“อย่ามาทำเป็นไขสือนะคุณอัศวิน ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรทำไมคุณต้องตามฉันแบบนี้ด้วย”
“ฉลาดใช้ได้” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาราบเรียบราวกับไม่ได้ตกใจที่พิกุลสงสัยในตัวเองเลยสักนิด “ดอกรักอยู่ที่ไหน”
“หา”
“เพื่อนเธอไปอยู่ที่ไหนกันแน่” อัศวินถามออกไปเพราะมีบางอย่างติดอยู่ในใจ จริง ๆ เขาลืมเรื่องราวพวกนี้ไปแล้วด้วยซ้ำจนกระทั่งได้กลับมาเจอเธออีกครั้ง
ไม่อยากเชื่อว่าการเจอกับพิกุลแค่วันเดียวจะทำให้เขานึกเรื่องราวในอดีตได้มากขนาดนี้
“แล้วคุณจะอยากรู้เรื่องเพื่อนฉันไปทำไม”
“เธอมีสิทธิ์ต่อปากต่อคำตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่คุณสะกดรอยตามฉันมานี่แหละ” พิกุลตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว เพราะการที่เขาตามมาถึงบ้านแบบนี้เธอก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน ไม่พอแค่นั้นเขายังมาถามเรื่องเพื่อนเธอหน้าตาเฉยทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องสักนิด
“แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าดอกรักไปอยู่ที่ไหน หรือถ้ารู้ฉันก็ไม่บอกคุณหรอก”
“...” อัศวินจับจ้องดวงหน้าเนียนที่กำลังต่อปากต่อคำอย่างถือดี ทั้งที่เมื่อเช้ายังนอบน้อมอยู่แท้ ๆ
“ทำแบบนี้ไม่กลัวโดนไล่ออกหรือไง”
“คุณคงไม่ไร้เหตุผลขนาดแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออกหรอกมั้งคะ”
“หึ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วเชิญคุณกลับไปเถอะ” พิกุลพูดพร้อมกับเดินนำอีกคนไปยังรั้วเตี้ยหน้าบ้าน เพื่อบอกเป็นนัยว่าเขาควรออกไปจากบ้านเธอได้แล้ว และอัศวินก็ลุกขึ้นเดินตามมาแต่โดยดี
ร่างเล็กอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองคนด้านหลังเป็นระยะเพราะรู้สึกระแวงอยู่ในใจ และท่าทางของเธอมันดูน่าสงสัยจนอัศวินต้องเอ่ยปากถาม
“มีอะไร”
“คุณมาเพราะเรื่องดอกรักงั้นเหรอ”
“ใช่สิ”
“...”
พิกุลคิดตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูด อัศวินไม่ได้สนิทสนมกับเพื่อนเธอเสียหน่อยทำไมเขาต้องตามหาด้วย หรือเขาอยากเอาเรื่องของดอกรักไปบอกเพื่อนตัวเองงั้นเหรอ แต่เพื่อนสนิทเขาเป็นคนขับไสไล่ส่งเพื่อนเธอไปเองนี่ จะมาทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน พิกุลคิดเรื่องต่างๆ อยู่คนเดียวก่อนจะได้ยินประโยคไม่รื่นหูจากคนด้านหลัง
“คงไม่ได้คิดว่าฉันมาที่นี่เพราะเธอหรอกใช่ไหม”
“ไม่อยู่แล้ว”
“ก็ดี เพราะถ้าเธอหลงตัวเองคงตลกน่าดู”
คนถูกแดกดันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพราะวันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันหรอกนะเลยไม่อยากหาเรื่องให้ตัวเองปวดหัวมากไปกว่านี้
อัศวินมองท่าทางเหนื่อยหน่ายของหญิงสาวก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งอย่างแปลกใจเพราะเมื่อครู่เธอยังดูปากเก่งอยู่เลย
