บทที่ 3
มารดาที่ดีต้องมีความยุติธรรม
หลี่อันถิงเบิกตากว้างมองสองบุรุษที่สาวเท้าเข้ามาหานางด้วยสายตาเร่าร้อน ทว่าแทนที่นางจะตื่นกลัวอย่างที่หญิงสาวทั่วไปพึงรู้สึก ร่างกายไม่รักดีนี้กลับตื่นตัวจนกลางกายสาวสั่นไหวเปียกชื้น มองบุรุษตรงหน้าที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาตนเองด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
"ดูแล้วเจ้าจะชื่นชอบรสรักบำเรอของพวกเราไม่น้อยทีเดียว"
มู่หรงอี้เห็นหญิงสาวตรงหน้าจดจ้องเขากับน้องชายตาไม่กะพริบก็เอ่ยเสียงพอใจอยู่ในที หลี่อันถิงที่เพิ่งได้สติรีบก้มหน้าสลัดความคิดอันไม่ควรของตนเองออกไป
"คุณชายโปรดรักษามารยาท ข้ามาเพื่อดูตัวเป็นมารดาเลี้ยงให้พวกท่าน ไม่ใช่เพื่อเป็นหญิงบำเรอของพวกท่าน"
หลี่อันถิงพูดจบใบหน้าสวยก็ถูกมือหนาของมู่หรงซานจับบีบให้เงยขึ้นสบดวงตาคมของเขา พร้อมกับโน้มลงกระซิบที่ข้างใบหูแดงก่ำของนาง
"ในเมื่อคิดจะมาเป็นมารดาเลี้ยงของพวกเรา ก็ควรมีความยุติธรรมมิใช่หรือ"
หลี่อันถิงไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณชายสามเอ่ยบอก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถามให้มากความ ท่านแม่ของนางยังต้องการเงินไปจ่ายค่ารักษาตัว หากครั้งนี้ไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลมู่เพื่อรับสินสอด ชีวิตมารดาก็คงยากจะรักษาไว้ได้แล้ว
"คุณชายสามไม่ต้องกังวล หากข้าแต่งเข้ามาจวนตระกูลมู่แล้ว จะต้องเป็นมารดาที่ดีมีความยุติธรรมอย่างแน่นอน"
"เรื่องในอนาคตไม่มีอะไรมารับรองได้ ไม่สู้พิสูจน์ในตอนนี้"
มู่หรงซานเอ่ยจบก็จับร่างที่ยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าหมุนส่งไปให้พี่ชายคนโตที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของหลี่อันถิงสั่นระรัว เมื่อเอวบางถูกวงแขนแกร่งโอบรัด ก่อนจับตัวนางยกขึ้นตวัดขานั่งคร่อมตักกว้าง แนบแผ่นหลังบางประชิดอกแกร่ง
"คุณชายใหญ่ปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ"
เสียงหวานใสสั่นเครือกล่าวร้องขออ้อนวอน หากแต่ในดวงตากลมกลับมีประกายตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด มู่หรงอี้ยกมมุมปากขึ้นยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะกระซิบข้างใบหูเล็ก
"หญิงร่าน เสแสร้งได้ดีจริงๆ"
ต้นขาแกร่งของมู่หรงอี้ขยับแยกออกจากกัน ทำให้เรียวขาบางของหลี่อันถิงแยกออกกว้างตามไปด้วย กลีบบุปผาที่ถูกมู่หรงสือหยอกเย้าจนแดงก่ำผลิบานเผยโฉมยั่วยวนสองคุณชายตรงหน้าจนร่างกายของเขาปวดหนึบตื่นตัว
"พี่ใหญ่ข้าทนไม่ไหวแล้ว พวกเราหามารดาเลี้ยงคนใหม่ได้หรือไม่"
เป็นมู่หรงซานที่เอ่ยอย่างดุดัน ความปรารถนาอยากครอบครองบุปผาอย่างลึกซึ้งฉายชัดในดวงตาคม หากแต่กลับถูกพี่ชายใหญ่ของเขาห้ามปรามเอาไว้
"จะมีหญิงใดเหมาะสมมาเป็นมารดาเลี้ยงให้พวกเราเท่านางอีกเล่า น้องสาม น้องสี่ พวกเจ้าก็อดทนหน่อย อีกเพียงสามวันเท่านั้น"
เมื่อได้ยินประโยคนี้หัวใจของหลี่อันถิงก็ยินดีจนเผลอยิ้มกว้าง เอี้ยวหน้าหันไปเอ่ยถามเจ้าของตักกว้าง
"คุณชายใหญ่ นี่หมายความว่าพวกท่านตกลงรับข้าเข้าจวนอนุญาตให้แต่งเป็นมารดาเลี้ยงของพวกท่านแล้วใช่หรือไม่"
"ก็ขึ้นอยู่กับว่าวันนี้เจ้าทำตัวได้เหมาะสมแค่ไหน"
หลี่อันถิงเข้าใจเจตนาของมู่หรงอี้ในทันที ร่างอวบอิ่มสมส่วนเอนกายอิงแอบอกกว้าง แหงนหน้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากหนาอย่างไม่ชำนาญ หากแต่กลับทำให้เขาพึงพอใจจนร้องครวญเสียงสั่นในลำคอ
สองมือบางวางทาบบนอกนุ่มของตนเอง บีบเคล้นเบาๆ พอให้เนื้อนุ่มล้นรอดออกมาจากช่องระหว่างนิ้ว เกิดเป็นภาพที่ยั่วยวนจนสองคุณชายด้านหน้ายากจะอดทนไหว สาวเท้าเข้ามาคุกเข่าขนาบทั้งสองข้าง ก่อนจะโน้มใบหน้าลงครอบครองดูดดึงยอดอกอวบอิ่ม วางมือลงบนต้นขาเนียนพร้อมๆ กับสอดแทรกปลายนิ้วยาวเข้าหยอกเย้ากลีบบุปผานุ่ม
หลี่อันถิงถูกนิ้วยาวของสองบุรุษจู่โจม ร่างกายก็ร้อนรุ่ม บนเร้าไปมาบนตักกว้าง ถูกแก่นกายร้อนของคุณชายใหญ่ดุนดันอยู่ด้านหลัง มือเรียวขยับเลื่อนลงอย่างรู้งาน ครอบครองชักนำปรนเปรอความสุขให้เขาจนร่างหนาเกร็งกระตุก กดแนบดูดดึงริมฝีปากบางรุนแรง
ห้องโถงใหญ่ถูกปิดแน่นทั้งสี่ทิศ หากแต่เสียงครวญกระสันก็ยังคงดังสอดประสานเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย จนบ่าวรับใช้ในเรือนได้แต่ถอยห่างก้มหน้าซ่อนความร้อนรุ่มในกายของตนเอาไว้
จวบจนตะวันตกดินมู่หรงอี้จึงอุ้มร่างที่หลับใหล อ่อนแรงของหลี่อันถิงออกมา
“ข้าจะไปส่งนางที่เรือนตะวันตก พวกเจ้าไปสั่งการให้คนเตรียมงานให้พร้อม อีกสามวันพวกเราจะต้อนรับมารดาเลี้ยงอย่างสมเกียรติ”
“ขอรับพี่ใหญ่”
หลี่อันถิงที่แสร้งหลับอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายใหญ่มู่ใจสั่นระรัว แม้ว่าวันนี้ร่างกายของนางจะไม่ถูกความเป็นชายของสามพี่น้องตระกูลมู่รุกล้ำเช่นในตำราปกขาว แต่ทุกส่วนบนตัวกลับถูกพวกเขาสัมผัสหยอกเย้า เคล้นคลึง อย่างทั่วถึง หากครั้งนี้ไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลมู่ ชีวิตนี้ก็คงไม่อาจแต่งกับชายใดได้อีกแล้ว
"ดูแลนางให้ดี"
เป็นประโยคสุดท้ายที่หลี่อันถิงได้ยินก่อนที่สติของนางจะจมเข้าสู่ห้วงนิทรา จวบจนเช้าของวันใหม่ดวงตากลมปรือตื่นขึ้น หลี่อันถิงก็ตระหนักได้ถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตนเอง
พวกเขาสามพี่น้องกระทำกับนางถึงเพียงนั้นแล้ว จะยอมให้นางแต่งเป็นมารดาเลี้ยงของพวกเขาได้อย่างไร ล้วนเป็นเพียงคำหลอกลวงทั้งสิ้น
"เจ้าจะไปไหน"
เมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งตื่นนอนลุกขึ้นแต่งตัวอย่างเร่งรีบ สาวใช้ที่มีหน้าที่ดูแลหลี่อันถิงก็ขยับตัวมาขวางทาง สายตามองดูนางด้วยความรู้สึกดูแคลน เดียดฉันท์
"พี่สาวได้โปรดหลีกทางด้วย ท่านแม่ที่ไม่สบายของข้ากำลังรออยู่ที่บ้าน"
เห็นหญิงสาวที่เมื่อวานทำตัวราวกับหญิงนางโลมยั่วยวนคุณชายทั้งสามมีท่าทีร้อนรนห่วงใยมารดา หลันฮวาสาวใช้ที่รับผิดชอบดูแลนางก็ยกยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะใช้นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าผากเล็กจนหลี่อันถิงที่ไม่ทันระวังตัวล้มหงายหลังลงกับพื้น
"หญิงนางโลมชั้นต่ำ นี่คงคิดใช้เล่ห์มารยามายั่วยวนคุณชายทั้งสามของข้าอีกล่ะสิ หึ! บทลูกสาวผู้กตัญญูเรียกความสงสารเห็นใจล่ะสินะ"
"ข้าเปล่านะ ท่านแม่ของข้าไม่สบายจริงๆ"
"อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นทำไมเมื่อวานไม่รีบกลับไปดูแลมารดาที่ล้มป่วยของเจ้าล่ะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าจงใจอยู่ต่อเพื่อยั่วยวนคุณชาย"
หลี่อันถิงไม่อยากเสียเวลาสนทนากับหญิงอันธพาล กลืนความอดสูที่ถูกดูแคลนลงท้องแล้วรีบลุกขึ้นเดินเลี่ยงจากไป หลันฮวาเห็นอีกฝ่ายอ่อนแอรังแกง่าย ยามที่หลี่อันถิงเดินผ่านจึงยื่นเท้าไปสกัดหมายใจให้นางสะดุดล้มลงหัวฟาดพื้น เพียงแต่ไม่คาดคิดว่ายามที่หลี่อันถิงสะดุดล้มวงแขนแกร่งของมู่หรงซานจะเอื้อมออกมารับนางเอาไว้ได้พอดี
"เอาตัวออกไปโบย 30 ไม้!"
เป็นมู่หรงอี้ที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยถามความถึงเหตุก่อนหน้าก็สั่งลงโทษคนในทันที หลันฮวาถูกบ่าวชายสองคนเข้ามาจับลากออกไปก็ร้องโวยวายกล่าวหาว่าหลี่อันถิงเป็นคนรังแกนางก่อน หากแต่ให้นางร้องเสียงดังเพียงใดแม้แต่หางตาของสามพี่น้องตระกูลมู่ก็ไม่ชายมองเลยสักนิด
"คุณชาย พะ... พวกท่านมาได้อย่างไร"
"ยกน้ำชาให้มารดาตอนเช้า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของจวนเรา"
มู่หรงสือเอ่ยบอกด้วยท่าทางหยอกเย้า ยามเอ่ยถึงน้ำชาในแววตาก็ฉายชัดถึงความนัยแฝงบางอย่างที่ชวนให้ใจสั่น ทว่ามารดายังรออยู่ที่บ้านหลี่อันถิงไม่อาจปล่อยตัวเสียเวลาเช่นเมื่อวานอีกแล้ว
"ตอนนี้ข้ายังไม่ผ่านพิธีแต่งงาน จึงไม่นับเป็นมารดาเลี้ยงของพวกท่าน เรื่องยกน้ำชาก็คงไม่จำเป็น อีกอย่างมารดาของข้าไม่สบาย ข้าต้องรีบกลับบ้านเจ้าค่ะ"
"เรื่องมารดาของเจ้าข้าให้คนไปพานางมาพักฟื้นที่เรือนรับรองด้านหลังแล้ว ตอนนี้ท่านหมอฟู่กำลังตรวจอาการนางอยู่"
ได้ยินคุณชายใหญ่มู่กล่าวว่ามารดาได้รับการรักษาโดยหมอฟู่ ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาประจำแคว้น ในใจของหลี่อันถิงก็ยินดีจนยิ้มกว้าง หากแต่ยามที่คิดจะขยับตัวไปเยี่ยมมารดา วงแขนแกร่งของมู่หรงซานกลับกระชับแน่นไม่ยอมปล่อย
"คุณชายสาม ข้าจะไปเยี่ยมมารดาท่านได้โปรดปล่อยมือด้วยเจ้าค่ะ"
"หากเจ้ายังรับน้ำชาของพวกเราสามพี่น้องไม่ครบก็อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยมือ"
เสียงแหบพร่ากระซิบบอก ก่อนที่จะช้อนร่างในอ้อมแขนขึ้นแนบอก ก้าวเท้าพาเข้าไปในตัวเรือนพักพร้อมกับมู่หรงอี้ มู่หรงสือมองตามแผ่นหลังของพี่ชายทั้งสองแล้วหมุนตัวมาปิดประตูเรือน เน้นย้ำกับบ่าวหน้าเรือนว่าหากพวกเขาไม่เรียก ใครก็ห้ามเข้ามารบกวนพิธียกน้ำชายามเช้าให้มารดา
................................................