เส้นทางที่ต้องเลือก

1077 Words
“สวัสดีค่ะหัวหน้า คือดิฉันอยากจะขอรับเงินเดือนก่อนได้ไหมคะ ลูกเข้าโรงพยาบาล” ญาดารีบพูดเมื่อปลายสายกดรับ แม้จะเป็นการรบกวน แต่เธอต้องการคุยตอนนี้ [นี่เธอไม่แหกตาดูเวลารึไง มันใช่เวลางานของฉันไหมห่ะ มีอะไรก็โทรมาพรุ่งนี้ อ๋อ ไม่ต้องโทรมาหรอก เงินของเธอจะได้ตามกำหนดเดิม มันไม่มีที่ไหนหรอก ที่จะจ่ายเงินเดือนให้พนักงานที่ลาออก ก่อนครบ 30 วันอะ] หัวหน้างานที่เป็นผู้จัดการโรงแรม พูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ เพราะถูกรบกวนดึกๆ ดื่นๆ พูดจบก็วางสายเพราะไม่คิดสนใจอยู่แล้ว ว่าใครจะเป็นยังไง ญาดาลดโทรศัพท์แบบปุ่มกดลงข้างตัวอย่างหมดแรง เธอไม่เหลือใครให้ช่วยเลย และเข้าใจว่าทุกอย่างมันมีระบบของมัน “คุณหนู หมอต้องย้ายญีนาไปห้องพิเศษนะคะ เพราะเป็นโรคติดต่อ จึงไม่สามารถอยู่ห้องรวมกับคนอื่นๆ ได้ เข้าไปกันเถอะ อีกเดี๋ยวพยาบาลก็พาญีน่าเข้าไปห้องพักแล้ว” กรุณาเดินมาบอกญาดา ที่เดินเข้าไปข้างในอย่างอ่อนแรง ญาดาเดินตามคนทั้งหมดเข้าไปในห้องพิเศษด้วยใจที่หนักอึ้ง แค่ห้องธรรมดาก็แพงแล้ว แต่ลูกเธอต้องพักห้องพิเศษ แล้วอย่างนี้เธอจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าพยาบาลให้ลูกของเธอ ญาดามองลูกสาวตัวเล็กที่หลับสนิท ญีน่าของเธอน่าสงสาร ผื่นแดงขึ้นเต็มตัว ที่หน้าผากมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ ไหนจะสายน้ำเกลือนั่นอีก ทุกอย่างช่างบีบหัวใจคนเป็นแม่เหลือเกิน เพราะลูกสาวได้อยู่ห้องพิเศษ พยาบาลจึงดูแลอย่างดี ถึงจะเข้าวันที่สองแล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนวันแรกๆ ญีน่ามีไข้สูงอยู่ตลอด คันตามผื่นแดงที่ปาก มือและเท้า จนร้องไห้งอแงอยู่ตลอด คนเป็นแม่ได้แต่อยู่ใกล้ๆ เอ่ยคำหวานปลอบโยนลูกสาวสุดที่รัก ให้คลายความเจ็บปวดจากโรคภัย “ฮือ เจ็บ” หนูน้อยญีน่า บอกคนเป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างเตียง แม้จะดีใจ ที่ตลอดสองวันได้อยู่กับคนเป็นแม่ตลอด แต่เพราะเจ็บและคันตามเนื้อตัว จึงได้แต่งอแงไม่หยุด “อีกเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ คุณหมอที่นี่เก่งนะ ญีน่าห้ามดื้อนะรู้ไหม ถ้าดื้อคุณหมอจะไม่ให้กลับบ้านนะคะ” ญาดาลูบผมเด็กน้อยตัวเล็กของเธอ ญีน่าที่กำลังร้องไห้งอแง จึงมองแม่ด้วยใบหน้าคลอน้ำตา แม่จะโกหกเธออีกหรือเปล่า เธอเจ็บเหลือเกิน “จริงใช่ไหมคะ แม่อย่าโกหกหนูนะ” น้ำเสียงของลูกสาวช่างบาดใจเหลือเกิน เธอกลายเป็นคนขี้โกหกไปซะแล้ว เพราะทำตามที่พูดไม่เคยได้เลย และตอนนี้ก็เช่นกัน อาการญีน่ายังไม่ดีขึ้น เพราะเป็นหนัก โชคดีที่เธอพาลูกมาทัน ไม่อย่างนั้นลูกเธออาจจะไม่ได้มานอนคุยกันอยู่แบบตอนนี้ก็ได้ “แม่ไม่ได้โกหกนะ หนูอยู่กับคุณหมอแล้ว ต้องหายแน่ๆ จ๊ะ” นั่นคือความจริงที่หมอบอก เพียงแต่มันต้องใช้เวลาแค่นั้นเอง ญีน่ามีภาวะแทรกซ้อน เธอมีไข้สูงติดต่อกันมาวันที่สามแล้ว หมอจึงไม่อยากให้พาญีน่ากลับไปรักษาเองที่บ้าน และญาดาก็ไม่อยากทำเช่นนั้นเหมือนกัน ต่อให้ค่ารักษาจะพุ่งขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ถ้าลูกเธอหาย เท่าไหร่เธอก็จะหามาจ่าย “พี่มาแล้ว คุณหนูไปพักเถอะค่ะ” กรุณาที่กลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้ญาดาเปลี่ยน บอกคนที่ไม่ยอมนอนพักเลย ทั้งที่มีพยาบาลอยู่ดูแลญีน่าตลอดเวลา แต่ญาดาก็ยังเฝ้ามองลูกสาวไม่ห่าง ทั้งยังไม่ยอมหลับยอมนอนมาตลอดสามวัน “ค่ารักษาตอนนี้ เกือบแสนแล้วพี่กรอง หยีควรทำยังไงดี” ญาดาถามความเห็นคนที่นั่งลงข้างๆ “คุณหนูก็รู้นี่คะ ว่าควรทำยังไง” กรุณามองเด็กน้อยที่หลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา คุณหนูของเธอควรทำยังไง เธอน่าจะรู้ตัวดีที่สุด “ฝากน้องญีน่าด้วยนะคะ” ญาดาหยิบถุงเสื้อผ้า ที่พี่กรองไปเอามาจากบ้าน เดินไปอาบน้ำในห้องน้ำของโรงพยาบาล คุณหมอที่นี่แนะนำเธอ ให้พาญีน่าไปรักษาตัวกับหมอเฉพาะทาง และที่นั่นต้องใช้เงินเยอะกว่านี้เพราะญีน่าเป็นหนักกว่าเคสอื่นๆ เธอต้องการพาลูกไปรักษาที่นั่นตามที่หมอแนะนำ ญาดาออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จุดมุ่งหมายคือบ้านที่ตัวเองหนีออกมา เธอไม่เหลือทางเลือกไหนแล้ว แม้จะกลัวการกลับไป แต่เธอต้องการเงิน เงินที่จะช่วยชีวิตลูกสาวของเธอ กริ่ง ๆ ๆ ญาดายืนกดกริ่งหน้าบ้านหลังใหญ่ จากนั้นยืนรอเงียบๆ เธอสวมเสื้อผ้าชุดที่ใส่ติดตัวออกไป เสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงที่เธอเหลือไว้เพียงชุดเดียว แต่สภาพเธอตอนนี้ช่างไม่เหมาะกับมันเอาซะเลย ใบหน้าหมองคล้ำพอๆ กับผิว เธอไม่เหมือนญาณิสาคนเดิมเลยสักนิด “มาหาใครคะ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกให้ญาดาหันไปมอง คนที่เดินออกมาเปิดประตูถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเห็นเธอ แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นดีใจ แล้วรีบเดินมาใกล้ “คุณหนู” หญิงสูงวัยสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้ง หมุนไปซ้ายทีขวาทีอย่างไม่แน่ใจ เพราะคุณหนูของเธอหนีไปตายเอาดาบหน้าพร้อมลูกในท้อง ตอนนี้ไม่มีแม้ข่าวคราว บางคนก็บอกว่าเธอตายไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะค้นหาชื่อ ญาณิสา กิตติภิรมณ์ ที่ไหน ก็ไม่มีใครเจอชื่อนี้อีกเลย “หนูยังไม่ตายค่ะ ขอเข้าไปในบ้านได้ไหมคะ” ญาดาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แม้คนตรงหน้าจะเป็นแม่บ้านเก่าแก่ และเป็นแม่ของกรุณาพี่เลี้ยงของเธอ แต่เธอไม่มีเวลาให้มาดีใจหรอกนะ “คุณท่านไม่อยู่ค่ะ อยู่แต่คุณผู้หญิง” แม่บ้านเก่าแก่เดินนำคุณหนูเข้าไปในบ้าน คนที่ทำงานอยู่ในบ้านต่างมองแขกที่เพิ่งก้าวเข้ามาอย่างสนใจ โดยเฉพาะคุณหญิงของบ้าน ที่นั่งอยู่ในสวนหน้าบ้าน ที่เป็นซุ้มศาลาต้นไม้แสนสวย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD