ตอนที่ : 2 กฎของเรา 2

1381 Words
“คุณยาย วาทไม่ค่อยอยากแต่งงานเลยค่ะ มันแปลกๆ ไงไม่รู้” “อ้าว แล้วกัน ไม่แต่งแล้วจะมีลูกเลี้ยงตอนแก่เหรอยัยวาท เป็นสาวโสดไปชั่วชีวิตมันไม่สนุกหรอกนะ” “วาทเลี้ยงตัวเองได้ค่ะคุณยาย สมัยนี้ผู้หญิงเราเก่งจะตายไปไม่ต้องง้อให้ใครมาเลี้ยงหรอกค่ะ” วธุกาไม่กล้าบอกผู้เป็นยายถึงกฎสามข้อโดยเฉพาะข้อที่สามของวิเนตย์ เกรงว่าท่านจะไม่เห็นด้วยแล้วเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตไป “อย่าคิดแบบนั้นสิวาท อนาคตวาทจะอยู่คนเดียวไปอย่างนั้นเหรอ ถ้าวาทแต่งงานยายก็ยังใจชื้นขึ้นมาหน่อยว่ามีคนรับไปดูแลแล้ว ดีกว่าอยู่กับยัยตีมีแต่จะถูกโขกสับไปวันๆ ประสาทจะกินอยู่แล้วยายน่ะ มีเรื่องมาให้คิดอยู่ได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตั้งแต่สาวยันแก่นิสัยมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย” ยายนวลน้อยพูดแล้วก็ส่ายหน้า เพราะว่าเป็นลูกในไส้ถึงได้รู้เห็นธาตุแท้ของนางอารตีมาตั้งแต่เล็กจนโต “คุณยายว่าวาทควรจะแต่งงานกับคุณวิเนตย์จริงๆ เหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ “สมควรที่สุดเลยล่ะวาทเอ๊ย อย่างน้อยๆ ก็จะได้มีสามีเป็นตัวเป็นตนมีคนคอยช่วยเหลือกันในวันข้างหน้า มีลูกคอยเลี้ยงเราตอนแก่ตัวลงไป ดูอย่างยัยตีสิถึงจะดีจะร้ายยังไงมันก็ยังไม่เคยทิ้งยาย ผิดกับเอ่อ...” หญิงชรารีบมองหน้าหลานสาวในทันที รู้ตัวว่าผิดที่เกือบจะทำให้วธุกาต้องเสียใจในเรื่องนี้ “คุณแม่ใช่ไหมคะที่ทิ้งไปแบบไม่เหลียวแลเลย” วธุกาโตพอที่จะเข้าใจความหมายของคำพูดท่านได้ไม่ยาก “ยายขอโทษนะวาท ยายนี่มันปากไม่ดีเลยจริงๆ ไม่รู้จะฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม ดูซิ หลานยายหน้าเสียเลย” พูดพร้อมกับจับมือของวธุกาขึ้นมาตบปลอบลงบนหลังมือเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย วาทเข้าใจ” คนเป็นหลานยิ้มเพื่อให้ท่านรู้สึกสบายใจขึ้น เป็นความจริงที่วธุกาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก ว่าทำไมบุพการีทั้งสองถึงไม่เคยเหลียวแลตัวเธอเลย และแม้จะวางตัวดีไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสีย แต่ดูเหมือนผู้เป็นป้าก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเธอนั้นดีพอ เผลอหลุดปากมาบ้างในบางเวลาเรื่องที่เธอคือภาระของทุกคน วธุกาเองก็พอจะรู้ตัวอยู่ว่าลึกๆ แล้วนางอารตีมองว่าเธอนั้นคือส่วนเกินของบ้านหลังนี้ “หรือวาทมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าบอกยายได้นะ ถ้าไม่อยากแต่งจริงๆ ยายก็ไม่ว่าอะไรจะเอาเงินสินสอดคืนคุณวิเนตย์เขาไป เอ่อ ยัยตีเอาไปใช้แล้วครึ่งหนึ่งนะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวยายทวงให้” ยายนวลน้อยเห็นหลานทำหน้าเศร้าก็รู้สึกเป็นห่วง และความจริงเรื่องสินสอดก็ทำให้หญิงสาวหน้าสลดลงในทันที นั่นหมายความว่าทางเลือกของเธอแทบไม่มี “ไม่มีอะไรค่ะคุณยาย วาทตกลงแต่งงานตามเดิมนั่นแหละค่ะคิดว่าดีแล้วสำหรับทุกคน” วธุกายอมแพ้ในเรื่องนี้ หมดเวลาจะปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไร ระยะหลังมานี้นางอารตีก็คอยแต่จะพูดถึงเรื่องแต่งงานของอรตี เปรยออกมาก็บ่อยครั้งเรื่องการขอห้องนอนของเธอไปเป็นห้องหอให้ลูกสาว ส่วนห้องของลูกสาวก็เอาไว้ให้หลานตัวน้อยๆ ที่จะเกิดมาในอนาคตอีกด้วย แน่นอนว่าในวันข้างหน้านั่นย่อมไม่เหลือที่ว่างให้เธออีกต่อไป วธุกาใช้เวลานอนคิดแค่คืนเดียวก็ตื่นขึ้นมาบอกนางอารตีในวันรุ่งขึ้น ว่าตกลงที่จะแต่งงานกับวิเนตย์ภายใต้เงื่อนไขกฎสามข้อที่เขาตั้งขึ้นมา ทั้งที่ลึกๆ ข้างในนั้นโบกมือคัดค้านไหวๆ ก็ตามที “ยัยวาทแกคิดถูกต้องที่สุดรู้ไหม ถึงคุณวิเนตย์เขาจะดูเถื่อนๆ ไปหน่อย แต่เขาก็รวยนะ รีสอร์ตเขาก็ติดอันดับของจังหวัดเรา นี่ก็ดึงลูกค้ารีสอร์ตอื่นไปหมดเลยรวมถึงของเราด้วย ทำเลเขาดีทำอะไรก็เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าไปหมด” อิทธิพลของเงินตรานั้นล้นหลามนักในสายตาของผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาหลายสิบปี สามีของนางอารตีหนีไปมีเมียน้อยและใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ ทำให้นางต้องพึ่งพาตัวเองในการทำให้ครอบครัวอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นเม็ดเงินจึงมีน้ำหนักมากสำหรับชีวิตในวันข้างหน้าของทุกคนภายในบ้าน “แล้วยังไงคะคุณป้า คิดว่าเขาจะยอมให้วาทมีสิทธิ์ในสมบัติของเขาเหรอคะ ดูกฎข้อที่หนึ่งกับสองของเขาสิคะ” วธุกาไม่เห็นด้วย “โอ๊ย เขาก็เขียนกันไว้งั้นล่ะ ไม่ได้มีลายเซ็นเป็นหลักฐานก็แค่กระดาษแผ่นเดียว แกไปแต่ตัวสมบัติพัสถานอะไรก็ไม่มีเขาก็ต้องกลัวไว้ก่อน พอได้ขึ้นเตียงเท่านั้นแหละทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ เชื่อฉันสิฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน” นางอารตีโบกมือเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ วธุกาหน้าแดงทันทีที่ได้ยินคำว่า ขึ้นเตียง จากปากของผู้เป็นป้า “คุณป้าคะ วาทว่าเขาคงคิดดีแล้วล่ะถึงได้ดักทางเราด้วยกฎสามข้อนั่น คงคิดว่าเราไม่กล้าที่จะเรียกร้องแน่นอน ว่าไปวาทก็ไม่กล้าจริงๆ นั่นแหละค่ะ” “แกก็ใช้มารยาหญิงที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์สิ ยั่วนิดเย้าหน่อยเอาอกเอาใจเขาเข้าไว้ เดี๋ยวก็รักเดี๋ยวก็หลงเองล่ะ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้มารยาหญิงทั้งนั้น” คนพูดทำท่าประกอบคำพูดไปด้วยการเชิดหน้าอกหน้าใจขึ้น บิดลำตัวไปด้านข้างประหนึ่งนางแบบโพสท่าหน้ากล้องก็ไม่ปาน “แล้วถ้าไม่ได้เป็นไปแบบที่คุณป้าคิดล่ะคะ” คำถามของวธุกาทำให้คอที่เชิดตั้งของนางอารตีค่อยๆ หันมามองด้วยสายตาว่างเปล่า “แกก็ซวยไปตามระเบียบไงยัยวาทถามมาได้ ชีวิตมันก็แค่นี้แหละ ต้องเสี่ยงกันบ้างถึงจะรู้จริงไหม” ผู้เป็นป้าไม่มีแม้แต่ความเชื่อมั่นจะมอบให้หลานสาวคนนี้ วธุกาเห็นแล้วก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ แต่ก็จริงอย่างหนึ่งที่คุณป้าของเธอพูดเมื่อกี้นี้ ‘ชีวิตต้องเสี่ยงกันบ้างถึงจะรู้’ หากเธอตกลงแต่งงานมีสามีเป็นตัวเป็นตนซึ่งก็คือคุณวิเนตย์ ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ดูเขาเป็นผู้ใหญ่ท่าทางสุขุมนุ่มลึกดี ‘บ้าน่ายัยวาท คิดว่าตัวเองเป็นเด็กหรือยังไง’ ชายผู้ที่สูญเสียภรรยากับลูกสาวไปจากอุบัติเหตุ เขาคงต้องการคนเคียงข้างให้คลายเหงา แล้วตัวเธอล่ะจะมีใครเคียงคู่ยามแก่ชรา “ชัวร์ไหมนี่ยัยวาท คิดอะไรอีกให้วุ่นวาย จะบอกให้นะถึงฉันจะไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักหนา แต่ฉันก็หวังดีต่อแกมากกว่าพ่อแม่แท้ๆ ของแกเสียอีก คุณวิเนตย์เขามีฐานะพอที่จะดูแลแกได้ ฉันมั่นใจ ฉันถึงได้สนับสนุนให้แกแต่งงานกับเขา” ความหวังดีของผู้เป็นป้าก็แฝงมาในรูปแบบแปลกๆ แม้มันจะน้อยนิดแต่วธุกาก็สามารถสัมผัสมันได้ “ชัวร์ไหม” ผู้เป็นป้าถามย้ำอีกรอบ “เอ่อ ชัวร์ก็ได้ค่ะคุณป้า” คำตอบมาแบบเนือยๆ “อะไรของแกยัยวาทมาชัวร์แบบอ้ำๆ อึ้งๆ ได้ไง ฉันไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกคุณวิเนตย์เรื่องหาฤกษ์วันแต่งงานก็แล้วกัน แกคิดถูกที่สุดบั้นปลายชีวิตจะได้มีลูกมีผัวคอยเลี้ยงดูรู้ไหม” พูดจบนางอารตีก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับวธุกาซึ่งกำลังคิดไม่ตกต่ออนาคตอันลุ่มๆ ดอนๆ ของตัวเอง ‘ต้องดีใจสิยัยวาท แกกำลังจะแต่งงานนะ สู้โว้ย!’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD