย็น ๆ ขวดหนึ่งค่ะ”
“นี่จ้ะหนูวา”
“ขอบคุณค่ะป้า”
เมื่อน้ำเย็นอยู่ในมือแล้วจึงรีบยกกระดกซดดับกระหายทันที
“อ้าาา~ ค่อยยังชั่ว ป้าแจงคะวาขอติดเงินไว้ก่อนนะคะเดี๋ยวพรุ่งนี้วาจะเอามาจ่าย พอดีไปเล่นของเล่นในงานจนล้มละลายเลยค่ะ”
“สำหรับหนูไอวาได้เสมอ สนุกไหมงานปีนี้ป้ายังไม่ว่างไปเที่ยวเดินเลย”
“สุด ๆ ไปเลยค่ะป้า ของกินเยอะแยะอลังการมาก ป้าต้องหาเวลาไปเดินนะคะ”
“ได้เลย ป้าว่าจะฝากร้านกับหลานวันพรุ่งนี้แหละ”
“วาแนะนำผลไม้เคลือบน้ำตาลค่ะ อย่างนี้เลย”
ฉันยกนิ้วโป้งแสดงถึงความอร่อยของสิ่งที่เพิ่งพูดถึง
“โอ๊ะเรือมาแล้ว วาขอตัวไปรับแขกก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาเงินมาให้นะคะ ขอบคุณค่ะป้าแจง”
จากนั้นฉันก็เดินไปหาพี่คริสที่กำลังรอเรือจอดเทียบท่าให้สนิทก่อนปล่อยผู้โดยสารรอบสุดท้ายลงจากเรือ
“พี่คริสน้ำค่ะ”
ฉันเห็นว่าพี่คริสน่าจะเหนื่อยกว่าฉันมากเพราะเจ้าตัวเล่นวิ่งตลอดทางไม่ยอมพัก
“ขอบใจ”
ฉันยืนมองพี่คริสที่รีบเปิดฝาขวดออก
พี่ใครก็ไม่รู้น่ารักเป็นบ้า จะน่ารักทุกท่วงท่าแบบนี้ไม่ได้นะคะ ใจหวิวไม่ไหว
“ยิ้มอะไร?”
“วาแค่คิดว่าทำไม… พี่คริสของวาน่ารักกระทั่งตอนดื่มน้ำ”
พี่คริสส่ายหัวให้กับคำพูดของฉันก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มต่ออีกนิด
“คริส!”
เสียงทุ้มเอ่ยทักทายขึ้นและเมื่อฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อพี่คริสก็พบว่าเป็นผู้ชายตัวสูงผิวขาวจั๊วะและมีกล้ามเล็กน้อยพอสวยงามไม่ใหญ่เหมือนนักเพาะกาย
“ไอ้ขุนมาเงียบ ๆ ตกใจหมด!”
ฉันไม่ยักจะรู้ว่าเพื่อนพี่คริสเป็นผู้ชาย ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเพื่อนผู้หญิงจะมาทำงานด้วย
“เพื่อนพี่คริสเหรอคะ?เพื่อนที่ว่าคือผู้ชายเหรอคะ?”
“ใครบอกว่าพี่…”
คริสรีบพูดแทรกเพื่อที่จะแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
“ใช่ ขุนนี่ไอวานะ ส่วนนี่ขุนแฟนพี่เอง”
“… คะ?พี่คริสว่ายังไงนะคะ?”
จู่ ๆ น้ำลายที่คอก็เหนียวจับกันเป็นก้อน ฉันถามพี่คริสย้ำรอฟังอีกรอบเอาให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป
บางทีเสียงรอบข้างอาจจะดังจนทำให้การได้ยินนั้นผิดเพี้ยนไป
“แฟนพี่เอง”
พี่คริสแนะนำอีกครั้งและคราวนี้ก็ควงแขนกันโชว์ต่อหน้าฉันอีกด้วย
บรรยากาศรอบข้างฉันดับสนิท หูไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
อกมันจุกขึ้นถึงลิ้นปี่และเริ่มขึ้นมาบริเวณดวงตาจนรู้สึกร้อนผ่าว
“…”
ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป รู้แต่ว่าไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป
ต้องรีบหนีห่างจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะอดกลั้นน้ำตาไม่อยู่และปล่อยมันไหลต่อหน้าพี่คริส
ฉันเบือนหน้าหนีและวิ่งสุดกำลังโดยไม่หันหลังกลับไปมองและไม่พูดอะไรออกไป
น้ำตาของฉันร่วงแผละลงทันทีที่ฝีเท้าเริ่มขยับ
***