เพื่อนจ๋าปรึกษาหน่อยสิ

1554 Words
ตอนที่ 8 บริษัทรับเหมาก่อสร้างในเครือบวรกิจ เสียงฝีเท้าลูกน้องคนสนิทของคุณนายนวลฉวีรีบวิ่งมาเคาะประตูห้องทำงานของประธานบริษัท “คุณนายคะ คุณภาคินัยกลับมาแลวคะ...” “ล้มเลิกงานหมั้นได้ก็โผล่หัวมาเชียวนะ” คุณนายนวลฉวีพึมพำ “จะให้ดิฉันตามคุณภาคินัยมาพบเลยมั้ยคะ” “ไม่ต้อง” คุณนายรู้ดีว่าลูกชายคงมีข้อแก้ตัว ดี ๆ แล้วถึงได้กล้ากลับมาทำงาน ระหว่างที่คุณนายรอลูกชายอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “คุณท่านค่ะ คุณภาคินัย กลับมาแล้วนะคะ” “เออ! ๆ . ฉันรู้แล้วน่า แหม่! แม่พวกนี้ นี่ก็” ระหว่างนั้นคุณนายนวลฉวี จึงไม่รอให้ลูกชายมาหาอีกต่อไป ตัดสินใจเดินไปที่ห้องลูกชายของเธอทันที “สวัสดีค่ะ ท่าน คุณภาคินัยอยู่ด้านในห้องค่ะ” เลขาหน้าห้องของภาคินัยยกมือไหว้คุณนวลฉวี แล้วรีบบอกว่าภาคินัยอยู่ในห้องแล้ว “อืม สวัสดีจ้ะ” “อ่าว!!.. สวัสดีครับคุณแม่ โธ่! ต้องมาด้วยตัวเองเลยหรือครับเนี่ย!.. อันที่จริงคุณแม่แค่โทรบอกเลขาหน้าห้องผม ผมก็ไปหาคุณแม่แล้ว “แล้วถ้าฉันไม่มาเอง แกคิดจะไปหาฉันตอนไหนยะ” “ผมมีเอกสารรอเซ็นต์ครับ เสร็จก็ว่าจะรีบไปหาคุณแม่เลย” “เล่ามา แกหนีงานหมั้นทำไม แกรู้มั้ยฉันเสียหน้าแค่ไหน” “ก็ผมบอกแม่ว่า ผมไม่ได้รักผู้หญิงของแม่ น้องเง็ก อะไรนั่นเลย” “หนูเง็ก เธอไม่ดีตรงไหนไม่ทราบ ห๊า!” “ผมก็ไม่ได้ว่าเธอไม่ดีนี่ครับ แต่ผมไม่ได้รัก ต่อให้เธอดีแค่ไหนผมก็ไม่รัก เออแม่ครับ ผมมีคนรักของผมแล้ว เอาไว้ผมเคลียร์งานเสร็จ จะพามาให้คุณแม่รู้จักนะครับ” “ไหนเมื่อก่อนไม่เห็นแกบอกมีใครนี่ อย่าบอกนะว่าที่หายไปวันสองวันนี้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วน่ะ” “อืม!.. ก็ประมาณนั้น กฎของคุณแม่ก็คือ ถ้าผมมีแฟนเมื่อไหร่ แม่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ผมหมั้นอีกต่อไป “ก็ได้แต่แม่จะต้องได้เจอผู้หญิงคนนั้นเสียก่อน” “รับรองว่าคุณแม่ได้เจอเธอแน่นอนครับ” “อ้าว! เจน ออกเวรแล้วเหรอ” สุรีย์พรทักเพื่อนสาวเสียงใสแม้จะไม่ได้นอนมาทั้งคืน เพราะเธอถูกเรียกตัวมาด้วยเคสด่วน เนื่องจากคนไข้อาการโคม่า ทำให้เธอต้องมาที่โรงพยาบาลกลางดึกเมื่อคืนนี้ และเพิ่งออกจากห้องผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี... “อือ เพิ่งเสร็จเนี่ยแหละ แกล่ะ” เจนจิราบีบนวดตามแขนตัวเองไปมาเนื่องจากวันนี้มีเคสเจาะเลือดหลายราย และเพิ่งออกเวร เธอกะว่าจะไปหาอะไรกินสักหน่อยก่อนที่จะกลับไปนอนพักเอาแรง “เฮ้อ...