7

1554 Words
“ป้าแมว!” คนเรียกทำสีหน้างอนๆ “คนในบ้านนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าคุณภามมาจีบคุณช่อ ไม่งั้นคุณนกไม่มา ทุกอาทิตย์หรอกค่ะ” “ช่อไม่เห็นรู้เลย” ช่อเพชรตาโต เดี๋ยวก่อนนะ ใครจีบใคร อะไรยังไง เธองงไปหมดแล้ว... “ช่อเปล่าให้อาภามจีบนะคะ” คนที่ปากแข็งแอบคิดถึงใครบางคน ที่หายหน้าหายตาไปนานเกือบครึ่งเดือน แล้วพูดลิ้นแทบพันกัน “ก็ใครว่าหนูช่อให้คุณภามจีบล่ะคะ คุณภามแกจีบของแกเอง” ป้าแมวพูดอย่างเอ็นดู “ช่อไม่อยากให้จีบเสียหน่อย เชอะ!” คนปากแข็งแอบอมยิ้ม แต่กอดอกทำหน้าเชิดๆ ป้าแมวยิ้มขำ แต่ก็ไม่พูดอะไร “ป้าแมวไม่ต้องมายิ้มเจ้าเล่ห์เลยนะคะ ช่อไม่ได้อยากให้มาจีบจริงๆ นะคะ ช่อไม่ชอบคนแก่ค่ะ” คนพูดทำปากยื่นน้อยๆ อย่างแสนงอน “ระวังเถอะค่ะคุณช่อ ไม่ชอบอะไรจะได้อย่างนั้น” “เอ๊ะ! มีแต่เกลียดอะไรได้อย่างนั้นไม่ใช่เหรอคะ” ป้าแมวหัวเราะ เด็กสาวที่นั่งทำปากยื่นอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ในห้องครัว “สมัยก่อน ตอนป้าเด็กๆ น่ะ เพื่อนคนหนึ่งวัยไล่เลี่ยกัน บอกว่าไม่เอา ผัวแก่ ไม่เอาคนแก่มาเป็นผัว ไม่ชอบคนสูงอายุ ไม่อยากได้มาเป็นแฟน ตอนนี้ล่ะ แต่งงานกับคนแก่อายุมากกว่าตั้งยี่สิบปี” “จริงเหรอคะ” ช่อเพชรตาโต ป้าแมวยิ้มขำเด็กสาว “จริงสิคะ” “งั้นช่อเปลี่ยนคำพูดก็ได้ค่ะ เปลี่ยนเป็นไม่คิดอะไรกับคนแก่ก็ได้ค่ะ” “ปากบอกว่าไม่คิด แต่ใจคิดหรือเปล่าล่ะคะ ถ้าคิดก็ถือว่าเป็นโมฆะค่ะ” “ช่อไม่พูดเรื่องนี้กับป้าแมวแล้วค่ะ” เด็กสาวเดินไปหาวัตถุดิบเพื่อตระเตรียมอาหารกลางวันในทันที “คุณช่อจะทำอะไรคะ” “ทำไข่พะโล้ค่ะ” คนตอบเผลอหน้าแดงเล็กน้อย “ทำไข่พะโล้เพิ่มเหรอคะ มีกับข้าวหลายอย่างแล้วนะคะ” ป้าแมว เอ่ยถาม เพราะก่อนหน้านี้ช่อเพชรมาช่วยทำกับข้าวที่จะรับประทานกันในตอนกลางวันเรียบร้อยแล้ว “อาหารที่ทำเอาไว้บางอย่างรสจัด อาภามกินไม่ได้ค่ะ” เธอเผลอพูดอย่างใจคิด รู้ว่าเขาไม่กินอาหารรสจัด เลยอยากทำเพิ่มตามที่ลั่นวาจาไปแล้ว “อ้อ... จะทำให้คุณภามกินเหรอคะ” ป้าแมวทำสีหน้ารับรู้ ยิ้มน้อยๆ ให้เด็กสาว “ช่อไม่ได้อยากทำให้กินเสียหน่อยป้าแมว แต่กลัวคนลิ้นบางจะกินกับข้าวอย่างอื่นไม่ได้ เดี๋ยวจะมาหาว่าเราต้อนรับไม่ดีอีก จะมาก็ไม่บอกนะคะป้าแมว จะได้ทำกับข้าวเผื่อ” คนบ่นแอบทำเสียงรำคาญนิดๆ หน้าตึงหน่อยๆ ป้าแมวอมยิ้ม ก่อนจะเหลือบไปเห็นคนที่กำลังกล่าวถึงยืนยิ้มอยู่ที่ประตูห้องครัว “ป้ารู้แล้วค่ะว่าหนูช่อไม่ได้อยากทำให้คุณภามกินจริงๆ” “จะมาทำไมก็ไม่รู้นะคะป้า ต้องมาทำกับข้าวใหม่อีกรอบ ลำบากคนอื่นแย่” ปากบอกว่าจะมาทำไม แต่มือสาละวนกับการนำไข่ไปต้มบนไฟ ป้าแมว จึงค่อยๆ เลี่ยงออกไปเสีย ปล่อยให้หนุ่มสาวได้อยู่ด้วยกัน เผื่อเด็กปากแข็ง แถวนี้จะหายงอน คิดถึงเขาก็ไม่บอกเขาไปตรงๆ ตัวเองชะเง้อคอมองรั้วบ้าน ทุกวันว่าเมื่อไหร่ภามจะมา “ป้าแมวขา ไข่สิบฟองพอไหมคะ ทั้งหมดห้าคน กินกันคนละสองฟอง อุ๊ย!” เธอหมุนร่างออกจากเตาไฟ เพื่อจะไปนั่งหั่นหมูบนแคร่ ก็ชนเข้ากับร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอ “อาภาม!” ช่อเพชรตาโตเมื่อเจอคนที่เธอแอบนินทายืนอยู่ตรงนี้ พอจะถอยหนีเขาก็รั้งเอาไว้ “เดี๋ยวชนกับเตาไฟด้านหลังนะครับ” เขารั้งร่างน้อยมาอยู่ในอ้อมแขน หน้าอกของเธอเบียดกับร่างกายแข็งแรงของเขา ทำเธอต้องงอตัวหนี “อาภามมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” ถามแล้วหน้าเห่อร้อน อ๊าย... เธอเผลอนินทาเขาตั้งหลายอย่าง แล้วนี่ป้าแมวไปไหน จะไปก็ไม่บอก ทิ้งให้เธอยืนพูดอยู่คนเดียว “สักพักแล้วล่ะครับ ได้ยินว่าอาทำให้ยุ่งยากเหรอ” คนเอ่ยถามยื่นหน้าเข้ามาหา มองด้วยสายตาเอ็นดูระคนรักใคร่ “ช่อจะไปหั่นหมูนะคะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง ภามปล่อยร่างน้อย ก่อนเดินตามมานั่งมองเธอหั่นหมูสามชั้นไม่วางตา “อาภามว่างเหรอคะ” “ว่างครับ” คำตอบของเขาทำเอาเธอมองตาปริบๆ ที่เธอถามออกไปเพราะจะถามเขาว่าไม่มีงานไม่มีการทำหรือไง มานั่งมองเธออยู่แบบนี้ โดนจ้องมากๆ เข้า เธอก็เขินเหมือนกันนะ “ให้อาช่วยอะไรไหม” เขารีบอาสา ไม่รู้ว่าเธอกำลังไล่เขากลายๆ ช่อเพชรได้ยินแบบนั้นก็เลยหางานให้เขาทำเสียเลย “ตำพริกไทยกับกระเทียมแล้วก็เกลือให้ช่อก็ได้ค่ะ” เธอบอก เขาก็ ทำตามอย่างว่าง่าย เธอหั่นหมูเสร็จ นำไปล้างให้สะอาด ก็พอดีกับที่เขา ตำเสร็จพอดี ช่อเพชรนำพริกไทยกับกระเทียมโขลกกับเกลือไปผัดในน้ำมัน จนเหลือง ก่อนจะใส่หมูสามชั้นลงไปผัด หลังจากนั้นก็เติมซีอิ๊วดำ เครื่องพะโล้ ซึ่งเธอใช้เป็นแบบผงที่บดมาเรียบร้อยแล้ว เติมน้ำ และ ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เนื้อหมูนุ่ม “อุ๊ย!” เธอไปนำไข่แช่น้ำเย็นมาปอก ก็ชนกับร่างสูงที่เดินตามมา เงยหน้ามองสบตาแล้วต้องหลบ เดินหนีกลับไปที่แคร่ไม้ไผ่ นั่งปอกไข่ที่แช่น้ำจนอุณหภูมิเย็นลงมากแล้ว “ให้อาช่วยปอกไข่นะ” “เอาสิคะ” คนตอบเขินหน่อยๆ มองผู้ชายร่างสูงที่ทำอะไรคล่องแคล่ว จนเพลินตา พอเขาเงยหน้ามาหา เธอก็ก้มงุดๆ ไปมองไข่ในมือ ภามเป็นผู้ชายร่างสูงเพรียว ใบหน้าเรียวคมสัน เขาไว้ผมยาวประบ่า มัดรวบเอาไว้ ผมของเขาเส้นใหญ่ ดำขลับ เข้ากับแววตาสีเข้ม เครื่องหน้า ของเขาหล่อเหลา รับกันอย่างเหมาะเจาะกับจมูกโด่งเป็นสัน ปากของภามค่อนข้างกว้าง คิ้วเข้ม ขนตาดกหนากว่าผู้หญิงเสียอีก ขนตาของเขานี่แหละ ทำให้คนหน้าเข้มยิ้มหวานเป็นบ้า เธอว่าดวงตาเขาดูดุ เคร่งขรึม เวลาเขาทำหน้านิ่งๆ แต่มันก็ซ่อน ความหวานละมุนเอาไว้ เขาไม่ได้ชอบทำหน้าเคร่งนักหรอก แต่เธอเคยเห็น ตอนเขาดุเธอเวลาทำอะไรไม่เหมาะสม เช่น ปีนต้นไม้เหมือนวันนั้น เขาก็ดู น่าเกรงขามอยู่มาก อาจจะเป็นบุคลิกของอาจารย์ซึ่งเป็นอาชีพของเขาก็เป็นได้ “ไข่นกกระทาทำพะโล้ก็อร่อยนะ” เขาชวนคุย “ไข่นกกระทาไม่มีค่ะ มีแต่ไข่ไก่” ที่นี่มีไข่ไก่เพราะลุงมิ่งแกเลี้ยงไก่เอาไว้ แกเป็นคนขยัน ชอบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เธอกับคุณยายเลยได้รับประทานอาหารปลอดสารพิษ “ทำไมถึงสอบเข้าเรียนคณะเกษตรศาสตร์ล่ะ” เขาเอ่ยถาม เธอยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาปอกไข่ แล้วตอบเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “ช่อชอบธรรมชาติค่ะ เลยเลือกเรียนสาขาเกษตรศาสตร์ จะได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง คุณยายมีที่ดินเยอะแยะ ถ้าเราทิ้งไปก็เสียดายแย่เลยค่ะ” เขาพยักหน้ามองเธอนิ่ง เธอเงยหน้าขึ้นมา กะพริบตาปริบๆ จู่ๆ แก้ม ก็ร้อน “อาภามถามทำไมคะ” ถามเขากลับแล้วรีบก้มหน้าปอกไข่ต่อ “แค่อยากรู้เฉยๆ แล้วเราจะพักที่ไหนล่ะ บ้านกับมหาวิทยาลัยห่างกันมากนะ จะไปกลับคงไม่ไหวแน่ๆ” เขาพูดตรงใจเธอเป๊ะ เธอก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน “ช่อว่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณยายอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่กล้าเลย กลัวคุณยายไม่อนุญาต” เธอจำได้ว่าเคยขอคุณยายไปนอนค้างบ้านเพื่อน เพื่อทำรายงาน คุณยายยังไม่อนุญาตเลย ท่านเป็นห่วง กลัวจะโดนหลอก เสียผู้เสียคน คุณยายค่อนข้างหัวโบราณ ถ้าเธอบอกว่าต้องไปเรียนในเมือง แล้วต้องเช่าหอพักอยู่กับเพื่อนๆ คุณยายจะว่ายังไงบ้างนะ ภามมองความกังวลใจของเด็กสาวนิ่งๆ ก่อนจะช่วยเธอปอกไข่จนเสร็จ เธอนำไข่ไปใส่ในหม้อพะโล้แล้วมานั่งใกล้ๆ กับภาม “บอกคุณยายไปตรงๆ เลยครับ เรื่องที่ต้องไปพักในเมือง วันเสาร์และ วันอาทิตย์ค่อยกลับมาเยี่ยมท่าน” “ช่อกลัวคุณยายไม่อนุญาตค่ะ” “ทำไมล่ะ” “คุณยายของช่อหัวโบราณ ท่านค่อนข้างเป็นกังวล กลัวจะโดนหลอก ยิ่งไปนอนค้างอ้างแรมที่อื่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ จำได้ว่าตอนเข้าค่ายพักแรม คุณครูประจำชั้นต้องมาขออนุญาตคุณยายที่บ้านด้วยตัวเอง และรับปากว่า จะดูแลช่อให้ดี ไม่อย่างนั้นไม่อนุญาตให้ไปค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD