EPISODE 03
“เอ่อ...คือ...” ทองเอกอ้ำอึงที่จะพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอย่างเห็นได้ชัด และท่าทีแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดในความชักช้าของอีกฝ่าย หงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“อะไรว่ะ! มีอะไรก็รีบพูดออกมาสิว่ะไอ้เอก มัวอ้ำอึ้งอยู่นั้นแล้วกูจะรู้เรื่องมั้ย!” ผมพูดกับมันอย่างมีอารมณ์
“คือว่า...คุณอีฟเป็นผู้หญิงของนายอีกคนครับ นายได้ตัวเธอหลังจากที่ไปทวงหนี้กับลูกหนี้คนหนึ่งที่ติดนาย แต่อีกฝ่ายดันมาตายตัดหน้าเสียก่อนนายเลยเอาตัวคุณอีฟมาใช้หนี้แทนครับ” พอพูดจบทองเอกก็ถึงกับเป่าปากออกมาเหมือนกับโล่งใจที่ได้พูดมันออกมา
“ลูกหนี้? อย่างนั้นเหรอ” ผมถามทองเอกเสียงเบา ก่อนจะหันกลับไปถามมันอีกครั้งด้วยเสียงที่จริงจัง "...แล้วเธอใช้หนี้ฉันหมดหรือยัง"
ผมใช้สายตาคมดุจ้องมองทองเอกอีกครั้ง เพื่อที่มันจะได้ไม่โกหกผมเพราะผมรู้ว่ามันเป็นคนชอบใจอ่อนและขี้สงสาร แต่น่าแปลกที่สามารถทำงานกับคนเลือดเย็นอย่างผมได้ น่าแปลกจริงๆ
“เฮ้อ! ครับ เธอยังใช้หนี้ไม่หมด แต่ผมว่าปล่อยเธอไปเถอะครับ เธอน่าสงสารมากเลยเวลาอยู่กับคุณ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวแต่ต้องมาทนอารมณ์รุนแรงของคุณทุกวัน ผมว่าเธอน่าสงสารและน่าเห็นใจมากเลยครับ” ผมหรี่ตามองทองเอกก่อนจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“คนอย่างมึงมันชอบใจอ่อน ระตัวไว้เถอะเดี๋ยวจะเสียรู้ผู้หญิงเข้าสักวัน”
ผมบอกกับคนสนิทแค่นั้นก็ลุกจากที่นั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานและเดินลงบันไดชั้นล่างไปยังห้องอาหาร
และในระหว่างที่เดินลงมายังชั้นสอง ผมก็รู้อีกด้วยว่าทองเอกกำลังเดินตามผมมาห่างๆ พร้อมกับประโยคหนึ่งที่ผมฟังแล้วรู้สึกคุ้นหูพิลึก แต่ก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายกลับ
“คุณพลครับปล่อยเธอไปเถอะนะครับ ผมขอร้อง...”
-End talk-
“อันนา! ลาเต้โต๊สาม”
เสียงของพี่จอยเจ้าของร้าน ‘Coffee Day’ ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ดังขึ้นมาจากหน้าเคาน์เตอร์สำหรับรับออเดอร์ ถึงพี่จอยจะเป็นเจ้าของร้านแต่เธอก็มีหน้าที่รับออเดอร์ลูกค้ากับทำเครื่องดื่มให้กับลูกค้า
แต่ที่พี่จอยต้องไปรับออเดอร์ลูกค้าตอนนี้นั้น เป็นเพราะยังไม่ถึงเวลางานที่น้องนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์จะเข้าเวลางาน
ดังนั้นภายในร้านกาแฟแห่งนี้จึงมีแค่ฉัน พี่จอย พี่เสือ และน้องวุ้นเพียงเท่านั้น และโชคยังดีที่เวลานี้ลูกค้ายังไม่ค่อยเข้าร้านกันสักเท่าไหร่ พวกเราสี่คนจึงมีเวลาหายใจ และนั้นจึงทำให้ฉันตอบรับพี่เจ้าของร้านกลับไปไม่ได้
“ค่ะพี่จอย”
ฉันตอบกลับไปก่อนจะหันมาชงลาเต้ให้ลูกค้าที่สั่งทันที และเพียงไม่นานกลิ่มหอมของเครื่องดื่มที่เรียกกันว่าลาเต้ก็ปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่าง
โดยใส่ภาชนะแก้วพลาสติกสีใสที่มียี่ห้อร้านไว้อยู่ข้างแก้ว ก่อนจะนำมาใส่ถาดและยกไปเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะสามตามที่พี่จอยบอกก่อนหน้านี้
“ลาเต้หนึ่งที่ได้แล้วค่ะ”
ฉันบอกกับคุณลูกค้าเสียงหวานใสก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร และก็ยิ่งยิ้มหวานขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเป็นมิตรเช่นกัน ฉันจึงเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกค้า ซึ่งตอนนี้ลูกค้าภายในร้านนั้นมีแค่ไม่กี่คนเพียงเท่านั้น
“วุ้นเป็นไงบ้างเหนื่อยไหม” ฉันเดินไปยังหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะวางถาดและหันไปถามรุ่นน้องเสียงนุ่ม ที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนที่วุ่นจะตอบกลับมาเสียงใสตามประสาเด็กอารมณ์ดี
“ไม่เลยค่ะพี่อันนา วันนี้รู้สึกว่าลูกค้าบางตากว่าเมื่อวานมาก...แล้วพี่อันนาล่ะค่ะเหนื่อยไหม วุ้นได้ยินมาว่าพี่ต้องทำงานพิเศษหลายงานเลยนี่ค่ะ แบบนี้คงเหนื่อยกว่าวุ้นแน่ๆเลย”
“มันก็มีบ้างแหละ แต่พี่ว่าดีออกจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นให้วุ่นวายใจแถมยังได้เงินอีกต่างหาก” ฉันตอบวุ้นกลับด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“พี่อันนาเนี่ยสวยนะค่ะ วุ้นยิ่งมองก็ยิ่งชอบ...ผู้หญิงอะไรสวยหวานได้ขนาดนี้ น่าเสียดายวุ้นเกิดมาเป็นผู้หญิงเสียก่อนไม่อย่างนั้นวุ้นจะจีบพี่อันนามาเป็นแฟนเลยคอยดูสิ” วุ้นบอกกับฉันพร้อมกับทำหน้าเสียดายอะไรสักอย่างก่อนจะพูดขึ้นมาอีกว่า “วุ้นชอบรอยยิ้มของพี่อันนาจัง พี่อันนายิ้มสวย”
“วุ้นก็สวยนะ ได้ข่าวมีหนุ่มๆมาคอยจีบเราเยอะแยะเลยนี่” ฉันที่ถูกชมว่าสวยก็ถึงกับรู้สึกเขินน้องอย่างบอกไม่ถูก จึงหาเรื่องแซวอีกฝ่ายกลับคืนไปบ้าง
“พี่อันนา...อย่าไปบอกใครนะค่ะว่าวุ้นซ่อนผู้ชายเอาไว้ เดี๋ยวรู้ถึงหูพี่แจ๊คแล้ววุ้นจะโดนดุเอา” ประโยคแรกที่วุ้นเรียกชื่อฉันนั้นราวกับกระเง้ากระงอนแต่ก็ยังมีกวักมือเรียกให้ฉันก้มลงไปฟังเธอใกล้ๆ ก่อนที่เธอจะใช้น้ำเสียงทีเล่นทีจริงในประโยคต่อมา พร้อมกับยิ้มไม่หุบ
“ฮืม!...เราเนี่ยลายออกตั้งแต่เด็กเลยนะ”
ฉันบอกกับวุ้นเสียงไม่จริงจังก่อนจะหันมาหน้าเคาน์เตอร์เมื่อมีลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมาทางนี้ และนั้นทำให้ฉันเอ่ยทักลูกค้าออกไปตามที่ได้รับการอบรมจากพี่จอยเจ้าของร้าน
“สวัสดีค่ะ จะรับเมนูอะไรดีค่ะ” ฉันยิ้มส่งไปให้เธออย่างเป็นมิตร ผู้หญิงคนนี้สวยจัง สไตล์การแต่งตัวก็ดูคลายๆกับฉันแต่จะต่างกันตรงที่ ผู้หญิงตรงหน้าเธอนี้ปล่อยผมยาวแต่ฉันตัดผมสั้นแค่ปะบ่าเพียงเท่านั้น
“ฉันขอกาแฟดำแล้วกันค่ะ” เสียงเธอก็หวานราวกับของหวานนั้นอีก ได้ยินแล้วรู้สึกดีจัง....