ตอนที่ 4/2 ใกล้กันแค่เอื้อมมือ.

4393 Words
พิยดากลับมาแล้ว เธออยู่ใกล้เจ้านายเขาแค่เอื้อมมือ เลขานุการหนุ่มย้อนกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นเจ้านายในหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ใบหน้าคมเข้มเหม่อลอยเสียจนลืมสังเกตว่าภายในห้องมีพยาบาลพิเศษอยู่ด้วย พยาบาลน่าจะเช็ดตัวให้เจ้านายเขาเพิ่งเสร็จ อยู่ระหว่างการนำชามใส่น้ำกับผ้าผืนเล็กไปจัดการในห้องน้ำ “ขอโทษที่กลับมารบกวนนะครับ คุณรันหลับไปแล้วเหรอครับ” “จวนแล้วค่ะ ตาปรือๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น เมื่อกี้ไข้ขึ้นสูงมาก ดิฉันเช็ดตัวลดไข้ให้ร่วมครึ่งชั่วโมง กะว่าตอนดึกจะวัดไข้ให้อีกรอบ” “ขอเวลาส่วนตัวให้ผมกับคุณรันสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ” อรรถพลเคลียร์งานที่ออร่านำมาส่งจนเสร็จ เปลี่ยนเวรให้พยาบาลพิเศษมาเฝ้าไข้ เขาบังเอิญพบหญิงสาว เจ้าของเหตุผลที่ทำให้ศรันย์บินไปอังกฤษทุกเดือนอยู่ด้านล่าง ศรันย์ต้องดีใจมาก ถ้าเขากลับมาบอกข่าว แต่อรรถพลผิดสังเกตที่เห็นหล่อนคุยโทรศัพท์และร้องไห้ อึดใจเดียวหล่อนผลุนผลันวิ่งออกไปโบกรถหน้าโรงพยาบาล หวุดหวิดจะถูกรถเฉี่ยวชนหลายรอบ หล่อนเหมือนคนไม่มีสติจนอดเป็นห่วงไม่ได้ เขาโบกรถแท็กซี่คันหลังตามไป ดักรอร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าหล่อนจะจูงมือแม่ออกมา มือเล็กอีกข้างหิ้วกระเป๋ามาด้วย ทั้งสองคนไม่ได้ร้องไห้ แต่เหม่อลอยเสียจนเขาที่คอยมองอยู่ห่างๆ เศร้าตาม จะโทรบอกศรันย์ก็ทำไม่ได้ กลัวเจ้านายหนีออกมา สั่งรถแท็กซี่ขับตามรถคันหน้ากระทั่งวนกลับมาที่เดิม อรรถพลทำหน้าที่ดีเยี่ยม สืบทราบว่าคุณไกรสรป่วยหนักไม่ได้สติในโรงพยาบาล และดูเหมือนว่าคนอื่นในบ้านอัศวเมฆินทร์จะเก็บของย้ายกลับต่างจังหวัดกันหมด ทอดทิ้งเด็กผู้หญิงตัวเล็กอย่างพิยดาให้ดูแลแม่กับเจ้านายตามลำพัง ผู้หญิงคนนี้เป็นแค่เด็กรับใช้ยากจนไม่มีคุณสมบัติข้อไหนคู่ควรกับเจ้านายเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ทันทีที่อรรถพลได้เห็นรอยยิ้มในวันที่เศร้าที่สุดจากใบหน้าหล่อน เขาเข้าใจอย่างไม่ต้องมีเหตุผลอื่นมารองรับว่าทำไมเจ้านายถึงปักใจรักผู้หญิงคนนี้ และทำไมถึงต้องเป็นคนนี้เท่านั้น หากรอยยิ้มผู้หญิงคนนั้นทำให้โลกของเจ้านายสว่างได้ น้ำตาหล่อนก็อาจจะทำให้โลกใบนั้นเปลี่ยนเป็นมืดมนไร้ความสุขได้เช่นเดียวกัน “เอ็มเหรอ กลับมาทำไม มีอะไรหรือเปล่า” คนป่วยสะลึมสะลือ ใจอยากตื่นแต่ร่างกายอ่อนเพลียสั่งให้หลับตานอน แสงไฟในห้องส่องสว่างกระทบดวงตาสู้ไม่ไหวจำเป็นต้องปิดลง เขารู้สึกคล้ายตัวเองจะตาย เกิดสามสิบกว่าปีไม่เคยป่วยหนักมาก่อน ร่างกายอ่อนเพลียไม่มีแรง มือชา ขาชา วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด มีไข้สูง หนาวสั่น มาครบจบในครั้งเดียว สั่งพยาบาลพิเศษให้ปิดแอร์ทุกตัวเพราะหนาว ผ้าห่มโรงพยาบาลผืนบาง ต้องหาผืนใหม่มาซ้อนสองผืนสามผืนถึงนอนได้ “ตอนกลางวันยังดีๆ อยู่เลย ทำไมตกค่ำอาการทรุดลงล่ะครับ” “ไม่รู้ ปวดหัว ปวดมากๆ เสียงมันดังตุบๆ ข้างในเหมือนจะระเบิด” หลับตาตอบ ลมหายใจอุ่นรินรดริมฝีปากแห้งแตกที่เผยอขึ้นมาเล็กน้อย “นายกลับมามีอะไรหรือเปล่า ฉันง่วงนอน ถ้าไม่ด่วนเอาไว้คุยวันหลัง” “ผมรู้ตัวว่าไม่ควรพูดในเวลานี้ แต่ถ้าผมไม่เล่าให้คุณรันฟัง อาจจะกลายเป็นว่าผมทำผิดกับคุณรัน คุณรันหายป่วยจะโกรธผมทีหลังได้” “เอ็ม อย่าอ้อมค้อม ฉันปวดหัวจะแย่แล้ว มีอะไรก็พูดมา” “ผมบังเอิญทราบมาว่าคุณไกรสรป่วยหนัก เข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกับคุณรัน ตอนนี้ยังไม่ได้สติ ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดี” “ลุงไกรป่วยเรื้อรังนานแล้ว แค่นี้เองเหรอที่อยากพูด” “แต่ทั้งที่ท่านป่วย คนงานในบ้านกลับขนของย้ายออกไปกันหมด” “บ้านถูกยึด ไม่มีเงินเดือนจ่ายให้พนักงาน ย้ายออกก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ” พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ศรันย์หงุดหงิดเลขานุการจนต้องข่มตานอน “ในเมื่อรู้อย่างนี้ คุณรันไม่สงสัยเหรอครับ ว่าใครอยู่เฝ้าท่าน” “อยากพูดอะไรก็พูดมาสักทีเถอะน่า บอกแล้วไงว่าฉันปวดหัว อยากจะนอนพัก หรือถ้านายไม่อยากพูดตอนนี้ก็ไม่ต้องพูด กลับไปเลยไป ฉันจะนอน” “ถ้าผมบอกว่าคนที่เฝ้าคุณไกรสรคือผู้หญิงคนนั้น คุณรันยังจะอยากไล่ผมกลับอยู่หรือเปล่าครับ” “...” “คุณพิม เธอกลับมาเมืองไทยจริงๆ” “นายพูดจริงเหรอ” “...” “แน่ใจใช่ไหม... ว่าเป็นพิม พิมกลับบ้าน กลับบ้านจริงๆ” ศรันย์เหมือนคนไม่มีสติ เขาพูดทวนประโยคเดิมหลายต่อหลายครั้งด้วยใบหน้าแดงระเรื่อจากพิษไข้ กระตุกแขน กระตุกขาพยุงตัวขึ้นนั่งก่อนโรยตัวลงข้างเตียงด้วยตัวเอง “รอพรุ่งนี้เถอะนะครับ ถ้าไข้ลด ผมสัญญาว่าจะพาไปหาเธอ ไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ คุณไกรสรยังต้องพักรักษาตัวอีกหลายวัน” “ถ้านายไม่อยากให้ฉันไปหาพิม แล้วเอาเรื่องนี้มาบอกฉันทำไม! ทำไมไม่รอบอกพรุ่งนี้!” ตะโกนสุดเสียงใส่ลูกน้องหน้าขรึม กำมือทุบบนอกข้างซ้ายอักๆ “ฉันคิดถึงพิมจะตายอยู่แล้ว ความรู้สึกข้างใน... มันเหมือนว่าฉันจะไม่มีวันมีความสุขไปตลอดชีวิต ถ้าหากเธอหายไปไกลจากสายตา อย่าฝันเลยเอ็มว่าพิมจะเป็นฝ่ายมาหา ถ้ามา... พิมคงจะกลับมานานแล้ว” ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมายืนยันได้ พิยดาไม่มีทางทำอย่างนั้น หล่อนไม่เคยโทรหา ไม่เคยส่งข้อความ ไม่เคยแสดงตัว หล่อนเคารพการตัดสินใจของเขา และยอมเลิกราเงียบๆ ไม่ให้คนนอกระแคะระคายความสัมพันธ์ เขาควรดีใจที่หล่อนว่าง่าย ไม่เปิดปากพูดถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งคืนนั้น แต่ไม่รู้ทำไม หัวใจเจ็บหนักขึ้นทุกวัน โหยหาวันคืนเก่าๆ อยากได้ช่วงเวลาดีๆ และอยากได้ผู้หญิงที่ดีที่สุดคนนี้กลับคืน ใครจะดูถูก ดูแคลน ไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ เขาจะไม่ให้ค่าคำพูดเหล่านั้น ถึงแม้ว่าจะมาจากปากคนในครอบครัวตัวเองก็ตาม เขาในวันนี้ไม่พร้อมสูญเสียคนที่รักมาก จะทำทุกวิถีทางเพื่อดึงหล่อนกลับมาเป็นของเขาเหมือนวันวาน “ความผิดพลาดเดียวในชีวิต คือการปล่อยมือพิมในวันนั้น ถ้าฉันไม่ทิ้งพิม ช่วยประคับประคองพิมให้เติบโต ตอนนี้... เราคงได้อยู่ได้ด้วยกัน” คืนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เขายอมรับว่าตัวเองเลวมาก เขากระวนกระวายใจนอนไม่หลับทั้งคืน ออกไปซื้อเบียร์ในเซเว่นมานั่งดื่มคนเดียวริมทะเล ตีอกชกหมัดใส่ตัวเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจ ดูถูกหล่อนกลัวหล่อนจะจับและไม่ยอมให้ไปเรียนต่อ ล่วงเลยจนเช้าถึงกลับไปที่ห้องและพบว่าหล่อนร้องไห้จนดวงตาสองข้างแดง ลงจากเตียงวิ่งเข้ามากอดกลัวถูกเขาทิ้ง “พี่รันไปไหนมา พิมรอตั้งนาน นึกว่าพี่กลับกรุงเทพไปแล้ว” “พี่ไปซื้อที่ชาร์จแบต อาหาร ยา แล้วก็เสื้อผ้ามาให้พิม” ผลักไหล่หล่อนออกห่างนุ่มนวล นำของที่ซื้อมาจากข้างนอกไปวางบนโต๊ะ ซ่อนแววตาผิดหวังไว้มิดชิด ไม่อยากให้หล่อนรับรู้ว่าเขาเสียใจที่พลาดพลั้งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กลัวหล่อนจะตั้งท้องและอาจถ่วงอนาคตของเขา “ทำไมพี่รันไม่ปลุกพิมให้ไปเป็นเพื่อนคะ” “พี่แค่อยากให้พิมนอนพักเยอะๆ ร้านพวกนี้อยู่ถนนเส้นหน้าโรงแรมนี่เอง ขับรถไปไม่ไกล พิมหิวหรือยัง พี่จะจัดใส่จานให้” “ยังไม่หิวค่ะ” หล่อนตอบ ถูไถเช็ดคราบน้ำบนหน้า “ตัวหอม แอบอาบน้ำก่อนพี่แล้วใช่ไหม เอาชุดไปเปลี่ยนนะ กินข้าวกันแล้วเดี๋ยวพี่พาขับรถเล่น บ่ายๆ เราค่อยกลับบ้าน” “ค่ะ” สายตาสื่อความหมายว่ารักคู่นั้นเขาจำได้ไม่มีลืม จะหลับหรือตื่นก็อยากให้หล่อนกลับมายิ้มให้อย่างวันวาน พิยดาหายเข้าไปในห้องน้ำออกมาในชุดใหม่ หล่อนน่ารัก หุ่นดี ผิวพรรณดี สวมเสื้อผ้าชุดไหนก็สวย เขาจับหล่อนนั่งลงเก้าอี้ให้รับประทานอาหารเช้าหลายรายการที่จัดใส่จานไว้ “ทำไมมีจานเดียว พี่รันไม่กินด้วยกันเหรอ” “พี่ยังไม่หิว พิมกินก่อนเลยนะ พี่เหนียวตัวจะไปอาบน้ำ” “พิมก็ยังไม่หิวค่ะ รอได้ พี่รันไปอาบน้ำเถอะค่ะ” “ไม่ต้องรอพี่ พิมกินก่อน กิน... ให้หมดเลยนะ” ถือผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก่อนปิดประตูเขามองเห็นแววตาสะเทือนอารมณ์ทันทีที่พิยดาเหลือบตาไปเจอแผงยาคุมฉุกเฉิน เขาขับรถเลียบชายทะเลด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง พิยดามีแววตาหม่นหมองไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน เขาอยากเอาใจ เอ่ยชวนหล่อนไปหาคาเฟน่ารักๆ นั่งเล่นกินนมกินขนมด้วยกันก่อนกลับกรุงเทพ แต่เผอิญว่าระหว่างทางไปร้านขนมน้องสาวโทรมาโวยวาย “พี่รันอยู่ไหนคะ เมื่อคืนน้องรินโทรหาทำไมต้องปิดเครื่อง!” “พี่มาเที่ยวต่างจังหวัด พอดีแบตหมด โทษทีนะ” “ต่างจังหวัด! ไปกับใคร! กับนังพิมหรือเปล่า!” ศิรินทร์หวีดถามเสียงแหลม หล่อนถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจมีนิสัยขี้โมโหขี้โวยวาย ศรันย์มีชนักติดหลังตัดสินใจโกหกน้องสาว “เปล่า พี่มาคนเดียว เมื่อวานทะเลาะกับคุณพ่อเรื่องงาน น้องรินมีอะไรหรือเปล่า จู่ๆ ถึงถามหาพิม แล้วกระหน่ำโทรมา” “ก็เมื่อวานนังพิมมันหนีออกจากบ้าน! ลุงไกรสรเป็นห่วง ขับรถตามหามันทั้งคืน ประสบอุบัติเหตุอาการโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล!” “ลุงไกรสรประสบอุบัติเหตุ! โรงพยาบาลไหน ได้ พี่จะรีบไป” ศรันย์ขับรถจากชลบุรีรวดเดียวถึงโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ลานจอดรถช่วงเที่ยงค่อนข้างโล่ง มองหน้ากัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดไหน พิยดาก็เข้าใจความหมาย ว่าเรื่องระหว่างเขากับหล่อนไม่สามารถให้คนอื่นล่วงรู้ หล่อนทิ้งของทุกอย่างที่เขาซื้อให้ไว้ที่เดิมลงจากรถตัวเปล่า แต่แล้วก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง เมื่อมีรถยนต์อีกคันขับมาจอดขนานข้าง คนบนรถตามไปกระชากเส้นผมพิยดากลับมา ศรันย์ตามลงไปช่วยทว่าเขาต้องตกใจรอบสอง เมื่อผู้หญิงที่จิกหัวพิยดาอยู่นั้นคือศิรินทร์ น้องสาวเขา! “หลอกรินว่าไปคนเดียว แล้วมันลงจากรถพี่รันได้ยังไง!” “น้องริน ใจเย็นๆ ปล่อยพิม ฟังพี่ก่อน” “พี่รันจะโกหกรินว่าบังเอิญเจอนังคนรับใช้คนนี้กลางทางงั้นเหรอ รินรู้จากพี่เมศแล้วว่าพี่รันแอบคบกับมัน! แต่รินไม่คิดว่าพี่จะตาต่ำถึงขั้นอยากได้คนรับใช้มาเป็นเมีย ได้กันแล้วใช่ไหม พี่รันตอบรินมาสิ!” “พอได้แล้วน้องริน อย่าใจร้ายนักสิ ไม่เห็นเหรอว่าพิมเจ็บ!” ศรันย์ห่วงหญิงคนรักเบียดเข้าไปช่วยเหลือ แต่น้องสาวไวกว่าเหวี่ยงแขนพิยดาไปทางราเมศวร์ ไม่เกี่ยวว่าพิยดาเป็นคนของอัศวเมฆินทร์ราเมศวร์จะเบามือ ราเมศวร์เกลียดพิยดามาตั้งแต่ต้นและเมื่อหล่อนเป็นต้นเหตุทำให้ผู้เป็นพ่อประสบอุบัติเหตุ ความเกลียดชังก็เพิ่มมากขึ้น ท่อนแขนเล็กแหลกเป็นจุณภายใต้มือแข็งแรง ดวงตาเจ็บปวดคู่นั้นวอนขอความช่วยเหลือทว่าแขนศรันย์ก็ถูกจับไว้ด้วยน้องสาว “ไอ้เมศ! ปล่อยพิม! มึงก็เป็นไปกับน้องรินอีกคนเหรอ!” “กูหวังดีกับมึง ผิดด้วยเหรอ สักวันหนึ่ง มึงจะขอบคุณกู!” “ขอบคุณเหี้ยไรของมึง มึงปล่อยพิมเดี๋ยวนี้ พิมเจ็บ!” “ถ้าพี่รันไปหามัน! เราได้เห็นดีกันแน่! รินจะบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าเมื่อคืนมันหนีตามพี่! พี่กับมันมีอะไรกัน! พี่อยากให้ผู้ใหญ่บังคับพี่แต่งงานกับมันเหรอ! พี่รันกำลังจะไปเรียนต่อ ทำไมไม่นึกถึงอนาคตตัวเอง! จะไปจมปลักอยู่กับคนรับใช้อย่างมันทำไม! รินให้พี่เลือก! เลือกมาตรงนี้เลย! ว่าจะอยู่กับมัน หรือจะเข้าไปข้างในกับริน! ถ้าพี่ไปกับริน รินสัญญาว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่พี่ก็ต้องสัญญาเหมือนกัน ว่าจะไม่กลับไปหามัน!” “เข้าไปข้างในกับน้องรินเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นอนาคตมึงจบแน่! อย่าว่ากูไม่เตือน กูจะบอกพ่อกู ว่าเมื่อคืนมึงกับมันหนีตามกัน! มึงได้คบได้แต่งงานกับมันสมใจแน่! ผู้หญิงบนโลกมีเป็นล้านมึงไม่ตาต่ำไปหน่อยเหรอถึงจะเอานังพิม มันเป็นแค่คนรับใช้ ไม่มีอะไรสักอย่างเหมาะสมกับคนฐานะอย่างมึง กูจะรอสมน้ำหน้าในวันที่นังพิมมันท้องลูกมึง!” “พี่รัน... อย่าไปฟัง ฮือ... พิมไม่มีวันทำลายอนาคตพี่” “มึงทำลายอนาคตพี่กูตั้งแต่มาอ่อยพี่กูให้เอากับมึง อีคนใช้!” “หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้รัน! ไปซะ! แล้วไม่ต้องกลับคืนมา!” “พิม...” ศรันย์ที่ถูกเพื่อนและน้องสาวขู่ไม่กล้าเข้าใกล้แม้ว่าหญิงคนรักจะขอความช่วยเหลือ หล่อนเจ็บจากการถูกราเมศวร์กระชากเส้นผม เจ็บท้องจากการถูกน้องสาวเขากระโดดเตะ และเสียใจที่เขาแค่ยืนมองเฉยๆ ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหมือนเมื่อก่อน เขาในวันนั้นกลัว และเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะกล้าคิดกล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง หันหลังให้หญิงคนรักไปตามแรงลากจูงน้องสาว แม้รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนอาจจะถูกราเมศวร์ทำร้าย สัปดาห์ให้หลังบินไปเมืองนอก โล่งใจแทบแย่ที่หล่อนไม่ตามมารั้งถึงสนามบินตามบทละครน้ำเน่า วางตัวสูงส่งทระนงตนสมบูรณ์แบบจะคบผู้หญิงคนไหนในโลกก็ได้ หรือเรียนจบกลับมาค่อยกลับไปหาพิยดาอย่างไรหล่อนก็ใจอ่อนกลับมาคบกัน แต่ความคิดเขาผิดไปไกลมาก วันแรกที่กลับเมืองไทยหลังจากเขาเรียนจบปริญญาโทและไปทำงานที่ฮ่องกงรวมแล้วเกือบห้าปี เขาไปหาพิยดา ไปยืนตรงหน้า หล่อนกลับเดินผ่านราวกับไม่รู้จัก และไม่มีเขาอยู่ตรงนี้ ครั้งแรกในชีวิต ที่เขาตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วเนื้อในเขาว่างเปล่า ไม่ได้หุ้มด้วยทองคำดึงดูดความสนใจจากผู้หญิงทุกคนบนโลก พิยดาไม่ได้มองเปลือกนอกในสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นๆ มักจะมองเป็นสิ่งแรก หล่อนรักเขาสุดชีวิต สุดหัวใจ ด้วยเหตุผลลึกซึ้งที่แม้แต่ตัวเขาก็ไม่เข้าใจ แต่โชคร้าย ที่เขามาเข้าใจความคิดหล่อนในวันที่สายเกินไป “คุณรันไม่ควรร้องไห้ให้ใครเห็น ยกเว้นผมคนเดียว ถ้าอยากให้ผมพาลงไปข้างล่าง ให้คุณรีบเช็ดน้ำตา แล้วทำตัวให้แข็งแรง” “ขอบใจมากนะเอ็ม ขอบใจมากจริงๆ” เขาข่มอารมณ์ไม่ไหว ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายจนน้ำมูกไหลให้คนอื่นเห็นมาก่อน ยกเว้นวันนี้ น่าอายไปสักหน่อย แต่ถ้าพิยดาย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วตามหาหล่อนไม่เจอ คิดภาพตามแล้ว เขาคงร้องไห้หนักกว่านี้เป็นแน่ อาจถึงขั้นไม่มีแรงใช้ชีวิต เพราะฉะนั้น ศรันย์ไม่อาย เขาเร่งอรรถพลเข็นวีลแชร์ให้เร็วขึ้น “เธอหายไปไหน ล่าสุดผมเห็นเธอกับแม่นั่งอยู่แถวนี้” “ฉันจะตามหาพิมให้เจอ” ศรันย์ฝืนสังขารพยุงร่างกายอ่อนล้าออกจากวีลแชร์โซซัดโซเซไปค้ำกำแพง