บทที่สอง(2)

1621 Words
กลิ่นของแอมโมเนียอ่อน ๆ ลอยโชยเตะจมูกทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตัวและหลุดออกจากภวังค์ในอดีตและมีลมบางเบากระทบใบหน้าเป็นจังหวะ ฉันยกเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ และเมื่อเปิดเต็มตาก็เห็นใบหน้าที่รอคอยมาหลายปีกำลังก้มมองด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย “รู้สึกตัวแล้วเหรอวา” “พี่คริส” ฉันเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยเสียงแผ่วเพราะสติยังกลับมาไม่ครบเท่าไรนัก และสีหน้าอ่อนโยนก็เปลี่ยนไปทันที “ทำไมเราไม่ยอมกินข้าว!ป้าแจงบอกพี่ว่าเรานั่งรอพี่ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้!ทำไมไม่กินข้าว!” “คือว่าวา…” ฉันค้ำมือเพื่อเตรียมพยุงตัวนั่งแต่ก็ถูกพี่คริสดันกลับให้นอนหนุนตักตามเดิม “ลุกไหวแล้วแน่เหรอ?” “เป็นห่วงวาเหรอคะ?” ฉันยิ้มถามด้วยความดีใจ “ลุกขึ้นพรวดพราดเดี๋ยวหน้ามืดอีกรอบหรอก พี่ไม่อยากให้เรามาตายคาตักพี่เฉย ๆ” “ชิ!งั้นวาจะตายคาอกพี่คริสแทนแล้วกันค่ะ” ฉันพยุงตัวเองขึ้งนั่งโดยคราวนี้ค่อย ๆ ลุกและจากนั้นจึงทำท่าทางตามที่เพิ่งเอ่ยออกไปเมื่อครู่นั้นก็คือเอาหน้าซบลงแนบอกพี่คริส “ยังจะมาเล่นอีก ถ้าไหวแล้วก็กลับบ้าน” “ค่าาาาา~” ฉันหันไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้ “ทุ่มครึ่ง?” “อืม เราหลับยาวเลย ตกใจหมด” “ฮั่นแน่ พี่คริสห่วงวาจริง ๆ ด้วย” “เป็นใครก็ต้องห่วงไม่ใช่แค่พี่หรอก เอานี่น้ำหวานไปดื่มซะ ป้าแจงชงมาให้” ฉันรับขวดน้ำที่บรรจุน้ำหวานสีแดงเย็นเจี๊ยบไว้ในมือก่อนยกขึ้นจิบ “โอ้โห สดชื่นมีกำลังขึ้นมาเลยอะ” “เว่อร์!” “จริง ๆ นะคะเพราะพี่คริสเลย” “พี่?” เธอชี้นิ้วเข้าหาตัว “อือ วาจะสดชื่นกว่านี้อีกถ้าทำแบบนี้” พูดจบฉันก็อ้าแขนและเข้ากอดพี่คริสที่กำลังนั่งสงสัยว่าฉันจะทำอะไรต่อไป “คิดถึงพี่คริสจังเลย สดชื่นด้วย” ฉันเอาหน้าซุกไปซุกมาระหว่างที่พี่คริสอยู่ในอ้อมกอดของฉัน “ปล่อยได้แล้ว” เธอตีแขนฉันสองสามทีเพื่อให้ปล่อยและเลิกประวิงเวลาก่อนที่ฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ “วาช่วยถือใบหนึ่ง” ฉันยื่นมือไปตรงหน้าแต่พี่คริสเบี่ยงกระเป๋าหลบทั้งสองใบ “เอาตัวเองให้รอดก่อนช่วยคนอื่น” “ค่าาาา จริงสิพี่คริสคือว่า… วายังไม่ได้จ่ายเงินค่าขนมป้าแจงเลย” “จ่ายให้หมดแล้ว!” พี่คริสยกนิ้วขึ้นดีดหน้าผากฉันหนึ่งทีอย่างเบามือ “โอ๊ยยยย!หัวแตกเลยเนี่ย” ฉันยกมือขึ้นกุมหน้าผากจุดที่โดนดีดพร้อมกับแสดงสีหน้าเจ็บปวดเหยเก “โอเวอร์อีกแล้ว!นิ้วพี่ไม่ใช่ก้อนอิฐ” พี่คริสส่ายหัวให้กับความเล่นใหญ่เกินเบอร์ของฉัน “อิอิ กลับบ้านกันดีกว่า” ฉันรีบแย่งกระเป๋าเดินทางใบโตหนึ่งใบและรีบตรงไปที่รถแท็กซี่ที่กำลังจอดรออยู่คันสุดท้าย “อย่าวิ่ง เดี๋ยวก็ล้มทั้งคนทั้งกระเป๋าหรอก” พี่คริสตะโกนไล่หลัง ส่วนฉันถึงโดยสวัสดิภาพไม่ล้มคะมำตามที่คริสห่วง ลุงแท็กซี่ยกกระเป๋าเก็บหลังรถจากนั้นก็ออกรถทันที “พี่บอกว่าอย่าวิ่ง ดื้อจริง ๆ” “วาก็อยู่รอดปลอดภัยดีนี่คะ เห็นไหมไม่บุบสลายสักหน่อย” “ขี้ดื้อ!” “ใครคะ?” “เรานั่นแหละ” “ไม่สักหน่อย” “แล้วรู้ได้ยังไงว่าวันนี้พี่จะกลับมา?” “เพราะใจเราส่งถึงกัน” ฉันฉีกยิ้มหวานอย่างเคอะเขิน พูดเองเขินเองสักอย่างนั้น “เห้อ… ถึงแล้วปลุกด้วยแล้วกัน” “ค่าได้เลย ไหล่นี่ก็ซบเป็นหมอนได้เลยนะคะ” “ไม่ละ ขอบใจ” สิ้นประโยคเธอก็หลับตาลงด้วยความอ่อนล้าเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง ความจริงแล้วเธอต้องมาถึงหมู่บ้านรอบแรกแต่เหตุสุดวิสัยบางอย่างเลยต้องเลื่อนรอบเรือเป็นรอบสุดท้ายแทน และเธอนึกไม่ถึงเลยว่าไอวาเด็กที่ตามติดตามจีบเธอตั้งแต่เด็กจะมารอรับตั้งแต่เช้า ถ้าเธอไม่ได้กลับมาวันนี้เด็กนี่ก็คงมารอในวันถัดมาเป็นแน่ ฉันนั่งมองพี่คริสหลับตาหน้านิ่งตลอดทางกลับบ้าน จนกระทั่งรถเข้าโค้งเลี้ยวทำให้ศีรษะของพี่คริสทำท่าจะโขกเข้ากับกระจกรถ ฉันจึงรีบเอามือเข้าไปขวางและเลื่อนมาพักซบหมอนชั่วคราวที่เสนอก่อนหน้า “พี่คริสถึงแล้ว” ฉันสะกิดไหล่ “…” “พี่คริสถึงบ้านเราแล้ว ลุงคะช่วยยกของลงให้ก่อนแล้วกันค่ะ” ฉันจึงบอกลุงคนขับรถให้ยกของลงก่อน เมื่อลุงลงไปแล้วฉันจึงปลุกพี่คริสอีกครั้ง “พี่คริสสสส ถึงแล้ว ตื่นได้แล้วไปนอนต่อที่บ้านเถอะ พี่คริสสสส” คราวนี้ฉันเอานิ้วจิ้มแก้มพี่คริสเป็นจังหวะก่อนจะถอนมือออกและโน้มใบหน้าลงไปจุ๊บแก้มแทน “วา?” พี่คริสค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองและเอามือลูบแก้มข้างที่ถูกขโมยหอมแก้ม “มอนิ่งคิสค่ะพี่คริส ถึงบ้านแล้ว” “อืม ๆ” เมื่อฉันและพี่คริสลงจากรถแท็กซี่ มิราก็วิ่งออกมาต้อนรับพร้อมกับเสียงบ่นไม่หยุดหลังจากทักทายพี่คริสเสร็จ “ไอ้วา!ทำไมเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้!จะสามทุ่มอยู่แล้ว ไปเถลไถลที่ไหนมาก่อนไปรับพี่คริสเนี่ย?เจเจมันงอแงหาแกจนหลับไปทั้งน้ำตาแล้ว” “ขี้บ่นจริง ๆ ฉันไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหน” “พี่คริสคะ ไอ้วามันออกไปตั้งแต่เช้ามืด หนีเที่ยวแน่ ๆ แล้วเอาพี่คริสมาอ้าง” มิราหันไปบ่นฉันให้พี่คริสฟัง “ฉันก็ไปรอพี่คริสนั่นแหละ ไปรอตั้งแต่เรือรอบแรกแค่พี่คริสมารอบสุดท้ายน่ะ” ฉันอธิบาย “อะฝากร่มหน่อย จะช่วยพี่คริสยกกระเป๋าเข้าบ้าน” ฉันส่งร่มสีลูกกวาดที่เอาไปตั้งแต่เช้าเพราะกลัวมาฝนจะตกส่งให้มิราถือ “ไม่ต้อง เข้าบ้านไปทั้งคู่นั่นแหละ ฝากวาด้วยรีบกินข้าวแล้วเข้านอนซะ เนี่ยมิรารู้ไหมว่าไอวาอดข้าวอดปลาทั้งตั้งแต่เช้าจนเป็นลม” พี่คริสบอกเล่าเรื่องราวจนมิรารู้สาเหตุที่กลับบ้านช้า “อย่างนั้นเหรอคะพี่คริส เดี๋ยวหนูจัดการน้องเอง” มิราคุยกับพี่คริสเสร็จก็ส่งสายตาพิฆาตมาหา “เข้าบ้าน เดี๋ยวทำข้าวให้กิน แล้วพี่คริสกินอะไรมายังคะ เดี๋ยว…” “พี่คริสยังไม่กิน เดี๋ยววาทำอาหารให้พี่คริสค่ะ เดี๋ยวยกไปส่งถึงห้องนอนเลย” “ไม่ต้อง!/ไม่ต้อง!” เสียงร้องห้ามของมิราและพี่คริสปฏิเสธขึ้นพร้อมกัน “อ่าววว คนอุตส่าห์ตั้งใจทำให้” ฉันหน้างอเสียงจ๋อยก่อนจะลากเสียงออดอ้อน “พี่คริสสสสสส” “หนูไม่รบกวนพี่แล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะมาเหนื่อย ๆ เดี๋ยวไอ้แสบนี่หนูจัดการมันเอง” และมิราก็ลากคอฉันเข้าบ้าน “พี่คริสฝันดีค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้วาไปหานะคะจุ๊บบบบ” ฉันโบกมือลาและมองพี่คริสที่กำลังเดินเข้าบ้านตัวเอง “มิราทำไมชอบขัดอยู่เรื่อย คนอุตส่าห์หาจังหวะสร้างความประทับใจต้อนรับพี่คริสกลับบ้าน” “ด้วยการทำอาหารบูดให้พี่คริสน่ะเหรอ?” “ปากเสียอีกแล้ว!” “ก็อาหารที่แกทำแต่ละอย่างมันกินได้ที่ไหน ขืนแกทำให้พี่คริสกินนะมีหวังคืนนี้ท้องเสียไปอีกสามวันสามคืนแน่นอน” “มิรา!มิราก็พูดใส่ความเกินไป” “จำคราวก่อนที่แกฝึกทำต้มยำได้ไหม?” “ไม่เห็นจะจำได้” ฉันรีบปฏิเสธทั้งที่จำเหตุการณ์เรื่องราวได้แม่นยำ “ต้มยำนั้นทำเอาฉันและพี่คริสอ้วกเป็นวัน อาหารเป็นพิษต้องหามกันเข้าโรงฯบาล” “… ก็นั่นต้มยำ มันทำยาก เครื่องเยอะ!” “งั้นต้มจืดที่แกเคยทำก็ทำเอาท้องเสีย!เค็มปี๋อีก” “เออ!ไม่เถียงแล้วก็ได้!มิรารีบทำข้าวเลย หิวแล้ว ทำเผื่อพี่คริสด้วยล่ะ” “เออ รู้แล้วน่า!” หลังจากมิราทำอาหารเมนูสิ้นคิดเสร็จเรียบร้อย ฉันก็รีบจัดจานอาหารสำหรับพี่คริสทันที “กะเพราหมูสับหอมเนาะ เอาไปให้พี่คริสก่อนนะ” “ไปด้วย” ฉันหันขวับไปมองหน้ามิราอย่างเอาเรื่อง “จะไปเป็นก้างขวางคอฉันทำไมมิรา” “จะไปคุมแกไง” และฉันก็เดินหน้ามุ่ยถือจานใส่กะเพราไปเคาะประตูบ้านพี่คริส “พี่คริสสสสส วาเองค่ะพี่คริส” ไม่นานประตูก็เปิดออกโดยเจ้าของบ้าน “พี่คริส ข้าวร้อน ๆ ค่ะ” ฉันยื่นจานตรงหน้าให้และกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปข้างในแต่ก็ถูกมิราดึงคอเสื้อไว้ “ให้แล้วก็กลับค่ะ อย่ากวนพี่เขา” “ขอบใจนะมิรา” พี่คริสรับจานข้าวในมือฉันแต่หันไปยิ้มให้มิรา “พี่คริสวาเอามาให้พี่นะ” ฉันหน้ามุ่ยเถียงออกไป หันมายิ้มหวานให้ฉันบ้างสิ “ก็พี่รู้ว่ามิราทำไง” “ถ้าวาเป็นคนทำล่ะ?” “ไม่มีทาง หอมขนาดนี้เราไม่มีทางทำหรอก ขอบใจนะ” พี่คริสหัวเราะชอบใจก่อนจะปิดประตูเข้าบ้าน “พี่คริสฝันดีนะคะ ฝันถึงวาด้วยนะ” ฉันตะโกนบอกฝันดีอีกรอบ “ไอ้วา!ชู่ว์!!เสียงดังเดี๋ยวรองเท้าก็ลอยมาหรอก” จากนั้นฉันก็ถูกมิราลากกลับเข้าบ้านไปรับประทานอาหารเช้าเที่ยงและเย็นในมือเดียวกันก่อนขึ้นนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD