ตอนที่ 3

1126 Words
“โกหกใช่ไหม” คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถาม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็ว “โกหกอะไร เต็นไม่ได้โกหกนะคะ เรารีบออกไปดูที่ลานจอดรถกันเถอะค่ะ เผื่อโจรมันจับยัยติ๊บไปด้วย” วาโยส่ายหน้าน้อยๆ แล้วถอนหายใจ ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เคาะสองครั้งเบาๆที่ข้างใบหูตนเอง ขณะที่สายตาดุไม่ละไปจากใบหน้าของคนที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามมือ พลอยไพลินเบิกตากว้างเมื่อเห็นหูฟังแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกับวิทยุสื่อสารติดอยู่กับใบหูเขา หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ “เอ่อ...ลูกน้องพี่โยว่าไงบ้างคะ จะ...จับโจรได้แล้วใช่ไหมคะ” วาโยส่งเสียงหึในลำคอ ก้าวเท้าเข้าหาร่างบอบบางในชุดราตรีเกาะอกยาวกรอมเท้าสีเข้ม ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มให้ดูสวยเด่นกว่ายามปกติปกปิดความซีดเผือดของสีหน้าได้เป็นอย่างดี หากแต่แววตาหลุกหลิกของคนทำผิดกลับแสดงออกชัดเจนว่ามีเรื่องปิดบังอยู่ “พี่รู้ว่ากระเต็นโกหกตั้งแต่เดินยังไม่ถึงห้องนี้ด้วยซ้ำ ลูกน้องพี่รายงานมาแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” วาโยบอกเสียงเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกซึ่งอารมณ์ใดๆของเขาทำให้พลอยไพลินหายใจไม่ทั่วท้อง “เต็นไม่ได้โกหก” “หลอกพี่มานี่เพื่อถ่วงเวลาช่วยให้คุณเพลิงพาน้ำฝนหนีใช่ไหม” “มะ...ไม่ใช่สักหน่อย ถอยไปนะ เต็นจะไปหากระติ๊บ” ตาดุๆ กับอาการคุกคามของวาโยทำให้หญิงสาวนึกกลัวขึ้นมา “พี่เพลิงของเต็นพาน้องไปไหน” “มะ...ไม่รู้” พลอยไพลินถอยจนแผ่นหลังบอบบางชนผนังห้อง “โกหก” เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย พลอยไพลินจึงรวบรวมกำลังผลักอกกว้างออกไปสุดแรง แต่ดูเหมือนผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงอย่างวาโยจะไม่สะทกสะท้านกับแรงเท่ามดคันไฟอย่างเธอ ชายหนุ่มรวบจับสองมือไว้แน่น แล้วยกขึ้นไปกดตรึงกับผนัง เบียดตัวเองเข้าหาจนชิดร่างสาว “พี่จะฟ้องคุณน้าว่ากระเต็นให้ความช่วยเหลือคุณเพลิง” พลอยไพลินเบิกตากว้าง ส่ายหน้าเร็วๆ “อย่าบอกคุณพ่อนะ” วาโยยิ้มร้ายกาจ จ้องดวงหน้างามไม่วางตา “เอาอะไรมาแลกเปลี่ยน” “จะเอาเท่าไรล่ะคะ” พลอยไพลินคิดว่าเงินน่าจะช่วยได้ จึงถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ เพราะตอนนี้เธอกับเขาใกล้ชิดกันเกินไป ร่างกายด้านหน้าเบียดชิดจนจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ไหนจะใบหน้าของเขาที่ก้มลงมาจนจมูกจะชนแก้มเธออยู่รอมร่อแล้วอีก “จะเอาทั้งตัว” คนหน้านิ่งตาดุกระซิบบอกเสียงเบาแต่หนักแน่น พลอยไพลินอ้าปากเหวอ ตกใจกับคำพูดของเขา “อื้อ!” หญิงสาวไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากร้อนผ่าวก็แนบประกบ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจูบแรกที่คิดว่าจะเก็บไว้ให้คนที่เธอรักถูกเขาฉกชิงไปอย่างหน้าด้านๆ วาโยจ้วงลิ้นร้อนสากรุกล้ำเข้าสู่โพรงปากนุ่ม เจ้าของปากอิ่มนุ่มพยายามสะบัดหน้าหนี แต่กลับถูกรุกเร้ายิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากอุ่นร้อนบดเบียดแนบแน่น ขณะที่ลิ้นสากไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม ทั้งดูดดึงอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับอดอยากหิวโซมาจากไหน คนไม่เคยถูกจูบรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แข้งขาพานอ่อนแรง ร่างกายอ่อนระทวยไปหมด ได้แต่ยืนนิ่งให้เขาแนบร่างกดทับจนแทบจะจมหายไปบนผนังห้อง วาโยถอนจูบออกมาในตอนที่หญิงสาวทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ดวงตาคู่คมหลุบมองริมฝีปากอิ่มบวมเจ่ออย่างพึงพอใจ พลอยไพลินหอบหายใจจนเต้าทรวงสะท้อนขึ้นลง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองคนที่ขโมยจูบแรกเธอไปอย่างโกรธขึ้ง “ปล่อย!” เสียงพูดสั่นพร่าคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที “ห้ามใครซ้ำรอยพี่” ประโยคสุดท้ายในคืนนั้นดั่งคำสั่งประกาศิต ห้ามใครซ้ำรอยพี่ มันดังก้องอยู่ในหูเธอทุกครั้งที่เธอเจอหน้าเขา ไม่เคยมีใครซ้ำรอยเขา มีแต่เขานั่นแหละซ้ำรอยตัวเองไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโมโห เธอไม่เคยขัดขืนเขาได้สักครั้ง เขามักหาโอกาสเอาเปรียบเธอได้อยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผู้คนอยู่ด้วยมากมายเพียงใด เสือร้ายในคราบพี่ชายใจดีแสนอบอุ่นก็ลากเธอไปหามุมเอาเปรียบจนได้ ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่รู้จักกันในฐานะเครือญาติต่างสายเลือด เธอถูกเขาจูบไปแล้วกี่ครั้งก็ไม่รู้ มันน่าเจ็บใจนัก วาโยพาหญิงสาวสวยทว่าหน้าบึ้งไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เขาเลือกนั่งมุมที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และบังคับให้คนที่มาด้วยนั่งโซฟาตัวเดียวกัน พนักโซฟาสูงกับแสงไฟที่ไม่สว่างมากนักภายในร้าน ทำให้คนที่จำใจต้องนั่งลงข้างเขารู้สึกไม่ปลอดภัย “เต็นอยากกินอะไรครับ” “เต็นอิ่มแล้วค่ะ” คนถามถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอยากเอาใจ แต่คนตอบกลับสะบัดหน้าหนีมองผนังร้าน ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หน้าที่บึ้งตึงอยู่แล้ว กลับบึ้งตึงมากกว่าเดิมได้อีก “งั้นก็นั่งเป็นกำลังใจให้พี่หน่อยแล้วกัน” วาโยบอกเสียงขัน ก่อนหันไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มกับพนักงาน เสร็จแล้วจึงหันมาจัดการแม่ตัวดีที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกอยู่ติดผนังร้าน ดูเธอจะจงใจเขยิบออกห่าง เพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเขาและเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียจริง “เพลงออกจะเพราะ ทำไมคุณลูกค้าหน้าหงิกจังครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ชิดใบหูทำให้พลอยไพลินสะดุ้ง หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียง แล้วเธอก็ต้องผงะหนี เมื่อใบหน้าของเขาอยู่ชิดเกินไป ทว่าการที่เธอนั่งจนแทบจะสิงเข้าไปในกำแพงอยู่รอมร่อ ทำให้ไม่เหลือพื้นที่จะหนีเขาได้อีกต่อไป เธอจึงรีบยกมือขึ้นดันอกกว้าง ก้มหน้าเอ่ยปากห้ามเขาเสียงเบาไม่มั่นใจสักนิด “พี่โย! อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ นี่ในร้านอาหารนะ” เห็นเขาหลุบมองริมฝีปากของตัวเองแล้ว พลอยไพลินชักใจสั่น กลัวว่าเขาจะจูบขึ้นมาจริงๆ “แสดงว่าถ้าออกจากร้านแล้วทำได้ใช่ไหมครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD