และเมื่อในบ้านเหลือกันสองคน พิกุลก็รีบหันกลับไปถามอาการมารดา
“แม่เป็นอะไรหรือเปล่า”
“แม่ไม่เป็นไร ว่าแต่กุลเถอะ ให้เงินมันไปขนาดนั้นจะมีใช้ไหมล่ะลูก”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าวหนูก็กินที่ร้าน ค่าเดินทางก็พอมีอยู่” หญิงสาวพูดทั้งรอยยิ้มเพื่อให้มารดาสบายใจ แต่พรพรรณรู้ดีว่าลูกสาวของเธอต้องพยายามเข้มแข็งมากแค่ไหน
แขนเรียวของหญิงวัยกลางคนโอบลูกสาวเข้าสู่อ้อมแขน พลางพึมพำซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
“แม่ขอโทษนะลูก ขอโทษจริง ๆ”
หนี้สินของครอบครัวเกิดขึ้นเมื่อสิบปีที่แล้ว สามีและเธอตัดสินใจเปิดร้านอาหารด้วยกัน สามีเธอลาออกจากงานประจำเพื่อมาทุ่มเทให้กับกิจการของครอบครัว
ตอนนั้นพิกุลเป็นเพียงเด็กที่มีฐานะทางบ้านปานกลางเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่สามของการดำเนินกิจการก็มีพิษเศรษฐกิจลูกใหญ่เข้าแทรกจนสามีต้องไปกู้เงินนอกระบบมาบริหารร้าน แต่ถึงอย่างนั้นร้านอาหารของเราก็ไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้อยู่ดี
ก่อนที่สามีของเธอจะจากไปพร้อมกับหนี้สินมากมายที่ยังคงเหลืออยู่
ส่วนพรพรรณตั้งแต่แต่งงานกับสามีเธอก็เป็นแม่บ้านมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อสิ้นเสาหลักของครอบครัวเธอเองก็เสียศูนย์ไปพักใหญ่ และสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการตัดชุด เย็บผ้าเพื่อส่งลูกทั้งสองเรียนหนังสือ
ตั้งแต่ที่พิกุลเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำงานทุกอย่างเพื่อเอาเงินที่ได้มาใช้หนี้ให้กับครอบครัว ลูกสาวเธอไม่เคยขาดส่งหนี้พวกมันเลยสักครั้ง แต่เพราะดอกเบี้ยสุดโหดทำให้ไม่ว่าจะใช้ไปเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที...
...
“กุลเป็นอะไรหรือเปล่า”
“หะ...เปล่าหรอก” ไข่มุกอดถามไม่ได้เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพิกุลดูเหม่อลอยและไม่ค่อยร่าเริงเหมือนปกติ
“มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ”
“เออ...คือ ไข่มุกพอมีงานเสริมแนะนำหรือเปล่า”
“งานเสริมเหรอ”
“อื้ม”
“ตั้งแต่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ก็ไม่มีเวลาไปทำงานอย่างอื่นหรอก ว่าแต่กุลจะหางานไปทำไมอะ” ไข่มุกถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะงานที่ร้านก็หนักมากแล้ว ทำไมเพื่อนร่วมงานเธอถึงถามหางานเสริมกัน
“คือมีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อยน่ะ”
“ทำไมไม่ลองไปขอเบิกเงินล่วงหน้าล่ะ เห็นว่าทางร้านมีสวัสดิการนี้อยู่นะ”
“เบิกเงินล่วงหน้าเหรอ ?”
“ใช่ แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณวินจะให้กี่เดือนนะ ถ้าสนใจเธอลองไปถามคุณภัทรดูก่อนสิ” ไข่มุกบอกเรื่องที่เธอพอรู้ให้กับหญิงสาวตรงหน้าเพราะดูท่าเพื่อนร่วมงานจะเดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ ซึ่งพิกุลที่เพิ่งรู้เรื่องนี้ก็อดดีใจไม่ได้เพราะเธอพอจะเห็นทางออกของปัญหาแล้ว
“อื้อ ขอบใจนะ”
“คุณภัทรคะ”
“อ้าว ว่าไงน้องกุล” ภัทรที่กำลังดูเอกสารเงยหน้าขึ้นมาดูกับพนักงานใหม่ของทางร้าน ถึงแม้พิกุลจะทำงานได้ไม่ทันถึงสามเดือนแต่ก็สนิทสนมกับทุกคนเป็นอย่างดี และเขาก็ยังรู้อีกว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจทำงานและมีความสามารถมากแค่ไหน
“คือ...กุลอยากลองมาถามเรื่องเบิกเงินเดือนล่วงหน้าหน่อยน่ะค่ะ”
“เงินเดือนล่วงหน้าเหรอ จริงๆ ที่ร้านจะให้เฉพาะพนักงานที่ทำงานมากกว่าสามเดือนขึ้นไปนะ” สิ้นเสียงผู้จัดการความหวังที่มีมาทั้งวันก็หายวับไปกับตา
“งั้นหรือคะ” สี
“แต่ไม่กี่สัปดาห์ก็ครบแล้วนี่ใช่ไหม”
“อ่า...ใช่ค่ะ”
“งั้นน้องกุลอยากลองไปขอคุณวินดูไหม”
หน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังทำเอาภัทรที่บอกไปแบบนั้นรู้สึกผิดตามไปด้วย ก่อนจะคิดได้ว่าอัศวินอาจจะหยวน ๆ ให้จึงเสนอทางเลือกให้กับพนักงานใหม่
“คะ ?”
“’วันนี้คุณวินน่าจะเข้าช่วงค่ำ ๆ พอดีเลย ถ้ายังไงน้องกุลลองไปคุยดูนะ” ภัทรรวบรัดเสร็จสรรพโดยไม่รอคำตอบจากพิกุล
เขาพอจะรู้เรื่องราวของหญิงสาวคนนี้จากกวีแล้วบ้าง ว่าเธอต้องทำงานส่งตัวเองเรียนตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าเขาพอจะช่วยเหลือได้ ภัทรก็อยากช่วย...
หลังจากคุยกับคุณภัทรเสร็จพิกุลก็กลับมาทำงานของตัวเองพลางคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากอัศวินดีไหม เพราะเธอรู้สึกว่าเขาไม่ใคร่จะชอบขี้หน้าเธอนัก และนอกจากจะไม่ช่วยเธอกลัวว่าเขาจะดูถูกเหยียดหยามให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจไปขึ้นไปอีก
“น้องกุล คุณวินเรียกค่ะ” ระหว่างที่พิกุลกำลังตรึกตรองอยู่ พี่แพรวก็เดินเข้ามาตะโกนบอกเธอเสียงดัง
“คะ ?”
“เร็ว ๆ เลยค่ะ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวฉันทำต่อให้เอง” ไข่มุกที่เห็นเพื่อนร่วมงานยังคงยืนนิ่งงก็มาสะกิดบอก แล้วอาสาทำงานที่ค้างอยู่แทน
“อะ...อื้อ เดี๋ยวมานะ” แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วพิกุลก็จะขอลองดูสักตั้งแล้วกัน !
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขออนุญาตคนด้านในก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป
“เออ...ไม่ทราบว่าคุณวินมีอะไรหรือเปล่าคะ” พิกุลถามพอเป็นพิธีเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเรียกเธอเข้ามาทำไม
“เห็นคุณภัทรบอกว่าเธอจะขอเบิกเงินล่วงหน้า”
“ค่ะ”
“คุณภัทรไม่ได้บอกเหรอว่าให้เฉพาะคนที่ทำงานตั้งแต่สามเดือนขึ้นไป”
“บอกค่ะ แต่คุณภัทรบอกให้ลองมาคุยกับคุณวินดูก่อนเพราะว่าอีกสองสัปดาห์ก็จะครบสามเดือนแล้ว”
“แล้ว ?”
“คะ ?”
“เธอคิดว่าฉันจะให้เธอเป็นกรณีพิเศษเหรอ”
นั่นไง...พิกุลเดาผิดที่ไหน แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ มีแต่เขาจะดูถูกและซ้ำเติมเธอมากกว่า
“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ” พิกุลบอกเสียงเรียบเมื่อคิดว่าถ้าอยู่ในห้องนี้ต่อไปก็คงไม่พ้นถูกผู้เป็นเจ้านายพูดจาให้ระคายหู แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ออกจากห้องนี้ตามที่คิดเสียงเข้มของคนด้านหลังก็ดังขึ้นก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ ?”
“ถึงเธอจะทำงานยังไม่ถึงสามเดือน แต่ฉันก็ไม่ได้ใจแคบละเลยพนักงานของตัวเองหรอกนะ” แม้ประโยคที่พูดจะดูดีทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมาดร้ายจนพิกุลที่ได้ยินถึงกับถดเท้าถอยห่างไปหลายก้าว ก่อนที่หญิงสาวจะถามกลับเสียงสั่น
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ฉันจะให้เงินเธอเป็นการส่วนตัว”
“...”
“แลกกับการที่เธอต้องมานอนกับฉัน เป็นไง”
“!!!”