ปัดมืออรรถพลและพยาบาลที่วิ่งเข้ามาจับทิ้งทั้งหมด ระหว่างทางมีญาติผู้มารับบริการนั่งพักเป็นระยะเขาเดินขาอ่อนเข้าไปแตะไหล่ แต่คนที่เงยหน้ามองไม่มีใครใช่พิยดาสักคน เสียงหลายต่อหลายคนเรียกชื่อจากด้านหลังไม่สามารถผ่านเข้าโสตประสาท ดวงตาศรันย์พร่ามัวมองไม่เห็นทางเดิน และไม่ได้ยินเสียงพยาบาลจำนวนมากตามมาขอร้องให้หยุดเดิน บางคนถึงขั้นเข้ามาจับแขน ศรันย์ไม่อยากกลับ ปัดทิ้งอีกครั้ง ได้ยินแค่เพียงเสียงหัวใจร่ำร้องหาพิยดา ขอบตาร้อนผ่าว แค่คิดว่าตามหาหล่อนไม่เจอก็เศร้าจนอยากร้องไห้ ภาพลักษณ์ภายนอกทุกคนมองเขาสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ อยากจะเป็นเหมือนเขา แต่ใครจะรู้ เขาไม่ได้สมบูรณ์ ภายในตัวมีจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งขาดหายไป หล่อนคือคนสำคัญเทียบเท่าคุณค่าและความสุขทั้งชีวิตของเขา เงินทองของนอกกายมีมากไปก็เท่านั้น ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขยืนยาว ความรักจากผู้หญิงที่เขารักต่างหาก คือสิ่งที่หัวใจเขาต้องการมากที่สุด ความเหนื่อยอ่อนจากพิษไข้ส่งผลให้ทรงตัวยืนไม่ไหว เข้าไปพิงเสาต้นหนึ่งบริเวณทางเดินเล็กเชื่อมออกไปนอกอาคาร ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะได้สบประสานสายตาคู่งดงามระยะใกล้ “พิม...” “พี่รัน...” ประสานเสียงเรียกชื่อกันและกันอย่างไม่คาดฝันว่าจะได้เจอ พิยดาไม่ได้หายไปไหนหล่อนพาแม่ย้ายออกมานั่งด้านนอก มีแค่เสาใหญ่ต้นหนึ่งเท่านั้นที่บดบังหล่อนพ้นจากสายตาเขา ตอนนี้หล่อนกำลังสบสายตาเขาเช่นเดียวกับที่เขาสบสายตาหล่อน โดยมีร่างกายเล็กผอมของแม่พัดชาขยับมาชิดลูกสาว เสียงเพรียกหัวใจเรียกร้องหาหญิงสาวคนที่เป็นมากกว่าเจ้าของหัวใจ ฝืนสังขารไม่กลับไปตามแรงดึงจากกลุ่มพยาบาล ยื่นปลายนิ้วออกไปสุดแขนหวังให้หญิงสาวสัมผัส ทว่าพริบตาเดียวมือข้างนั้นอ่อนแรง เข่าสองข้างอ่อนลง หน้ามืด ทิ้งดิ่งศีรษะลงสู่พื้นหมดสติต่อหน้าหญิงคนรัก “จะรีบไปตายทางไหนของมัน ถึงขับรถเร็วขนาดนี้ จะชนคนตายเข้าสักวันไอ้พวกเวรตะไล!” แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งเคาะตะหลิวบนขอบกระทะ บ่นชายฉกรรจ์สองคนสวมเครื่องแต่งกายรัดกุมคล้ายคนตามทวงหนี้ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์วนรถบนถนนเส้นหน้าโรงพยาบาลหลายรอบ “ข้าวผัดสองกล่องได้แล้วหนู หนึ่งร้อยบาทจ้ะ” บ่นเสร็จ แม่ค้าร้องบอกน้องผู้หญิงหน้าตาดีที่พาแม่เข้ามาสั่งอาหารในร้านริมทาง “หนึ่งร้อยเลยเหรอคะ หนูนึกว่ากล่องละสี่สิบบาท” เรียวปากสีหวานขยับช้า ตกใจราคาอาหารตามสั่งในปัจจุบันที่เพิ่มสูง “ปกติป้าก็ขายราคากล่องละสี่สิบบาทนั่นแหละจ้ะ แต่วันนี้ป้าปรับราคาอาหารเกี่ยวกับเนื้อหมูขึ้นสิบบาททุกเมนู เขียนป้ายไว้ตรงนี้ หนูไม่ได้อ่านเหรอ เนื้อหมูกิโลละตั้งสองร้อย แก๊สหุงต้มถังเกือบสี่ร้อย ยังไม่รวมน้ำมันพืชอีกนะ ราคาขึ้นไปขวดละเจ็ดสิบกว่าบาท