เคสด่วนน่ะสิแก ฉันเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อกี้เอง...” “เหรอ เข้าเวรต่อมั้ย หรือว่ากลับบ้านเลย” เจนจิราถามอีกฝ่ายตาวาวเพราะอยากมีเพื่อนกินข้าว ได้นอนช้าอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร “อืม กลับบ้าน ง่วง แล้วแกล่ะ” ตอนนี้เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยายเพื่อนตัวดีชวนคุยทำไมเนี่ย “ไปหาอะไรกินกันเปล่า” เจนจิราดึงแขนเพื่อนสาวให้ออกจากโรงพยาบาลทันที เพราะการยืนคุยกันที่ตรงนี้คงไม่สนุกเท่าไหร่นัก แม้จะถูกคนอื่นมองอยู่ บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ชินเลย ให้ตายสิ แม่เพื่อนตัวดีก็ยังไม่สนใจหน้าตาตัวเองเอาเสียเลย บอกว่าอยากมองก็มองไปเธอไม่สนใจหรอก หลังจากที่เพื่อนรักมาหาเธอที่บ้านในกรุงเทพฯ ด้วยน้ำตานองหน้า ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาได้สามปีแล้ว สุรีย์พรไม่เคยสนใจหนุ่ม ๆ ที่เข้ามาขายขนมจีบอีกเลยแม้แต่คนเดียว เอาแต่บอกว่ายังไม่ใช่...สเปก แต่เจนจิรารู้ดีว่าภายใต้ความเย็นชาที่สุรีย์พรแสดงออกต่อหน้าหนุ่ม ๆ พวกนั้น เธอยังลืมเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แต่อย่างว่าแหละ มันต้องใช้เวลาในการเยียวยารักษาหัวใจ... ขนาดว่ามีหลายคนล่าถอยไปเพราะความเย็นชาและการเอ่ยตัดบทตรง ๆ ของสุรีย์พร กระนั้นก็ยังมีบางคนที่ยังสู้ด้วยความหวังว่าสักวันเธอจะยอมใจอ่อน “ยัยเจน แกไม่ง่วงรึไง มาลากฉันไปอย่างนี้น่ะ” สุรีย์พรถามเพื่อนรักอย่างสงสัย ทั้งที่อีกฝ่ายเข้าเวรมาทั้งคืนแล้ว ก็น่าจะต้องการการพักผ่อนมากกว่าที่จะไปหาอะไรกินสิ “ง่วงสิ แต่หิวมากกว่า แกอย่าขัดได้มั้ย ตอนนี้ท้องฉันมันร้องจนจะเป็น จังหวะแร็พอยู่แล้วนะตอนนี้” เจนจิราพยักหน้าเป็นเชิงสนับสนุนคำพูด ไอ้ง่วงก็ง่วงอยู่หรอก แต่หิวมากกว่านี่สิ ขืนกลับบ้านไปเธอไม่มีปัญญาทำกินเองแน่ “เดี๋ยวนี้ไม่กลับไปกินที่บ้านแล้วเหรอ” “วันนี้ฉันไม่ได้ให้แม่ทำเผื่อน่ะ พอดีฉันมีเรื่องอยากปรึกษาแกพอดี” “เอา!..งั้นก็ไปสิ” ระหว่างทานข้าวโต้รุ่งกันอยู่นั้น สุรีย์พรก็เปิดประเด็นถามเรื่องที่เพื่อนสาวบอกว่ามีจะเรื่องจะปรึกษา “เห็นแกบอกมีเรื่องจะปรึกษา สรุปเรื่องอะไรวะ” “ก็เพื่อนพี่ก้องนะสิ ชื่อคุณภาคย์ หรือว่าคุณภาคินัย” “เดี๋ยวๆ หยุดก่อน เค้าหล่อมั้ย คริ ๆ ๆ” “เออ..ก็พอไปวัดแหละ” “เล่าต่อ ๆ” “เค้ามาขอให้ฉันไปเป็นแฟน เพื่อไปหลอกแม่ของเขาที่จะบังคับให้เขาหมั้น” “เหรอ!.. แล้วทำไมต้องเป็นแกด้วยว่ะ” “ก็ฉันสวยไง ฮ่า ๆ” เจนจิราได้ทีตบมุกซะเลย “ก็เรื่องนี้แหละที่มาปรึกษาแกไง ถ้าแม่เขายอมรับฉันเป็นสะใภ้ล่ะก็ฉันจะได้ค่าตอบแทนเป็นเงินห้าล้านบาท” “แล้วแกตกลงกับเขาไปหรือยัง” “ยังเลย” “จะยากอะไรแกก็ลองปรึกษา พี่ก้องดูสิ เพราะว่าเพื่อนเขาเป็นคนยังไงเขาก็น่าจะรู้ดี ดูพี่ก้องก็ห่วงแกอยู่นะ ถ้าเพื่อนนิสัยไม่ดีจริงพี่ก้องคงไม่ยอมให้คบหรอก” “สวัสดีครับสองสาว” เสียงของคุณหมอหนุ่มตะโกนดังมาแต่ไกล “เฮ้ย! อีตาพี่ก้องนี่ตายยากชะมัด พูดปุ๊บมาปั๊บเลยว่ะแก” “สวัสดีค่ะพี่ก้อง/ดีค่ะพี่ก้อง” สองสาวต่างทักทายหนุ่มหล่ออย่างพร้อมเพรียง “กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือครับ น้องเจน น้องพร” “เอาตรง ๆ เลยนะพี่ ก็เพื่อนพี่มาจีบเพื่อนพร ไหนยังจะจ้างไปเป็นแฟนอีก “ห๊า!!.. จริงเหรอเจน ไอ้ภาคย์ใช่มั้ย ว่าแล้ว ไอ้นี่ต้องชอบเจน มันพูดกับพี่นะ มันบอกว่าหลงรักเจน อยากได้เจนเป็นแม่ของลูก” “แล้วพี่ก้องพอจะรู้เหตุผลมั้ยคะ ว่าทำไมเพื่อนพี่ถึงต้องจ้างเจนไปเป็นแฟน ถ้าชอบก็คบกันเปิดเผยไม่ต้องเป็นแฟนหลอก ๆ ก็ได้นี่คะ” สุรีย์พรถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพื่อน “มันก็ปรึกษาพี่อยู่มันบอกว่าเจนไม่ยอมเป็นแฟนกับมัน มันก็เลยต้องใช้วิธีนี้ไปก่อน เอางี้มั้ยถ้าเจนอยากเคลียร์ หรือจะไม่ตกลงรับข้อเสนอของมันเดี๋ยวพี่เคลียร์ให้” “ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวเรื่องนี้เจนคุยเองก็ได้” “อืมได้..จริงมันก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก แม่มันอยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา ทุกวันนี้ลอยไปลอยมา แม่มันกลัวผู้หญิงไม่ดีมาจับเอา เลยอยากให้หมั้นกับลูกสาวคนรู้จักกันเอาไว้น่ะ แต่ไอ้ภาคย์มันไม่ชอบเลยหนีมาให้พี่ช่วยเรื่องนอนโรงพยาบาลวันนั้นไง” “สมน้ำหน้า” เจนจิราพึมพำ “แกไปสมน้ำหน้าเขาทำไมล่ะ ยัยเจน” สุรีย์พรถามขึ้น “ก็อยากทำตัวเจ้าชู้จนแม่ไม่ไว้ใจยังไงล่ะ” “อันที่จริงมันก็ไม่ได้เจ้าชู้หรอก แต่ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาของมันทำให้มีสาว ๆ เข้าหาไง" “เออ!.. มื้อนี้พี่ขอเป็นเจ้ามือนะครับ” หลังจากพูดจบก้องเกียรติก็เรียกพนักงานเก็บเงิน วางธนบัตรสีเทาใต้ใบเสร็จแล้วก็เดินตามสองสาวออกไป “น้องพร ลงเวรแล้วไปไหนต่อมั้ย” “ก็กลับบ้านเลยค่ะ "งั้นให้พี่เลยไปส่งมั้ยครับ" “พรเอารถมานะคะ ถ้าพี่ก้องอยากไปส่ง ก็ต้องไปรับเย็นนี้ด้วย พรจะได้จอดรถไว้ที่โรงพยาบาล” 'ก็ดีเหมือนกัน ยุคนี้น้ำมันแพงจะตาย อยากรับส่งก็รับไปสิ เซอะ!' “ก็ได้ครับน้องพร พี่ยินดีครับ” “พี่ก้องค่ะ งั้นฝากเพื่อนเจนด้วยนะคะ” เจนจิรารู้ดีกว่าก้องเกียรติก็แอบมีใจให้กับสุรีย์พร เพียงแต่ว่าเพื่อนของเธอยังไม่เปิดใจรับใครก็เท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD