วันนี้เป็นวันหยุดของพิกุล และสิ่งที่เธอต้องทำคือการพาน้องชายสุดที่รักไปเลือกซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“งบพันเดียวนะ”
“ก็บอกแล้วว่าผมมีเงินเก็บ”
“พี่ก็อยากสนับสนุนน้องชายคนเดียวปะ”
“ถึงงั้นก็เถอะ”
พชรกฤต ตอบกลับพี่สาวคนเดียว ทั้งที่เขาย้ำนักย้ำหนาว่ามีเงินพอซื้อของตัวเองได้ แต่พี่สาวตัวน้อยก็อยากจะช่วยเหลือกันเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มชื่นชอบการวาดภาพมากแม้จะรู้ว่าฐานะทางบ้านไม่ได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นพชรกฤตก็ตัดใจจากมันไม่ได้
ในตอนแรกเขาทำเพียงแอบวาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยก็คงเลือกคณะที่จบมาแล้วมีงานรองรับเยอะ ๆ แต่พอพี่สาวคนนี้รู้เรื่องเข้า เธอก็บอกว่าไม่ต้องกังวลและให้ใช้ชีวิตตามแบบที่ต้องการ มันยิ่งทำให้พชรกฤตอยากพยายามมากขึ้นไปอีก และวันนี้เขาก็มาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้ออุปกรณ์ไปฝึกฝีมือ
“เอาน่า”
พิกุลรู้ดีว่าน้องชายพยายามที่จะพึ่งพาตัวเองมากแค่ไหน เพราะไม่อยากเป็นภาระเธอและแม่ แต่เธอเป็นพี่สาวจะให้เห็นน้องชายที่เลี้ยงมากับมือแบกรับภาระเกินวัยได้อย่างไร
และในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินไปยังร้านเครื่องเขียนที่อยู่ไม่ไกล สายตาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นเคยกำลังทานอาหารอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนที่นัยน์ตาคมกริบของคนที่อยู่ในนั้นจะหันมาสบประสานกับเธอ
“หยุดทำไม” พชรกฤตถามขึ้นเมื่อจู่ ๆ คนข้างตัวก็หยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ
“ไม่มีอะไร ร้านไปทางไหนอะ” พิกุลไม่ได้ตอบน้องชาย เธอเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง เพราะเธอแค่เจอหน้าเจ้านายไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกน้องชาย หรือต้องเข้าไปทักเสียหน่อย
“ทางนั้น” น้องชายชี้นิ้วเพื่อบอกตำแหน่ง ก่อนที่คนเป็นพี่สาวจะสาวเท้านำหน้าไปก่อน
“ปะ ไปเถอะ จะได้รีบกลับไปหาแม่ “
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” จีน่า ถามชายหนุ่มตรงข้ามเสียงหวานเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่มองออกไปนอกร้าน
“เปล่าหรอก”
อัศวินตอบแค่นั้นก่อนจะหันกลับมาทานอาหารด้วยท่าทีปกติ แม้จะไม่ได้คำตอบแต่จีน่าก็ไม่เซ้าซี้ เพราะเธอรู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไรให้อีกฝ่ายพอใจ ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่กับเขาได้นานนับปีเหรอ...
...
พิกุลที่ได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติก็มีสีหน้าเปื้อนยิ้มตลอดทั้งทาง ตากลมโตมองอาหารในมือที่จะนำไปทานกับแม่และน้องชายเพราะนาน ๆ ทีเราจะได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน
เพล้ง !
ทว่าเมื่อเธอเดินมาถึงหน้าบ้านก็ได้ยินเสียงสิ่งของกระทบพื้นดังลั่น ก่อนที่ขาเรียวจะเร่งฝีเท้าเข้ามาด้านใน และสิ่งที่พบทำเอาพิกุลแทบลมจับ เพราะภาพตรงหน้าคือแม่ของเธอกำลังยืนตัวสั่นด้วยท่าทางหวาดกลัว และอีกฝ่ายก็ยังเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างบึกบึนถึงห้าคน
“นี่มันอะไรกัน !”
“อ้าว น้องกุลคนสวย พี่ก็มาทวงหนี้สิจ๊ะ”
“หนี้อะไร เมื่อต้นเดือนก็คืนไปแล้วไง” พิกุลถามเสียงห้วนพลางโอบกอดแม่ตัวเองไปด้วย
“หนี้ตั้งเยอะตั้งแยะคืนทีละหมื่นจะครบเมื่อไหร่” ชายฉกรรจ์พูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่เธอจ่ายเงินงวดนี้ไปแล้ว แต่พวกมันยังเข้ามาทวงและคุกคามแม่เธอถึงบ้าน
“ก็ตกลงกันไว้แล้วนี่”
“ก็นั่นมันหลายปีแล้ว สมัยนี้อะไร ๆ ก็เปลี่ยน”
“อะไรกัน” เสียงหวานพึมพำเมื่อพวกมันไม่แม้จะคำนึงถึงสัญญาที่เคยทำไว้ แล้วยังมีหน้ามารีดไถเอาเงินจากพวกเธออีก
“แต่ถ้าวันนี้น้องกุลไม่มีจ่ายจะเอาตัวเข้ามาแลกก่อนก็ได้นะ”
ไอ้พวกนี้มันจ้องจะเคลมพิกุลมาตั้งนานแล้ว แต่หญิงสาวไม่มีท่าทีจะยอมหรือเอาตัวเข้าแลกเหมือนอย่างคนอื่น ไม่พอแค่นั้นเธอยังมุมานะหาเงินมาใช้หนี้อีกต่างหาก ทั้งที่เอาตัวเข้าแลกให้ลูกพี่พวกมันตั้งแต่แรกก็จบแล้ว
“ฝันไปเถอะ”
“ปากดีเหมือนเดิมเลยนะ แต่ถ้าวันนี้ไม่มีเงินจ่ายก็...”
ชายคนเดิมพูดพร้อมกับไล่มองร่างกายเธอด้วยสายตาน่ารังเกียจ ที่พวกมันต้องมาทวงเงินในวันนี้เพราะว่าเสี่ยวิโรจน์ผู้เป็นเจ้านายอยากจะลิ้มรสหญิงสาวตรงหน้าจนทนไม่ไหวแล้ว
และเป้าหมายการมาครั้งนี้ก็เพื่อบีบบังคับให้พิกุลเอาตัวเข้าแลกอย่างไรล่ะ
“เท่าไหร่ “
“ห้าหมื่น”
“ห้าหมื่น จะบ้าเหรอ ! เงินเยอะขนาดนั้นจะให้ไปหาจากไหน”
“อันนี้ก็ใจดีมากแล้วนะ”
“วันนี้ฉันมีสองหมื่น แล้วเดือนหน้าจะหามาคืนอีก” พิกุลต่อรอง
“เห็นทีจะไม่ได้ ถ้าวันนี้คืนไม่ครบก็ต้องไปหาเสี่ย” ชายคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย และพิกุลรู้ดีว่าการเข้าไปหาเสี่ยที่มันพูดถึงหมายถึงอะไร
ในขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอย่างวิกตกก็เหมือนว่าโชคจะเข้าข้าง เมื่อน้องชายเธอเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับตำรวจนายหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงดังให้ทุกคนได้ยินกันโดยทั่ว
“พวกนี้มันเข้ามาทำร้ายแม่ผมครับ”
“มึง ! ไอ้เด็กเหี้ย”
“เห็นว่าเป็นน้องกุลหรอกนะพวกพี่เลยยอม” กลุ่มคนที่มาทวงหนี้ไม่พูดเปล่า มันส่งมือสากมารับเงินจากเธอพร้อมกับใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปทั่วหลังมือขาวอย่างน่าขยะแขยงจนพิกุลรีบชักมือกลับ ก่อนที่พวกมันจะเดินออกไป
“ขอบคุณคุณตำรวจมากนะคะ”
เมื่อปลอดภัยพรพรรณก็รีบกล่าวขอบคุณตำรวจใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือ และมันเรียกท่าทางประดักประเดิดของผู้ถูกขอบคุณได้เป็นอย่างดี
“ตำรวจที่ไหนล่ะแม่ นี่เพื่อนกฤต”
“หา นี่มันอะไรกัน” พรพรรณร้องเสียงดังเมื่อลูกชายคนเล็กทำเรื่องไม่คาดคิด
“ก็มันตัวใหญ่เลยให้สวมบทบาทนิดหน่อย ไม่คิดว่าพวกนั้นจะเชื่อง่าย ๆ” พชรกฤตพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้แม่และพี่สาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลจนคนที่คิดว่าตัวเองทำดีแล้วเริ่มใจแป้ว
“เฮ้อ อย่าทำแบบนี้อีกนะ” พิกุลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะปรามน้องตัวเอง
“...”
“เข้าใจหรือเปล่า”
“แล้วจะให้ผมเห็นแม่กับพี่โดนซ้อมหรือไง” พชรกฤตตัดพ้อน้อยใจเมื่อถูกห้ามไม่ให้ช่วยเหลือครอบครัว จนคนเป็นพี่สาวต้องรีบเข้าไปกอดปลอบ
“พี่แค่กลัวว่าเรากับเพื่อนจะเป็นอันตรายไปด้วย”
เหตุการณ์เมื่อครู่โชคดีที่พวกมันยอมละมือไปง่าย ๆ แต่เมื่อคิดในทางกลับกันว่าถ้าหากพวกมันไม่ยอมล่ะ น้องชายที่กล้าหลอกราวกับพวกมันเป็นคนโง่คงไม่มีทางปล่อยน้องชายเธอไปเฉย ๆ แน่
“อื้อ” น้องชายที่แม้จะทำตัวเข้มแข็งแต่ภายในก็ยังเป็นเด็กมอปลาย เมื่อได้รับการปลอบโยนจากพี่สาวก็ได้แต่ตอบเสียงอู้อี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเอาเพื่อนมาด้วยจึงขอตัวไปส่งเพื่อนที่บ้านหน้าก่อน