ป้ากัดฟันขายราคาเดิมมาหลายวัน แบกต้นทุนไม่ไหวเพิ่งจะมาปรับราคาวันนี้” “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้อ่านกระดาษที่ป้าเขียนไว้” “ขอบใจจ้ะ วันหลังมาอุดหนุนป้าใหม่นะ หนูเดินไปไหนมาไหนบนถนนเส้นนี้ก็ระวังหน่อย ช่วงนี้มีพวกมอเตอร์ไซค์ทวงหนี้ออกอาละวาด ไม่รู้ใครชักหน้าไม่ถึงหลังหน้ามืดไปยืมเงินคนพวกนี้ พวกมันคิดดอกเบี้ยกับเราตั้งร้อยละยี่สิบสามสิบเชียวนะ ใครจะจ่ายไหว ถ้าติดหนี้พวกมันแต่ไม่ยอมจ่าย พวกมันข่มขู่เอาถึงตายเลย ป้าได้ยินกับหูได้เห็นกับตา แค่คิดก็สยองแล้ว” “ค่ะ หนูจะระวัง” พิยดารับถุงอาหาร พยุงแม่ขึ้นจากเก้าอี้พลาสติกพาเดินผ่านกำแพงสูงใหญ่เข้าไปข้างในโรงพยาบาลเอกชน เหนื่อยล้ากับชีวิต ค่ารถแท็กซี่ไปกลับโรงพยาบาลรับส่งดูบ้านเช่ารวมค่าอาหารหมดไปเกือบหนึ่งพัน ใช้เงินวันละเท่านี้คงหมดตัวเข้าสักวัน แสงแดดยามบ่ายร้อนอบอ้าวแผดเผาผิวพรรณขาวนวลนอกร่มผ้าจนเกิดอาการแสบคัน ออกตระเวนหาบ้านเช่าเช้าจรดบ่ายข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้อง สั่งข้าวมาสองกล่องตั้งใจจะพาแม่ไปหาที่เงียบๆ นั่งกินด้วยกันสองคน แม่พัดชาเดินตามไม่อิดออด ลูกสาวจูงมือพาเดินไปไหนก็ไปด้วย จับมือจับปลายเสื้อลูกสาวเก้กังไม่ต่างจากเด็กเวลาออกไปข้างนอกกับผู้ใหญ่ สีหน้าแม่อ่อนล้ามาก สองขาไม่แข็งแรงบิดงอสั่นพั่บๆ ไม่มีแรง รู้ว่าแม่เหนื่อยมากและตื่นกลัวโลกภายนอก แต่อีกแค่อึดใจเดียวจะได้นั่งพักยาวๆ จึงบังคับให้เดิน ใจจริงไม่ได้อยากพาแม่ออกไปเดินเตร็ดเตร่เพราะแม่เดินนานไม่ได้ แต่จะให้ปล่อยไว้โรงพยาบาลหรือไว้บ้านตามลำพัง พิยดาอดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ สองแม่ลูกตากแดดตากลมลัดผ่านถนนคอนกรีตเข้ามาใกล้ตัวอาคารมากขึ้น แต่ไม่ทันสังเกตว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นมาจากด้านหลัง คนขับเพิ่มแรงบิดมาปาดหน้าสองแม่ลูกและกำเบรกกะทันหันเพื่อให้คนซ้อนท้ายกระโดดลงจากรถ แก๊งมอเตอร์ไซค์ทวงหนี้ที่ป้าร้านอาหารตามสั่งเพิ่งจะพูดถึง ตรงเข้ามากระชากท่อนแขนพิยดาเต็มแรง ร่างบอบบางปลิวไปตามแรงกระชาก ข้าวกล่องในมือตกเกลื่อนบนพื้น “หนี้ห้าล้านที่ติดเสี่ย เมื่อไหร่จะจ่าย!” คนทวงหนี้ตะโกนเสียงน่ากลัว ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อกสีทึบคาดว่าน่าจะน่ากลัวตามเสียง “จำคนผิดแล้วค่ะ ฉันไม่เคยยืมเงินใคร” ตั้งท่าเตรียมจะพาแม่ที่หวาดกลัวคนแปลกหน้าเข้าไปในอาคาร ทว่ามือของเขาจับบนท่อนแขนหล่อนไว้ “ปล่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกคนมาช่วย!” “ไม่ผิดคนหรอก! ถ้าเธอคือพิยดา อัศวเมฆินทร์! ไอ้เมศ พี่ชายเธอมันติดหนี้พนันเสี่ย มันให้พวกฉันมาทวงกับเธอ!” หยิบรูปมาเทียบใบหน้า พิยดาตกใจเมื่อรูปใบนั้นคือรูปของตนเอง “ฉันไม่ใช่คนติดหนี้! จะมาทวงเงินฉันได้ยังไง! ปล่อยนะ!” “อย่ามาตุกติก! ฉันมารอเธอตั้งแต่เช้าจนชักจะอารมณ์เสีย เอาเงินมาซะดีๆ อย่าให้ต้องทำร้าย! ส่งกระเป๋าของเธอมา!” ชายฉกรรจ์ดึงกระชากท่อนแขนหญิงสาวและยื้อแย่งกระเป๋าจนเกิดการต่อสู้ ดึงความสนใจจากคนรอบข้างให้หันมามองและมีบางคนพุ่งตัววิ่งเข้ามาทางนี้ “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! เรียกตำรวจมาจับพวกมันให้ที!” “ถ้านังนี่ไม่ยอมส่งเงินให้ ก็พาตัวมันไปหาเสี่ย เร็ว! ชักช้าเดี๋ยวซวย!” สมาชิกในแก๊งทวงหนี้เห็นท่าไม่ดีตะโกนบอกเพื่อนร่วมอาชีพ “นังบ้าเอ๊ย อยากตายนักหรือไง ปล่อยมือสักทีสิโว้ย!” พลเมืองดีกรูเข้ามา ในนั้นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย ท่าทางจะไม่ดี ชายคนขับลงมาแย่งกระเป๋าช่วยเพื่อนและผลักลูกหนี้ล้มลง แย่งกระเป๋ามาครองได้สำเร็จชายคนนั้นขึ้นซ้อนท้ายเตรียมหนี “จับตัวสองคนนั้นไว้ มันทำร้ายผู้หญิงแล้วขโมยกระเป๋า!” พลเมืองดีวิ่งตาม แต่รถมอเตอร์ไซค์มีแรงบิดมากเกินไปไม่มีใครตามทัน ยกเว้นรถยนต์คันข้างหลังบีบแตรแรงไล่คนออกจากถนน เพิ่มความเร็วตามไปเบียดมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ล้มลง ชายทั้งสองถูกรถล้มทับไปด้วยต่างพากันร้องโอดครวญ เจ้าของรถยนต์เปิดประตูลงมาระยะประชิด สองหนุ่มนักทวงหนี้เห็นท่าไม่ดีทิ้งกระเป๋า ช่วยกันยกมอเตอร์ไซค์ขึ้น ซ้อนท้ายกันขับหนีออกไป พิยดาหวาดกลัวคนทวงหนี้จนตัวสั่นกอดกับแม่อยู่ที่เดิม จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งยื่นกระเป๋าใบที่ถูกขโมยมาคืน “ขอบคุณค่ะ” พิยดาน้ำตาร่วง คาดไม่ถึงว่าจะได้รับสมบัติชิ้นสุดท้ายในชีวิตกลับคืนมาอย่างปลอดภัย หากพวกมันเอาไปหล่อนคงไม่มีแม้กระทั่งเงินจะซื้อข้าวให้แม่กิน เลื่อนสายตาขึ้นมองพลเมืองดีพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ ก่อนลมหายใจหญิงสาวจะสะดุดเป็นห้วงๆ เมื่อได้สบสายตากับคุณเขมราช อดีตเพื่อนรักของคุณไกรสร “คุณเขม...” มือพิยดาสั่น รับกระเป๋ามาคล้องสะพายบนไหล่ ดวงตาบวมแดงเสมองผ่านไปทางรถคันสวยของท่าน ที่มีรอยขูดขีดปะทะกับมอเตอร์ไซค์ทางยาวเพื่อช่วยหล่อนจับโจร “น้องพิมเจ็บตรงไหนไหม” “ไม่... ไม่ค่ะ” “คนพวกนั้นเป็นใครน้องพิมรู้หรือเปล่า” “ไม่ทราบค่ะ จู่ๆ พวกเขาก็เข้ามากระชากกระเป๋า” “โจรบ้า ในเขตโรงพยาบาลมันยังกล้าทำถึงขนาดนี้ ในที่ลับตาคนจะกล้าทำขนาดไหน แม่น้องพิมเดินช้า น้องพิมจะไปไหนต้องระวังตัวให้มากนะจ๊ะ ทางที่ดีให้สมศักดิ์มาเฝ้าไกรสรดีกว่า ส่วนน้องพิมก็พาแม่กลับไปรอที่บ้านเถอะนะ” “ลุงพาป้ากับยายกลับต่างจังหวัดไปแล้วค่ะ เหลือแค่พิม แม่ กับท่านแค่สามคน ขอบพระคุณคุณเขมอีกครั้งนะคะ ที่ช่วยเหลือพิม พิมขอตัวก่อนค่ะ” นัยน์ตาคู่งดงามสะท้อนความเศร้า มีน้ำตาเคล้าคลอ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคุณเขมราชตรงๆ เก็บกล่องอาหารตามสั่งที่เกลื่อนบนพื้นไปด้วย โอบไหล่แม่เดินเซื่องซึมผ่านกลุ่มคนเข้าไปในอาคาร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD