ญาดาใช้เวลาเวลาเกือบเดือน ในการปรับตัวให้ลูกสาว และเรียนรู้งานของคนเป็นพ่อไปด้วย แม้จะเคยเรียนรู้มาตลอด แต่ช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเลย จึงใช้เวลาทั้งเดือนเรียนรู้งานทั้งหมด โดยมีคนเป็นพ่อและพี่กรองเป็นคนช่วยเหลือ
“ญีน่า แม่ต้องไปทำงานแล้วนะคะ” ญาดาเดินมาหาลูกสาวที่นั่งคุยกับคนเป็นยายอยู่ในห้องนั่งเล่น ช่วงนี้คนทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอด ญีน่ามีคนทั้งบ้านคอยดูแล มีคุณยายเล่นเป็นเพื่อน และเริ่มเรียนที่โรงเรียนแห่งใหม่
“แม่ขา รีบกลับมานะคะ” เด็กน้อยญีน่าวิ่งมากอดคนเป็นแม่แน่น เพราะช่วงนี้ได้อยู่ด้วยกันตลอด จึงแอบกลัวนิดๆ ว่าแม่จะทำงานดึกดื่นเหมือนที่ผ่านมา จนลืมกลับมาเล่นกับตัวเอง
“จ้า ถ้าอยากไปหาแม่ ให้ลุงเอกพาไปก็ได้นะ" ญาดาลูบศรีษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน จับมือกันเดินไปหาคุณยายที่นั่งมองนิ่งๆ
“แล้วยาหยีจะรีบกลับมานะคะคุณแม่” ญาดาหอมแก้มท่านด้วยความรัก เก็บเรื่องในอดีตให้มันเป็นเพียงความทรงจำ ตอนนี้แม่ของเธอต้องการความรักมากที่สุด เหมือนที่เธอรอคอยความรักจากท่านเสมอมา
ญาดาเดินไปขึ้นรถที่มีกรุณาเป็นคนขับ พี่กรองถูกวางตัวให้เป็นมือขวาของเธอมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่เธอเรียนอยู่ พี่กรองก็จบมหาลัยแล้ว ทั้งยังต่อปริญญาโทจนจบด้วย แต่มันผิดพลาดที่เธอดันท้องซะก่อน ทุกอย่างจึงพัง
เธอไม่ได้โทษใคร โทษตัวเองที่ปล่อยตัวจนอุ้มท้องลูกไม่มีพ่อ
“มาถึงแล้วเหรอ เข้าประชุมพร้อมกับพ่อได้เลย”
ชาญวิทย์จัดการทุกอย่าง เพื่อให้ลูกสาวของเขากลับมาทำงานที่บริษัทได้อีกครั้ง เดินเข้าไปรอในห้องประชุม โดยมีญาดาก้าวตามเข้าไปทีหลัง
“เริ่มประชุมเลย” ชาญวิทย์ไม่รอช้า เพราะทุกคนมาถึงก่อนที่ญาดาจะมาแล้ว การประชุมดำเนินขึ้นพร้อมความแปลกใจของคนทั้งหมด ที่นั่งรออยู่ในห้องประชุม
ลูกสาวที่อยู่ๆ ก็หายตัวไปของชาญวิทย์ ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า ซ้ำยังจะเข้ามารับตำแหน่งใหญ่ในบริษัทอีก ใครๆก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
“ที่ผมเรียกประชุมก่อนกำหนด เพราะว่าผมมีเรื่องจะแจ้ง เรื่องแรก คือโครงการก่อสร้างใหม่จากทาง ธัญญาภิรมณ์ บริษัทเราได้งานของทางนั้นมาทั้งหมด และเรื่องที่สองผมจะให้ญาณิสาเป็นคนดูแลงานนี้ทั้งหมดเช่นกัน”
สิ้นเสียงของชาญวิทย์ เสียงฮือฮาของของคนในห้องประชุมก็ดังขึ้นอย่าฃเซ็งแซ่ แต่ละคนมองผู้บริหารหลักของบริษัท และคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความไม่เข้าใจและไม่พอใจเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าแย้ง
“ทุกคนคงจะสงสัยในตัวของลูกสาวผม แต่ผมอยากให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอมีความสามารถพอ และงานนี้ผมจะร่วมรับผิดชอบกับเธอทั้งหมด หวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับเธอเป็นอย่างดีนะครับ”
เมื่อประธานบริษัทตัดจบแบบนี้ ทุกคนที่เป็นเพียงพนักงานของแต่ละฝ่ายจึงไม่กล้าคัดค้าน
การประชุมเกี่ยวกับแผนงานดำเนินขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีญาดาหรือญาณิสา ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ข้อมูลทุกอย่างเธอศึกษามาตลอดหนึ่งเดือน จึงไม่มีข้อบกพร่องเลยตลอดการประชุม
“ไม่คิดว่ายาหยีจะเรียนรู้งานได้เร็วขนาดนี้” ชาญวิทย์เอ่ยชมลูกสาว ขณะเดินเคียงคู่กันออกมาจากห้องประชุม แม้ลูกสาวจะหายไปถึง6ปี แค่ความสามารถเธอไม่ได้หายไปเลย
“ขอบคุณคุณพ่อกับคุณแม่นะคะ ที่เคี่ยวเข็นหยีมาตั้งแต่เด็ก” ญาดารู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่พ่อแม่เธอเคร่งครัดเรื่องการเรียน แม้เธอจะไม่ชอบงานบริหารเท่าไหร่ แต่ก็ทำได้ดีไม่แพ้งานออกแบบเลยสักนิด
“เดี๋ยวต้องเอาแบบไปให้ทางนั้นดู พ่อฝากด้วยนะ”
บริษัทของท่าน เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีสาขาย่อยอยู่ทั่วประเทศ โครงการก่อสร้างที่ทำแต่ละโครงการมีแต่ใหญ่ๆทั้งนั้น ถือว่าเป็นบริษัทชั้นนำของเมืองไทยเลยก็ว่าได้
“ค่ะ”
ญาดารับคำเสียงเบา เธอไม่อยากไปที่นั่นเลย แต่เพราะรับปากกับคนเป็นพ่อไว้แล้ว ว่าเธอจะกลับมาสานต่อทุกอย่าง ชดใช้ในส่วนที่เธอทิ้งไปนานถึง 6 ปี
หลังจากที่เธอหอบลูกในท้องหนี พ่อกับแม่ก็ดูอ่อนลงมาก ทั้งยังเอาแต่โทษตัวเองอยู่ตลอด ตอนแรกเธอไม่เชื่อคำพูดพวกนี้ที่พี่กรองเล่าให้ฟัง แต่พอกลับมาอยู่บ้าน พ่อเธอเอาแต่ขอโทษเธออยู่ตลอด จนเธอรู้สึกผิด ที่ตัดสินใจทำทุกอย่างลงไปเพียงเพราะความน้อยใจ
ถ้านึกย้อนไปตอนนั้นสักนิด พ่อแม่เธอคงจะเสียใจที่สุด เมื่อลูกสาวสุดที่รักที่อยู่ในกรอบอยู่ตลอด เดินมาบอกว่าอุ้มท้องทั้งที่เรียนยังไม่จบ ซ้ำคนที่เป็นพ่อของลูกยังเลิกกันก่อนหน้านั้นไปแบบจบไม่สวย ทุกความเสียใจของพวกท่านจึงไปลงที่เธอกับลูก
และตอนนี้เธอกำลังจะเข้าไปคุยธุรกิจ กับคนที่จบกันไปแบบนั้น เธอไม่รู้เหมือนกันว่างานนี้จะออกมาดีแค่ไหน แต่ก็ต้องทำ เพราะงานนี้เธอจะได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเธอมีความสามารถมากพอ ที่จะขึ้นเป็นผู้บริหารของบริษัท
“พี่กรองเราไปกันเถอะคะ วันนี้เราต้องไปคุยกับทางนั้น” ญาดาเดินออกมาจากห้องทำงานของคนเป็นพ่อ บอกเลขาของตัวเองที่นั่งรออยู่หน้าห้อง
กรุณาเตรียมพร้อมอยู่แล้ว พยักหน้านิดๆ เอกสารทุกอย่างพร้อมอยู่ในมือเธอแล้ว
รถคันหรูที่มีกรุณาเป็นคนขับ ออกเดินทางสู่จุดมุ่งหมายที่กรุณารู้จักดีที่สุด เพราะก่อนที่จะหนีไปช่วยคุณหนูดูแลญีน่า เธอเคยเดินทางมาติดต่องานกับทางนี้บ่อยๆ
“ไหวไหมคะ” กรุณาถามคนที่เดินนำหน้า คุณหนูของเธอตอนนี้มาดมั่นต่างจากเดิมเยอะเลย เวลาเพียงหนึ่งเดือน ญาดาคนนั้นพร้อมที่จะกลับมาเป็นญาณิสาแล้ว และอาจจะดีกว่าญาณิสาคนเดิม เพราะตอนนี้คุณหนูของเธอ ไม่ได้หัวอ่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“ญาโดนพี่กรองกับป้ากรายอบรมมาทั้งเดือน แค่นี้ไหวแน่นอนค่ะ” ญาดาตอบด้วยความมั่นใจ
ป้ากรายเคยเป็นคุณครูที่อบรมมารยาทของเธอมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เธอจึงมั่นใจมาก ไหนจะความรู้ที่เธอเคยเรียนมา ถึงจะเรียนไม่จบ แต่เธอก็เรียนดีมาตลอด
ช่วงที่คลอดลูกเธอก็มีเวลามากพอ ที่จะเลี้ยงลูกและอ่านหนังสือแบบออนไลน์ไปด้วย เธอสมัครเรียนมหาลัยแบบเปิด ตอนนี้เธอเรียนจบมหาลัยแล้ว แม้จะไม่ใช่มหาลัยดังอย่างที่เคยเรียน แต่เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้ด้อยเรื่องความรู้แน่นอน
“สวัสดีค่ะ มาพบผู้บริหารของธัญญาภิรมณ์ค่ะ นัดไว้ชื่อ ญาณิสา”
ญาดาบอกกับพนักงานที่รับเรื่องอยู่ชั้นล่าง เมื่อเธอแจ้งความประสงค์ พนักงานคนนั้นก็รีบติดต่อหาคนที่ญาดาต้องการพบทันที และรอไม่นานญาดาก็ถูกเชิญขึ้นไปข้างบน
ร่างกายบอบบางในชุดสูทก้าวเดินด้วยความมาดมั่น หน้าตาที่เคยซีดเซียวตอนเป็นญาดา ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดัง หน้าตาที่เคยหมองคล้ำสว่างใสขึ้น เพราะครีมบำรุงผิวชั้นดีที่เคยใช้ ตอนนี้เธอกลับมาเป็นญาณิสาคนเดิมแล้ว โดยทิ้งญาดาให้เป็นเพียงอดีต ที่ครั้งนึงเธอเคยผ่านพ้นไปเท่านั้น