08

1181 Words
“ต้องกระโดดขึ้นหลังม้าอีกแล้วเหรอ เฮ้อ! ไม่รู้จะสงสารม้าหรือสงสารตัวเองก่อนเลยเนี่ย” เธอพึมพำขณะมองม้าที่ถูกลากออกมาด้วยความท้อแท้ แน่นอนว่าขามาก็ทุลักทุเลแล้วหนหนึ่ง แต่เพราะหิว ทุกอย่างเลยผ่านพ้นไปโดยไร้ปัญหา แต่พอขากลับที่แน่นอนว่าเธออิ่มท้อง จึงเริ่มจะอิดออดที่จะขึ้นไปบนหลังม้า “คุณๆ ให้ฉันกับอีอีเดินกลับแทนได้ไหม” เธอขยับเข้าไปกระซิบถามใกล้ๆ “ทำไม” เขาหันมาถามเสียงเข้ม “ก็ฉันเอ่อข้าสงสารม้า ลำพังแค่ท่านคนเดียว มันก็หนักจะแย่ มีข้ามาเพิ่มอีก มันคงเดินแทบไม่ไหว” “ตอนมาก็ไม่เห็นเจ้าจะรู้สึกเช่นนั้น” “ก็ตอนมาท้องข้ามันโล่ง ไม่มีอะไรเลย แต่ตอนกลับเนี่ย ข้าซัดเข้าไปเต็มเหนี่ยวจนพุงกางแล้วไง เอ่อ…ข้าหมายถึงข้ากินเข้าไปเยอะ น้ำหนักย่อมต้องเพิ่มขึ้น เช่นนั้นภาระหนักก็จะตกไปอยู่ที่ม้าตัวนี้น่ะสิ ข้าสงสารมัน” เห็นอีกฝ่ายส่งสายตาดุๆ มาให้ เธอจึงรีบเรียบเรียงประโยคใหม่ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบต่อ “ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ข้าอิ่มจนกระโดดขึ้นหลังม้าไม่ไหว ข้าว่า…ว้าย!” เธอร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ตัวเธอก็ลอยหวือ เพียงแค่เขาตวัดยกตัวเธอขึ้นไปวางบนหลังม้า ราวกับจะบอกว่าตัวเธอมิได้หนักอะไร ยังไม่ทันได้ว่าอะไร เขาก็กระโดดตามขึ้นมานั่งซ้อนหลัง พร้อมกับยื่นสองมือมากุมบังเ**ยน คนถูกกอดกลายๆ เลยแทบวางหน้าไม่ถูก กระทั่งได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ จากคนด้านหลัง “นั่งดีๆ” เสียงเขาเบาจนเธอต้องหันไปถามให้แน่ใจ “หืม…อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อแก้มของตัวเองชนกับจมูกเขาเบาๆ “อย่างกับฉากโรแมนติกในละคร นี่เราหลุดเข้ามาในซีรีส์เรื่องไหนรึเปล่าวะ” จริงๆ มันก็อาจจะโรแมนติกกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายดันแย่งบทนางเอกของเธอไป “เจ้า!” เขาทำหน้าขึงขัง ประหนี่งว่าเธอทำความผิดร้ายแรง “เดี๋ยวนะ บทนี้มันควรจะเป็นเราสิ เล่นซะนางเอกอย่างเราไปต่อไม่เป็น แล้วฉันควรจะยังไงต่อดีเนี่ย” เธองึมงำอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร กระทั่งตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด “ขอโทษค่ะ” พูดจบเธอก็รีบหันกลับไปทางเดิม แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกระดาก แต่อีกส่วนก็เป็นเพราะหน้าดุๆ ของเขานี่แหละ แต่แล้วก็มีเหตุให้เธอต้องหันกลับไป เพียงเพราะเสียงบ่นอุบอิบของเขา “คะ? อุ๊ย!” อีกครั้งที่เธอตาโต คราวนี้ไม่ใช่เพราะความกระดาก แต่เพราะความตกใจบวกกับความรู้สึกผิดที่ตัวเองดันหันแก้มไปให้เขาหอมอีกครั้ง “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ” เห็นอีกฝ่ายทำหน้าขึงขังยิ่งกว่าเดิม เธอก็ได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดแล้วหันกลับไปทางเดิม “เฮ้อ! ทำไมชีวิตมันช่างยากเย็นขนาดนี้วะ” เธอได้แต่บ่นพึมพำกับความอดสูของตัวเอง จากนั้นก็นั่งตัวแข็งทื่อแทบไม่กล้าขยับ ก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่เผลอลวนลามพ่อคนหวงตัวอีก “ลงมา” ทันทีที่ถึงบ้าน เขาก็กระโดดลงจากหลังม้าด้วยความเคยชิน ตรงข้ามกับเธอที่ยังคงนั่งเลิ่กลั่กอยู่บนนั้น “เอาวะ มันก็คงเหมือนกับการขึ้นลงมอเตอร์ไซค์คันใหญ่นั่นแหละ” เธอหายใจเข้าลึกก่อนพยายามยื่นเท้าหาที่เหยียบ ครั้นพอได้ที่ ขาอีกข้างก็วาดขึ้นด้วยความทุลักทุเล แน่นอนว่านี่ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ แล้วมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ขยับได้ และทำให้เธอพลาดท่าในที่สุด “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพลางหลับตาปี๋ แต่ก็นึกแปลกใจที่ตัวตกไม่ถึงพื้นสักที จนต้องลืมตาขึ้น “…” คนที่ลอยหวืออยู่กลางอากาศแทบพูดไม่ออก ใช่! เขาช่วยเธอไว้ แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกอดสูยิ่งกับวิธีช่วยของเขานักก็ไม่รู้ เมื่อรายนั้นเพียงแค่ฉวยเข็มขัดเธอไว้ ไม่ให้หน้าคว่ำลงไปกับพื้น ประหนึ่งว่ารังเกียจเดียจฉันกันนักหนา “ถ้าจะขนาดนี้ ปล่อยให้ร่วงลงพื้นไปเลยก็ได้” คนที่คว่ำหน้ากลางอากาศอดประชดไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ไม่โรแมนติก แต่พ่อคุณยังทำให้เธอรู้สึกรันทดกับสภาพตัวเองตอนนี้ด้วย กระทั่งเมื่อเท้าเธอแตะพื้นความคิดบางอย่างก็บังเกิด ‘หวงตัวนักใช่ไหม แม่จะแกล้งซะให้เข็ดเลยคอยดู’ เธอคิดอย่างหมายมั่น พลันขาแข้งก็อ่อนแรงลงดื้อๆ “อุ๊ย!” เธอเอนตัวไปข้างหน้า แสร้งว่าเสียหลักเซไปปะทะอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ แต่… ตึก…ตึก…ตึก ทุกอย่างพลันนิ่งสงัด เมื่อไอ้ที่เธอปะทะอยู่ตอนนี้ไม่ใช่อก แต่เป็นมือใหญ่ๆ ทั้งสองข้างของเขาที่ยื่นมากันไว้ แล้วมันก็ช่างเหมาะเจาะและแปะแหมะอยู่ตรงหน้าอกเธอพอดิบพอดี เขามองมือตัวเองสลับกับเงยมองหน้าเธอ ในขณะที่เธอก็มองหน้าเขาสลับกับก้มมองหน้าอกตัวเอง และก่อนที่เธอจะทันได้โวยวายเหมือนอย่างที่นางเอกละครเขาทำๆ กัน เขาก็ดันชิงทำตัดหน้าซะก่อน “เจ้า” ท่าทีขึงขังพลางรีบชักมือกลับราวต้องของร้อนของเขา ทำเอาคนถูกจับหน้าอกถึงกับอ้าปากค้าง และก่อนจะทันได้พูดอะไร รายนั้นก็เดินหน้าตึงเข้าไปในบ้านแล้ว “นมเราไม่น่าจับขนาดนั้นเลย?” เธอครางพลางมองที่หน้าอกตัวเองด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ กระทั่ง… “เอ้า! คุณหนูมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมยังไม่เข้าบ้านล่ะเจ้าคะ” ด้วยเพราะต้องขนของพะรุงพะรัง ถงอีอีกับเสี่ยวไป๋จึงเพิ่งจะกลับมาถึง “อ๋อ ก็มายืนให้เขาจับนม” เธอครางตอบประหนึ่งคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “เจ้าคะ?” “เอ้อ…ฉันหมายถึงอยากกินนมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีใครจับนมใครทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆๆ เข้าบ้านก่อนนะ” เธอได้แต่หัวเราะจืดเจื่อนก่อนเดินเข้าบ้านไป ทำเอาหนุ่มสาวสองคนที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นหันมองหน้ากันแบบงงๆ ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม (1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง) ที่เธอกับถงอีอีหายเข้าไปในห้องตามลำพัง ก่อนจะกลับออกมาด้วยชุดที่ดูสวยแปลกตา แปลกจนทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ต้องหันมามองแทบไม่ละสายตา “อะแฮ่ม!” คนที่รู้สึกว่าตัวเองเผลอมองสาวงามตรงหน้านานเกินไปรีบกระแอม และเสียงกระแอมของเขาก็ทำให้เธอรีบตรงเข้ามาหา “ท่านว่าข้าดูเป็นไง” เธอถามพลางหมุนตัวให้ดู
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD