ท้องถนนแน่นขนัดไปด้วยเครื่องยนต์หลายชนิด ฝูงชนเดินขวักไขว่ริมสองข้างทาง ต่างคนต่างมุ่งตรงไปยังจุดหมายใช้ชีวิตเร่งรีบในเมืองหลวง ไม่ใช่ทุกคนจะได้หยุดพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ต้องมาทำงานตามปกติ เช่นเดียวกับศรันย์ ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากประเทศอังกฤษกลางดึกที่ผ่านมา รุ่งเช้าต้องอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมออกมาทำงาน เขาเคยชินกับชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่ไม่มีวันหยุดไม่มีวันว่าง ตาคมเสมองออกกระจกด้านข้าง เพ่งพิศดวงหน้าทุกคนบนทางเท้าเผื่อจะเจอคนที่หัวใจปรารถนา
“เดือนหน้าคุณรันจะให้ผมเคลียร์ตารางงานช่วงไหนดีครับ”
“ยังไม่แน่ใจ ก่อนกลับไทย ฉันบังเอิญเจอพิมในสนามบิน”
ดวงตาสลดวูบ เจ็บปวดทุกครั้งเมื่อนึกถึงแววตาโศกเศร้า เขาอยากถนอมหัวใจของหล่อนให้มีแค่ความสุข แต่ช่วงหลายปีมานี้เป็นเขาที่ทำให้หล่อนมีทุกข์ ในกระจกสะท้อนวงหน้าเศร้าของชายวัยสามสิบสาม อายุประมาณนี้เพื่อนรุ่นเดียวกันแต่งงานมีลูกหลายคน แต่เขายังโสด รอคอยผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นรักแรกและรักเดียวมาจนถึงปัจจุบัน
“เธอเดินทางกลับไทยเหมือนกันเหรอครับ”
“ไม่รู้ เราบังเอิญเจอกันในดิวตี้ฟรีที่ลอนดอน แต่พอพิมเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงคนอื่น วิ่งหนีฉันไปเลย ฉันวิ่งตาม แต่ก็พลัดหลงกันจนได้ พอลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ฉันไปรอเจอพิมที่บ้าน ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ”
“ผมเชื่อว่าปลายทางของเธอคือประเทศไทย แต่จะไฟล์ทไหนนั้นผมไม่ทราบ เธอเป็นเด็กกตัญญู เธอทิ้งแม่ทิ้งยายไม่ลงหรอก”
“ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันไม่อยากคลาดกับพิมอีกแล้ว”
รถยนต์เคลื่อนไปตามสัญญาณไฟจราจร ฝืนอ่านงานไม่ไหว ปรับเบาะเอนนอนพักสายตา ผิวพรรณบริเวณหน้าผากกับลำคอร้อนผิดปกติ สำทับด้วยการไอ เขาค้นหามาส์กมาสวม ครู่สั้นๆ พวกเขาเดินทางมาถึงสตูดิโอ ไลน์ผลิตภัณฑ์ในบริษัทอารานีแตกแขนงแยกออกเป็นหลายรายการ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาหารเสริม ทุกภาคส่วนมีหัวหน้างานดูแล และขึ้นตรงกับคุณนฤมล ช่วงหลังมีศรันย์เข้ามาแบ่งเบาภาระ เขาเป็นห่วงสุขภาพมารดา ท่านแก่แล้ว อยากให้พักผ่อนมากกว่าประสาทเสียกับการทำงานในวงการแฟชั่นซึ่งกระแสเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว ยังไม่รวมพนักงานบางคนที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ ทุกกระบวนการต้องผ่านการอนุมัติจากเขาโดยตรง ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องถ่ายใหม่ทั้งหมด เขาจู้จี้จุกจิกจนได้รับฉายามิสเตอร์เพอร์เฟกต์ต์ อย่างตอนนี้ช่างภาพก็มองทีมงานตาปริบ เมื่อได้รับคำสั่งให้เรียกนางแบบมาลบเครื่องสำอาง แต่งหน้า และถ่ายแบบใหม่
“ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ทางเราได้คิวนางแบบแค่ช่วงเช้า ให้ลบหน้าแต่งใหม่ถ่ายใหม่เกรงว่าอาจจะต้องรอถ่ายวันหลังค่ะ”
“คุณกำลังจะบอกให้ผมหลับหูหลับตาปล่อยงานชิ้นนี้ออกไปอย่างนั้นเหรอ! ไม่มีใครสะกิดบอกคุณว่าช่างแต่งหน้าแต่งให้นางแบบได้แย่มากเหรอ อายแชโดว์มากองอะไรอยู่ตรงนี้ มาสคาร่าก็จับกันเป็นก้อน ลิปสติกก็เกลี่ยไม่สวย ถ้ารูปพวกนี้หลุดออกไปกระแสตีกลับว่าแบรนด์เครื่องสำอางห่วย คุณจะว่ายังไง! ผมไม่สนใจว่าคุณจะขอคิวนางแบบได้หรือเปล่า แต่งานต้องเสร็จภายในวันนี้ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็ลาออกไป!”
“ไม่ใช่แค่คิวนางแบบ แต่... ช่างแต่งหน้าก็ต้องหาใหม่”
“แล้วคุณหาไม่ได้เหรอครับ” ถามกลับจริงจังแค่คำเดียว ทุกสรรพเสียงในสตูดิโอเงียบงัน ราวกับว่าไม่มีมนุษย์ในห้องนี้
“ดะ... ได้ค่ะ ได้ ดิฉันจะจัดการทุกอย่างให้คุณรันพอใจ”
“ไม่ใช่แค่ผมพอใจ แต่คุณก็ต้องพอใจด้วย! ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย! ผมให้เวลาคุณแก้ปัญหาครึ่งชั่วโมง ผมกลับมาเมื่อไหร่ทีมงานทุกคนต้องพร้อมถ่ายแบบเซตใหม่!”
“ครึ่งชั่วโมงเหรอคะ เกรงว่า... จะไม่ทัน”
“งานมีปัญหาเหรอคะ ถึงได้หน้าตาเคร่งเครียดกันทุกคน” วีวี่ช้อนดวงตากลมโตขึ้นอ่อยลูกชายเจ้าของบริษัทที่หล่อเร้าใจ
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณวีวี่ดูรูปหรือยัง ผมจะเลื่อนให้ดู”
“ได้ค่ะ” นางแบบว่าง่าย ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ชี้นิ้วบอกจุดบกพร่องของแต่ละรูป “คุณรันอยากให้วีวี่ลบหน้าถ่ายใหม่ใช่ไหม”
“ใช่ครับ คุณวีวี่พอจะเคลียร์เวลาให้ผมได้หรือเปล่า”
“น่าจะได้อยู่นะคะ วีวี่มีเดินแบบช่วงเย็น ใช่ไหมคะพี่จี้” มีลูกอ้อนอยู่ในน้ำเสียงและสายตา ให้ผู้จัดการที่ตัวเองรักมากเข้าใจความหมายว่าอยากได้คนนี้ จีจี้หนักใจแต่ก็ยอมหลับหูหลับตาเออออ “ถ้าพี่จี้โอเค วีวี่ก็โอเค ให้ทีมงานมาลบหน้าได้เลย”
“ขอบคุณคุณวีวี่กับคุณจีจี้มากนะครับ ที่ไม่ถือสาความเอาแต่ใจของผม ผมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้กับพวกคุณเพิ่มอีกสองเท่า”
“ค่าเสียเวลาไม่ต้องหรอกค่ะ เราถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน นางแบบอย่างวีวี่ก็ต้องพึ่งพาอาศัยบริษัทแฟชั่น ให้งาน ให้โอกาส”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ ทำงานในส่วนของคุณต่อได้”
“ไม่อยู่ดูวีวี่ถ่ายแบบเหรอคะ จะได้ช่วยติชม”
สาวสวยลืมตัวเดินตามนักธุรกิจหนุ่มหลายก้าว ก่อนที่ผู้จัดการจะตามมาคว้าท่อนแขน ส่งสายตาเล็กๆ มาให้ กิริยาตามผู้ชายเป็นเงาดูไม่น่ารักและไม่แพง
“ผมต้องไปดูทีมงานอีกชุดถ่ายแบบบนชั้นสองครับ แต่จะกลับมาดูคุณวีวี่ถ่ายแบบแน่นอน เร็วเข้าสิ อย่าชักช้า” ส่งสัญญาณให้พนักงานเข้ามาสานต่อ แยกออกมาพร้อมอรรถพล
“คุณรัน ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ” เร่งมือสาวราวบันได ความสูงเขากับศรันย์ใกล้เคียงกัน แต่อีกฝ่ายกำลังโกรธจึงเดินเร็วผิดปกติ
“พวกเราเป็นบริษัทแฟชั่นและความงามระดับเอเชีย แต่ทำงานออกมาได้ไร้มาตฐาน เกรดต่ำมากกว่าตลาดแผงลอย! ซีอีโอคนใหม่เข้ามาไม่ถูกไล่ออกยกทีมเหรอ หงุดหงิดชะมัดเลย”
สบถเสียงเข้ม หน้าเครียด ยกขาลัดบันไดสองขั้นเพื่อเร่งจังหวะให้ถึงชั้นสองเร็วๆ ความโกรธผสมรวมความรีบส่งผลเสียต่อสุขภาพ เขาหน้ามืดกะทันหันกระตุกมือจับราวบันได พยุงน้ำหนักตัวเองไม่ไหวทรุดล้มหัวเข่ากระแทกขั้นบันไดโครมใหญ่ อรรถพลตามมาจากด้านหลังเข้ามาพยุงพร้อมกับถามไถ่อาการ เขาอยากตอบกลับไปเหลือเกินว่าไม่เป็นไร แต่ไม่สามารถเปล่งถ้อยคำใดออกจากริมฝีปากได้เพราะสติได้เลือนดับไป
“หลายเดือนมานี้ คุณท่านป่วยหนักเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมาก เข้ามาแต่ละครั้งหมอให้นอนดูอาการไม่ต่ำกว่าสี่คืนห้าคืน ดีหน่อยที่ค่ารักษาเบิกกับประกันได้ แต่ค่าเดินทางนี่สิ ไปกลับหมดวันละหลายร้อย ป้าถึงได้ไม่พอใจ ไม่อยากให้ลุงดูแลท่าน เร่งทุกวันทุกคืนอยากให้พวกเรากลับบ้าน ที่ทะเลาะกัน ก็ทะเลาะเรื่องป้าเรียกรถมาขนของโดยไม่บอกลุง”
“คุณเดือนไม่ได้ส่งเงินค่าจ้างมาให้ลุงกับป้าเหรอคะ”
ร่างกายบอบบางสั่นเทิ้มบนเก้าอี้แถวยาวในโรงพยาบาลเอกชน ที่คุณไกรสรเข้ารับการรักษาประจำ เนื่องจากท่านป่วยเป็นโรคหัวใจมานาน
อาจารย์หมอบารมี แพทย์เฉพาะทางที่ทำการรักษาท่านมานานกว่าสิบปีเข้ามารับช่วงดูแลด้วยตัวเอง พิยดานั่งรอผลการรักษากับลุงสมศักดิ์ สองคนช่วยกันอุ้มชายพิการขึ้นแท็กซี่มาโรงพยาบาล ทุลักทุเลจนน่าอนาถใจ หากไม่มีมือหยาบกร้านของลุงคอยลูบไหล่ปลอบโยนพิยดาอาจเป็นลมไปแล้ว
“คุณเดือนไม่ได้ส่งเงินค่าจ้างมาให้ลุงกับป้าหลายเดือนแล้ว ยกเว้นเดือนไหนมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคุณท่านที่จ่ายไม่ไหว ลุงถึงจะบากหน้าโทรหาเธอ”
“ลุงน่าจะบอกคุณเดือนให้เธอรู้ ถ้าไม่มีลุงกับป้าคอยดูใกล้ชิด คนพิการอยู่บ้านคนเดียวจะเป็นตายร้ายดียังไง”
“ลุงไม่กล้า กลัวบอกไปได้รับคำตอบอีกอย่าง ป้าอาจจะโกรธพาลพาลุงกับยายย้ายออกเร็วขึ้น ลุงอยากรอให้ใครสักคนกลับมาก่อน แต่จนป่านนี้ ไม่มีกลับมาสักคน พวกเขาไม่เป็นห่วงพ่อตัวเองบ้างหรือไง”
“ห่วงสิคะ เพราะห่วงมาก ...ถึงรีบกลับมา” หญิงสาวร่ำไห้ กัดปากตัวเองจนช้ำเลือดเพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวด
“ฮึก... ลุงไม่ต้องเป็นห่วงท่านอีกแล้วนะคะ พิมจะหาบ้านเช่าสักหลังแล้วรับท่านไปอยู่ด้วยกัน พิมเป็นต้นเหตุทำให้ท่านเดินไม่ได้ ดังนั้นก็ควรเป็นพิมที่ต้องชดใช้ความผิด”
“ไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความเป็นพ่อเหรอ”
คำพูดสั้นๆ ชอร์ตเข้าถึงหัวใจคนฟัง หลานสาวนอกสายเลือดช้อนสายตาชุ่มน้ำขึ้นมาแต่พริบตาเดียวหล่อนก้มลงมองพื้นตามเดิม
“ไม่เป็นไร ลุงรู้นานแล้ว”
พิยดายกมือปิดหน้าซ่อนรอยน้ำตา นั่งหมดอาลัยตายอยากรอนานหนึ่งชั่วโมงกว่าอาจารย์หมอบารมีจะออกมาแจ้งข่าวการรักษา รอยยิ้มหวานละมุนจุดขึ้นมาบนใบหน้างาม
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ ขอบคุณมาก ฮึก... ที่รักษาท่าน”
“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว ไม่ทราบว่าทายาทของคุณไกรสรมาด้วยหรือเปล่าครับ หมอมีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย”
“ไม่ครับ ลูกทั้งสองคนของท่านไม่ได้มาด้วย”
“ญาติร่วมสายเลือดล่ะครับ” คำตอบจากชายตรงหน้ายังคงเหมือนเดิม นายแพทย์บารมีกวาดสายตามองคนงานในบ้านก่อนเลื่อนสายตามาหยุดที่หญิงสาว คุ้นเคยว่าหญิงสาวผู้นี้ใช้นามสกุลเดียวกับคุณไกรสร
“ขอทราบความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนไข้ได้ไหมครับ”
“ดิฉันเป็นลูกบุญธรรมที่ท่านอุปการะรับเลี้ยงค่ะ”
“คุณก็ได้ครับ หมอขอเวลาคุยส่วนตัวไม่นาน เชิญด้านนี้” ผายมือเชิญหญิงสาวกิริยานุ่มนวล เร่งรีบเดินนำไปยังห้องพักแพทย์
“อาการของท่านค่อนข้างวิกฤต และน่าห่วงมากๆ ท่านจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่หัวใจจะล้มเหลวอีกครั้ง ญาติจำเป็นต้องพิจารณาการเปลี่ยนมาใช้หัวใจเทียม เครื่องนี้ทำหน้าที่เหมือนหัวใจแท้ ส่งเลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะในร่างกาย หลังการรักษาประสบความสำเร็จท่านจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ หมอเคยแนะนำวิธีนี้กับท่านและลูกสาวท่านเมื่อนานมาก แต่ไม่มีใครตอบรับการรักษาจนอาการท่านทรุดหนักมากขึ้น ถ้าหากญาติปฏิเสธไม่รักษา หมอเกรงว่าท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”
“สุขภาพท่านจะรับการผ่าตัดใหญ่ได้เหรอคะคุณหมอ”
“ถ้าญาติเลือกทำการรักษาวิธีนี้ จะมีทีมแพทย์ดูแลท่านใกล้ชิดและประเมินอาการจนกว่าร่างกายจะพร้อมก็สามารถเริ่มผ่าตัดได้ ยังพอมีเวลาอีกนิดให้ญาติตัดสินใจ หากพร้อม ญาติแจ้งหมอได้ทุกเวลาครับ”
“ค่ารักษาทั้งหมดเท่าไหร่เหรอคะ”
“ค่าใช้จ่ายหลักๆ เลยจะมีค่าเครื่องหัวใจเทียม ค่าห้องไอซียูหลังการผ่าตัด และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะประมาณสิบล้านบาทครับ”
“สิบล้าน...” กลั้นน้ำตาไม่ไหว มันเอ่อล้นและกลิ้งลงมาต่อหน้านายแพทย์ เงินมากมายขนาดนั้นหล่อนจะหาจากไหนมาจ่าย
“ทำไมมากนักล่ะคะ มีทางเลือกอื่นหรือเปล่า”
“หมอขอแสดงความเสียใจ ที่ต้องตอบไม่ว่าไม่มีทางเลือกอื่นครับ คุณไกรสรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนี้นานเกือบสิบปี หมอทุกคนที่นี่ได้ทำการรักษาท่านมาหมดทุกวิธีและหมดทุกความสามารถ แต่อาการโดยรวมท่านไม่ได้ดีขึ้น เหลือแค่การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเทียม”
“ดิฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกค่ะคุณหมอ ถ้าหากรักษาไปตามอาการท่านจะอยู่ได้นานแค่ไหนเหรอคะ”
“อาการป่วยของท่านทรุดลงเร็วมาก หมอเกรงว่า...”
สงสารหญิงสาวเกินกว่าจะพูดประโยคที่ทำให้หล่อนเสียใจ เปลี่ยนบรรยากาศไปเปิดวิดีโอแนะนำการผ่าตัดหัวใจเทียมให้หญิงสาวดูพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น หญิงสาวให้ความสนใจ มีคำถามหลายอย่างที่น่าสนใจ แต่ติดตรงเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเดียว ทำให้หล่อนไม่สามารถตอบรับการรักษาทันทีได้
“หมอดูแลโครงการผู้ป่วยโรคหัวใจหลายแห่ง เอาเป็นว่าหากญาติสนใจวิธีการรักษานี้และทุนทรัพย์ไม่พอ หมอจะขอเงินสนับสนุนจากโครงการ แต่ขอออกตัวว่าเงินไม่มาก แค่พอจ่ายค่าดูแลหลังผ่าตัดเท่านั้น ส่วนเงินค่าผ่าตัดและค่าเครื่องหัวใจเทียม ส่วนนั้นญาติต้องดูแลเอง”
“ดิฉันตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ ขอเวลาให้ดิฉันปรึกษาคุณดุจเดือน ลูกสาวท่านก่อนนะคะ แล้วดิฉันจะมาให้คำตอบกับคุณหมอ”
“ได้ครับ นามบัตรหมอ โทรสอบถามได้ตลอดเวลาครับ”
อุทิศตัวทำงานเพื่อคนป่วยโรคหัวใจมาครึ่งค่อนชีวิต ช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้มาก็เยอะแต่ไม่เคยสงสารใครเท่านี้มาก่อน อาจเพราะคุณไกรสรเคยรวย แต่ช่วงบั้นปลายชีวิตกลับหล่นลงมาอยู่รวมกับกลุ่มคนยากไร้ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน นายแพทย์สูงวัยไม่คาดหวังว่าเด็กสาวจะตอบรับการรักษาด้วยวิธีแพงลิบ เพราะแม้แต่ลูกสาวตัวจริงที่เคยเป็นดาราอย่างดุจเดือนรับฟังไปแล้วกลับเมินเฉยมานานนับปี แต่ด้วยหัวใจเปี่ยมคุณธรรม ท่านเลือกที่จะส่งเรื่องไปขอทุนสำรองเผื่อไว้
“ขออนุญาตค่ะ อาจารย์คุยธุระกับคนไข้อยู่หรือเปล่าคะ เพชรเห็นประตูเปิดทิ้งไว้เลยแวะมาดู” ผู้มาใหม่คือแพทย์หญิงน้ำเพชร แพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจลูกศิษย์คนเก่งของอาจารย์บารมี
“เข้ามาก่อนสิเพชร ตอนนี้อาจารย์ว่างไม่มีนัดคนไข้”
“ขอบคุณค่ะ กำลังอยากหาที่นั่งแก้เมื่อยพอดี” คุณหมอสาวพาร่างกายอรชรมานั่งเก้าอี้เล็กฝั่งตรงข้ามอาจารย์
“น้องชายเพชรทำวุ่นวายทั้งโรงพยาบาล กล่อมนานกว่าจะยอมนอนดูอาการ แต่ไม่วายสั่งเลขาฯ วิ่งแจ้นกลับไปเอางานมาทำ เพชรล่ะเพลีย”
“เห็นภาพสะท้อนตัวเองแล้วใช่ไหม วันที่ทุ่มเทให้การทำงาน ละเลยชีวิตส่วนตัว จนมีปัญหาทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องครอบครัว”
“ค่ะอาจารย์ เพชรถึงไม่อยากให้น้องชายบ้างานแบบเพชร แต่ก็ว่าไม่ได้ค่ะ ตารันโสด ยังไม่แต่งงาน ก็มีแค่พ่อแม่เขาที่เป็นห่วงลูกชายมาก เพชรโทรไปส่งข่าว พวกท่านตกใจบอกจะรีบมาให้เร็วที่สุด”
“อาจารย์มัวแต่ยุ่งๆ กับการรักษาคุณไกรสร ไม่มีเวลาแวะไปเยี่ยมน้องชายเพชร ขอให้หายไวๆ นะ อื้ม วันนี้ช่วงบ่ายอาจารย์ไม่ว่าง ติดธุระครอบครัว อยากวานเพชรให้ช่วยดูแลคุณไกรสรแทนสักวัน”
“ได้ค่ะ อาจารย์คุยแนวทางรักษากับญาติคนไข้หรือยังคะ”
“คุยแล้ว แต่อาจารย์คุยกับลูกสาวบุญธรรมของท่าน”
“ลูกสาวบุญธรรม ใครเหรอคะ”
“เธอชื่อพิยดา อาจารย์คุ้นหน้ามานานแต่ไม่เคยคุยกันสักที”
“อ๋อ เด็กคนนั้น เพชรรู้จักมานานแต่ไม่เคยคุยกัน”
เด็กรับใช้ประจำบ้านอัศวเมฆินทร์ ลูกสาวพัดชาหญิงพิการที่อาศัยใบบุญคุณไกรสรนาน และมีข่าวลือว่าหล่อนถูกโจรข่มขืนจนตั้งครรภ์ คลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักก็คือเด็กสาวคนนั้น
“ลูกสาวบุญธรรมนี่เอง มิน่า คุณไกรสรถึงทุ่มทุนส่งไปเรียนต่อเมืองนอก ทั้งที่สถานการณ์เงินไม่ดีไม่รวยแบบเมื่อก่อน แต่ก็ยังอุตส่าห์บากหน้าไปหยิบยืมเงินคนนั้นทีคนนี้ทีมาประเคนส่งเจ้าหล่อนเรียน เอ่อ... แล้วเด็กคนนั้นให้คำตอบว่ายังไงเหรอคะ ตกลงหรือปฏิเสธตามเคย” ปรับเปลี่ยนทีท่าจากแข็งกระด้างให้นุ่มนวลเนื่องจากถูกดุทางสายตา มารดาน้ำเพชรคุณนฤนาทเป็นพี่สาวแท้ๆ ของคุณนฤมล มารดาศรันย์ หล่อนมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของศรันย์ นับว่าเป็นเครือญาติใกล้ชิดตระกูลอรัญรัตนา น้ำเพชรจึงเกลียดชังตระกูลอัศวเมฆินทร์จากเหตุการณ์การเสียชีวิตของศิรินทร์เมื่อหลายปีก่อน ที่รักษาคุณไกรสรทุกวันนี้ ทำตามหน้าที่แพทย์ หากวัดกันด้วยเรื่องความเกลียดชังส่วนตัว น้ำเพชรไม่อยากรักษาชายแก่คนนั้น
“เธอบอกอาจารย์ว่าค่าใช้จ่ายสูงเกินไป อยากขอเวลาปรึกษาคนในบ้านก่อน อาจารย์ตั้งใจว่าจะช่วยดูเงินทุนจากโครงการต่างๆ”
“โครงการผู้ป่วยยากไร้ คุณไกรสรเนี่ยนะ?”
“คุณไกรสร ท่านไม่ได้รวยเหมือนเดิมแล้วนะเพชร”
“ไม่ได้รวยเหมือนเดิม ไม่เถียงค่ะ แต่ท่านไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นนั้น ลูกสาวท่านยังทำงานมีรายได้ไม่ใช่เหรอคะ หล่อนอยู่เมืองจีน เพชรไม่เห็นด้วยที่อาจารย์จะเบียดเบียนเงินจากโครงการ เก็บไว้ให้คนยากไร้จริงๆ ดีกว่า”
“อาจารย์รู้นะว่าเพชรไม่ชอบคนบ้านนั้น แต่อาจารย์อยากให้เพชรแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน เราเป็นหมอนะ อย่าตัดสินใจด้วยอคติส่วนตัว อาจารย์ไม่อยากให้มีข้อกังขาเรื่องการขอเงินสนับสนุนจากโครงการ อาจารย์แค่อยากพูดถึงความคิดตัวเอง ว่าการที่ลูกสาวคุณไกรสรรู้วิธีการรักษา แต่ไม่ตอบรับ ปล่อยให้พ่อตัวเองอาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ แสดงให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าทางนั้นไม่ได้คิดจะรักษาท่านจริงๆ จังๆ แต่วันนี้ อาจารย์มองเห็นความรัก ความหวัง ความกลัวในสายตาเด็กคนนั้น แม้ว่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรม แต่ถ้าเธอมีใจอยากหาเงินมารักษาคุณไกรสร อาจารย์ก็อยากช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้”
“ถ้าหากเด็กคนนั้นปฏิเสธไม่ตอบรับการรักษาวิธีนี้ล่ะคะ”
“เงินทุนจะมาก็ต่อเมื่อมีการรักษา เมื่อไม่มีการรักษาก็ไม่ได้ใช้เงิน ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอเพชร อาจารย์ไม่อยากให้เพชรมีอคติกับคนไข้ไม่ว่าจะคนไหนก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินถุงเงินถังมารับรอง แต่อาจารย์มั่นใจว่าทุกคนต้องการให้ตัวเองหรือคนที่ตัวเองรักหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่”
“เข้าใจแล้วค่ะ เพชรจะปรับปรุงทัศนคติตัวเองให้ดีขึ้น ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“ใครถึงก่อนคนนั้นชนะ” หนูน้อยชูข้อมือขึ้นฟ้า หัวเราะเสียงเล็กน้อยแสดงกิริยาดีใจ “เย่! หนูพราวชนะ คุณตาคุณยายแพ้”
รถตู้ผู้บริหารของคุณตาเขมคุณยายมลจอดเทียบประตูทางเข้าโรงพยาบาลเอกชน เด็กหญิงพราวฟ้าวัยหกขวบจำได้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้คือสถานที่ทำงานคุณแม่น้ำเพชร ซุกซนปีนข้ามตักคุณตาคุณยายมาเปิดประตูไฟฟ้าทันทีที่รถจอดสนิท
“คุณตาลงมาเป็นคนที่สอง คุณตาชนะ คุณยายแพ้ เย่!”
คุณตาของแม่หนูลงรถมาเล่นเป็นเพื่อนหลานสาว มือหนึ่งจับหลานไม่ให้ซนวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลคนเดียว ส่วนอีกมือยื่นให้ภรรยาค่อยๆ เดินลงจากรถ อย่าเพิ่งสะดุดรองเท้าหกล้มหน้าทิ่มให้คนหัวเราะ
“ใครจับมือคุณยายคนนั้นแพ้ คุณตาแพ้ เย่! คุณยายชนะ”
“คุณตาแพ้” เด็กหญิงตัวเล็กล้อเลียนขำขัน
“แต่ไม่เป็นไรนะคะ ไว้วันหลังเล่นกันใหม่ หนูพราวจะให้คุณตาชนะสองครั้งเลยค่ะ”
“ให้คุณตาชนะสองครั้งเลยเหรอลูก ได้ยินแล้วใช่ไหมคุณยาย” หันไปคุยโว ถูกภรรยามองค้อนใส่วงใหญ่ก่อนทั้งสองจะหัวเราะ
“ได้ค่ะ คุณยายจะยอมสักครั้ง แต่ตอนนี้เราเข้าไปหาน้ารันดีกว่า ป่านนี้นอนร้องไห้ขี้มูกโป่งคิดถึงคุณตาคุณยายกับหนูพราวแน่เลย”
“น้ารันไม่ร้องไห้หรอกค่ะคุณยาย คุณแม่หนูพราวเก่ง รักษาน้ารันสบายมาก คุณแม่เล่าให้ฟังว่าคุณแม่รักษาคนป่วยให้หายได้ด้วยนะคะ”
พูดอวดแม่ตัวเองเป็นจริงเป็นจัง น่ารักเสียจนผู้ใหญ่หลงรัก
“โม้หรือเปล่า ทำไมแม่หนูพราวเก่งจังเลยคะ”
“คุณแม่เก่ง หนูพราวก็เก่งนะคะ” เด็กน้อยปิดปากหัวเราะ กระตุกมือคุณตาเข้าไปในโรงพยาบาล “มาค่ะ หนูพราวจะพาไป”
“ไปลูก เราหาน้ารันกัน”
คุณเขมราชแตะท่อนแขนภรรยาส่งสัญญาณให้เดินไปข้างหน้าพร้อมกัน โรงพยาบาลเอกชนตกแต่งสวยงามราวกับโรงแรมห้าดาว คุณภาพการรักษาเทียบเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย ครอบครัวอรัญรัตนาจ่ายค่าประกันสุขภาพรายปีแพง แต่ก็คุ้มค่า เพราะเจ็บป่วยขึ้นมาก็ได้เข้าพักในห้องและได้รับการบริการในระดับดีที่สุด
“ตารันพักอยู่ห้องไหนเหรอคุณ ตาเอ็มได้บอกหรือเปล่า”
“ส่งข้อความมา แต่ตัวเล็ก มลเพ่งสายตาอ่านไม่ไหว”
คุณเขมราชชะเง้อคอข้ามตัวหลานสาวไปอ่านข้อความในโทรศัพท์ภรรยา พวกท่านหยุดกันทั้งคู่เดินไปอ่านไปแบบเด็กๆ ไม่ได้ ตาลาย กวาดตารอบเดียวก็จับใจความได้
“ชั้นสิบเหรอคะ เราไปรอลิฟต์กันเถอะค่ะ หนูพราว คุณแม่ทำงาน เราไปเยี่ยมน้ารันก่อนค่อยแวะไปทักทายคุณแม่นะคะ”
“ได้ค่ะ ลิฟต์อยู่ทางนั้นหนูพราวพาไป” หนูพราวดึงมือคุณตาคุณยาย อยากอวดว่ารู้จักทุกมุมในที่ทำงานมารดา
“ค่อยๆ เดินสิลูก คุณตาคุณยายแก่แล้วจะหกล้มเอา”
“คุณตาคุณยายยังวัยรุ่นอยู่น้า ไม่หกล้มหรอกค่ะ”
“ฟังพูดเข้า ฉอเลาะเก่งเสียจริงหลานสาวคุณยาย”
ผู้สูงวัยเดินตามแรงจูงหลานสาวมาถึงมุมตึก แต่แล้วรอยยิ้มที่เคยสดใสกลับเลือนหายไปจากใบหน้า แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา เมื่อท่านทั้งสองบังเอิญสบตาเด็กรับใช้ในบ้านอัศวเมฆินทร์
สองฝ่ายต่างหยุดเดินอึ้งไปตามๆ กัน
พิยดาในวันนี้เติบโตเป็นสาวเต็มวัย หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กถอดแบบมาจากพัดชามารดาของหล่อน ที่แม้จะพิการทางสมองไม่ค่อยเต็มแต่หน้าตาดีถึงขั้นถูกนักค้ามนุษย์หลอกมาขายบริการในเมืองหลวง
เด็กสาวสวยสะดุดตาราวกับหลุดออกจากภาพวาดจิตรกรมือหนึ่ง เส้นผมสีดำเงางามเป็นเอกลักษณ์ตรงยาวตรงลงมาถึงกลางหลัง บางส่วนคลอเคลียบนใบหน้างดงาม ผิวพรรณนวลเนียนสม่ำเสมอหมดทั้งตัว รูปร่างหล่อนสมส่วน หน้า อก เอว สะโพก ท่อนขา สวยไปหมด ผู้หญิงด้วยกันยังชอบ มีเหรอผู้ชายวัยรุ่น วัยทำงาน หรือคนแก่คราวพ่อตาเ*******ูทั้งหลายจะไม่สนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ แต่ต้องแยกให้ออกว่าคนพวกนั้นสนใจในรูปร่างหน้าตาหรือรักหล่อนด้วยใจจริง
รู้จักเด็กคนนี้มาตั้งแต่หล่อนยังเล็ก มองออกว่าหล่อนนิสัยดีมากกว่าลูกสองคนของไกรสร ที่หยิ่งผยองและร้ายกาจเกินใครจะรับไหว ทว่าท่านไม่อยากฟันธงว่าพิยดาดีกว่า เพราะถึงอย่างไรเจ้าหล่อนก็เป็นคนตระกูลอัศวเมฆินทร์ ย่อมเข้าข้างเจ้านายตัวเอง มีเหรอ จะรู้สึกผิดหรือเห็นใจท่าน บุคคลที่สูญเสียลูกสาวผู้เป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันได้กลับคืน
ตัดญาติขาดมิตรกับทุกคนในตระกูลอัศวเมฆินทร์ไปเกือบสิบปี ถ้าเป็นไปได้คุณนฤมลไม่อยากเห็นแม้แต่เสี้ยวใบหน้าของใครก็ตามในบ้านนั้น ควรปล่อยผ่านทำเหมือนไม่ได้พบกันท่านกลับหยุดเดินตามแรงจูงหลานสาว ทำให้พิยดาที่ตั้งใจจะเดินผ่านเงียบๆ เปลี่ยนใจยืนสงบก้มหน้าตาที่แดงจากการร้องไห้ลงมองรองเท้าราคาถูกที่ตัวเองสวมติดเท้า
“มือแข็งเหรอ ผู้ใหญ่อยู่ตรงหน้าทำไมไม่ไหว้”
ท้วงหญิงสาวรุ่นลูกเสียงกระด้าง ไม่ช้าเด็กสาวก็กระพุ่มมือมาไหว้โดยก้มหน้าตามเดิม
“ถ้าไม่บอกก็จะไม่ยอมไหว้ฉันเลยอย่างนั้นเหรอ ไม่มีสัมมาคารวะ”
สามีสอดมือมาโอบกระชับไหล่ให้ใจเย็น
คุณนฤมลค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองสะบัดหน้างอนใส่สามี ก่อนกลับไปเอาเรื่องเด็กสาว “ใครเป็นอะไรล่ะ ถึงได้มาโรงพยาบาล”
“คุณท่านไม่สบายค่ะ”
“ไม่สบายทำไมไม่พาไปหาหมอในคลินิกแถวบ้าน หรือไม่ก็ไปโรงพยาบาลรัฐบาล ล้มละลายยังไงกันถึงมีเงินมารักษาในเอกชน”
“เขาอาจจะซื้อประกันสุขภาพไว้ก็ได้ คุณก็พูดไปเรื่อย น้องพิมไปเรียนต่อไม่ใช่เหรอ กลับมาถึงบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่”
น้ำเสียงคุณเขมราชนุ่มนวลอ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง พิยดาไม่เกี่ยวข้องกับการตายลูกสาวท่าน ท่านเป็นผู้ใหญ่สามารถแยกแยะได้ ไม่พาลหาเรื่อง พาลเกลียดไปหมดทุกคนเฉกเช่นคู่ชีวิต
“เมื่อคืนค่ะ” ดวงหน้าหวานยังคงก้มต่ำ
คุณนฤมลได้ยินดังนั้นแค่นเสียงหัวเราะเยาะ “ไปไม่ทันไรก็กลับมา เรียนไม่จบล่ะสิ ค่าเทอมที่อังกฤษไม่ใช่ถูกๆ น่าเสียดายเงิน”
พิยดาพูดไม่ออก ได้แค่รับฟังและขบเม้มริมฝีปากสั่นระริกไม่ให้หลุดเสียงร้องไห้สั่นเครือ คุณนฤมลพูดถูก ถ้าหล่อนไม่ดื้อด้านเอาแต่ใจมุ่งมั่นจะใช้เงินเก็บทุกบาทที่มีกับการเรียนคงไม่อับจน
“คุณยาย ทำไมต้องดุด้วยคะ พี่คนสวยร้องไห้”
“หนูพราว คุณแม่เดินมาตรงนั้นแล้ว รีบไปหาคุณแม่เร็ว”
กระตุกข้อมือหลานสาวให้มองไปข้างหน้า ไม่อยากให้หลานซึมซับลักษณะนิสัยไม่ดีจากคุณยายที่ในบางครั้งก็พูดไม่เพราะ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ยกมือไหว้โค้งตัวเดินผ่านหน้าพวกท่านออกไปหาที่เงียบๆ ร้องไห้ หวนคิดถึงสายตาอาลัยอาวรณ์จากอดีตคนรักแล้วเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ ทั้งที่เขามีผู้หญิงเพียบพร้อมยืนเคียงข้าง เขากลับปล่อยมือเธอ และให้ความหวังผู้หญิงต้อยต่ำด้วยการเรียกชื่อ
ดีใจที่เข้มแข็งมากพอไม่ใจอ่อนกลับไป ไม่อย่างนั้นจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง เพราะหล่อนเป็นคนเดียวที่รู้ดีที่สุด ว่าเรื่องระหว่างเขากับหล่อนไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่มีคุณสมบัติไหนเหมาะสมกับคนอย่างเขา เห็นกันชัดๆ ว่าพ่อแม่เขาเกลียดชังหล่อนถึงเพียงนี้ ไม่มีหนทางไหนให้เลือก นอกจากอย่าบังเอิญพบเจอกันอีก ความรักที่มีให้เขายืนยาว และในไม่ช้าจะตายไปพร้อมผู้หญิงคนนี้