“จะไม่เถียงอะไรหน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ เชิญคุณกลับบ้านไปเถอะ” พิกุลพูดขึ้นเมื่อเราทั้งสองเดินมาถึงรถยนต์คันใหญ่ แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวพ้นรั้วบ้านเธอก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้
“อ๋อ…อีกอย่างที่คุณทำวันนี้มันเหมือนโรคจิต ที่ชอบสตอล์คเกอร์คนอื่นไปทั่ว อ๊ะ-”
พูดไม่ทันจบประโยคทั้งร่างก็ถูกจับให้หันมาประจันหน้า ก่อนที่ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาอย่ารวดเร็ว ทำพิกุลมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เรียวลิ้นชื้นสอดแทรกเข้ามาลิ้มรสความหวานฉ่ำภายในอย่างรุกล้ำและเร่าร้อน โดยไม่ลืมขบเม้มริมฝีปากล่างเธออย่างแรงราวกับกำลังสั่งสอนว่าอย่ามาปากดีใส่เขาอีก
แรงขบเม้มของอัศวินทำเจ้าของปากอิ่มสะดุ้งราวกับถูกไฟฟ้าช็อตไปทั่วสรรพางค์กาย ก่อนที่เขาจะใช้สัมผัสนิ่มหยุ่นจากลิ้นชื้นไล่เลียราวกับปลอบขวัญ
ริมฝีปากสีหวานถูกครอบงำด้วยคนมากประสบการณ์ จนสองขาเรียวแทบแทบยืนไม่อยู่ มือขาวทั้งสองข้างทำได้เพียงผลักดันกล้ามเนื้อแข็งแรงให้ออกห่าง ทว่าอีกฝ่ายกับบดเบียดร่างกายเข้ามาใกล้ชิดกว่าเดิม มิหนำซ้ำมือหนาข้างหนึ่งยังละจากใบหน้าเธอมาโอบรอบเอวคอดไม่ให้พิกุลหลีกหนีสัมผัส ก่อนจะรั้งสะโพกผายเข้าไปแนบชิดร่างใหญ่
พิกุลสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งที่ดุนดันอยู่แถวท้องน้อย ก่อนจะขนลุกซู่เมื่อเขาจับมือบางให้เคลื่อนไปสัมผัสมันผ่านเนื้อผ้า และแม้พิกุลจะพยายามชักมือกลับมากเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้แรงของร่างสูงใหญ่ได้เลย
แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเกินเลยไปมากกว่านี้ เสียงพูดคุยและเสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้เรื่อย ๆ บ่งบอกให้รู้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางที่พวกเขาทำเรื่องน่าอายอยู่
“อื้อ!”
พิกุลพยายามผลักอกหนาออกด้วยมือข้างเดียวเพราะกลัวจะมีคนมาเห็นเข้า แต่อัศวินกลับหน้าหนากว่าที่ เพราะนอกจากเขาจะไม่ปล่อยแล้วยังบังคับทิศทางให้มือเล็กลูบไล้ไปตามแท่งอวบอีกต่างหาก
ยิ่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นพิกุลก็ยิ่งดิ้นรนขัดขืน และมันมาพร้อมกับความเร่าร้อนที่คนหน้ามึนส่งมาให้ ก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออกมาโดยไม่ลืมดูดดึงแรง ๆ ส่งท้ายทำริมฝีปากอิ่มเกือบหลุดเสียงน่าอาย
เมื่อเป็นอิสระขาเรียวก็ถดออกห่างจากร่างสูงใหญ่ทันทีเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ทำเธอระแวงเขาไม่น้อย พอดีกับตากลมเหลือบไปเห็นคนที่กำลังเดินผ่านมา พิกุลจึงส่งยิ้มให้เพื่อนบ้านบางเบาก่อนจะหันกลับมามองอัศวินอย่างเอาเรื่อง
สองมือปิดประตูรั้วเสียงดังก่อนจะย้ำเท้าเข้าไปในตัวบ้านโดยปล่อยให้แขกที่เธอไม่ได้รับเชิญมองตามอยู่อย่างนั้น
อัศวินมองแผ่นหลังที่ลับสายตาไปแล้วสลับกับเป้ากางเกงที่แข็งนูนออกมาเป็นลำพลางเหยียดยิ้ม ก่อนที่เขาจะส่งเกลียวลิ้นออกมาเลียรอบริมฝีปากที่เพิ่งบดจูบอีกคนไปเมื่อครู่
“หวานใช้ได้”