นายศรุตทั้งเจ็บใจและเจ็บปวด เขานั่งเครียดในห้องทำงานของตัวเองอยู่นาน ความทรงจำในอดีตกลับมาอีกครั้ง...
ตอนนั้น เขากับภาษิตร่วมกันก่อตั้งบริษัทเอสพี ไทยแลนด์ ขึ้นมาด้วยกัน มันเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ที่เพื่อนรักทั้งสอง ช่วยกันทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจด้วยทุนจำนวนหนึ่งที่หามาด้วยกัน ทั้งสองสัญญาว่า จะประคับประคอง เอสพี ไทยแลนด์ ตราบนานเท่านาน จนกว่าจะถึงรุ่นลูกเพื่อส่งต่อให้กับทายาทของทั้งสองฝ่ายให้ช่วยกันบริหารต่อด้วยหุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นเท่ากัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า บริษัทเล็กๆ ก็ขยับขยาย สาขากระจายออกไปอย่างรวดเร็ว นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นของความโลภที่ทำให้เพื่อนรักกลายมาเป็นศัตรูกันในที่สุด
ในตอนนั้นความรู้สึกบางอย่างได้ก่อตัวในความคิดและความรู้สึกของศรุต จนรู้สึกว่าตัวเองควรได้รับประโยชน์จากพีเอส ไทยแลนด์ให้มากกว่าภาษิต ถึงจะถูกต้อง ศรุตที่ได้มีความสัมพันธ์ลับกับเลขาส่วนตัวแสนสวย ก็ได้ร่วมมือกับหล่อน เพื่อยักยอกเงินในบริษัท จนกระทั่ง ความลับได้หลุดรั่วออกไปได้ แต่ถึงตอนนั้น เอสพี ไทยแลนด์ก็เหมือนตกอยู่ในมือของศรุตมากกว่าครึ่งแล้วละ
ในวันที่ภาษิตรู้ว่าโดนเพื่อนรักทรยศหักหลัง เขาได้ไปถามถึงบ้าน ทั้งสองได้ไปคุยกันในสวน ที่มีบ้านอีกหลังที่จะสร้างเอาไว้ ศรุตบอกภาษิตว่า เขาจะสร้างเรือนไม้ในฤดูร้อนอีกหลัง ปลูกดอกไม้ล้อมรอบ เนื่องจากทอฝันชอบดอกไม้ที่สุด
“แล้วฉันละ ศรุต ? ฉันละ ฉันไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้วนะ แกกำลังโดนปีศาจครอบงำ ไอ้รุต แกตื่นมาสิ ตื่นมาเป็นศรุตคนเดิมอีกครั้งสิ”
“พอกันทีเถอะภาษิต เอสพี. เกิดขึ้นเพราะเราสองคนก็จริง แต่รายได้หลัก ก็มาจากการโฆษณาของฉัน นายมันก็แค่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จเท่านั้น”
ภาษิตหมดเรี่ยวแรง ใบหน้าของศรุต ทั้งเย็นชา ทั้งเมินเฉย เหมือนจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว วันที่เพื่อนสองคนจะกอดคอกันไปจนวันตาย
“ฉันหมดทุกอย่างแล้ว! ลูกชายของฉันละศรุต นายช่วยเห็นใจกันบ้างไม่ได้หรือไง? !!”
“อย่ามาดึงคอเสื้อของฉันแบบนี้นะ ไอ้ษิต เฮ้ ! ใครอยู่ตรงนั้น มาช่วยหน่อย ลากตัวเขาออกไปให้พ้นๆ บ้านฉันสักที!”
ความจริง ศรุตเองก็รู้สึกผิดต่อเพื่อนรักในส่วนลึกของหัวใจอยู่เหมือนกัน ลำพังเขาไม่ได้กล้าพอที่จะทำร้ายเพื่อนให้หมดสิ้นหนทางขนาดนั้น แต่อาจเป็นเพราะเลขาสาวแสนสวยคอยยุยงอยู่ข้างหลัง จึงทำให้กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ใจดำเช่นนี้
หลังจากยึดบริษัทมาครอบครองได้ เขาก็เสวยสุขกับสิ่งที่ได้มาด้วยความไม่สบายใจนัก ในทุกค่ำคืนเขานอนหลับไม่สนิท สมองวกวนถามถึงความผิดชอบชั่วดีแทบจะทุกลมหายใจเข้าออกราวกับคนที่ไม่สามารถหลุดพ้นจะเงามืดได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่เขาที่ได้รับข่าวของเพื่อน ภาษิตตัดสินใจยิงตัวตาย ในขณะที่ลูกสองคนหลับอยู่ หัวใจของศรุตเจ็บ...แต่พยายามบอกตัวเองว่า ไม่เป็นอะไร
เขาไปงานศพของเพื่อนเพื่อร่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับไปที่รถ ศรุตรับรู้ได้ถึงสายตาอาฆาตจากลูกชายคนเล็กของเพื่อนที่ส่งมาให้กับเขา จนรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก หลังจากวันที่เขาหันหลังเดินขึ้นรถขับออกไป เขาก็ไม่ได้ข่าวคราวของลูกชายทั้งสองของเพื่อนอีกเลย
กระทั่งหลายปีผ่านมาได้รู้จักกับประกาศิต นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่จงใจเข้ามาในชีวิตของลูกสาว และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสร้างมาจนหมดสิ้น!
ศรุตน้ำตาไหล เขาเจ็บปวด แต่ทราบดีว่า ทอฝันเจ็บปวดมากกว่า ความรู้สึกผิด ทำให้เขาเจ็บแปลบที่หน้าอก มันเป็นมาสักพักแล้ว ทว่าครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ
ชายวัยใกล้หกสิบพยายามผ่อนลมหายใจให้สงบ แต่ภาพที่ตัวเองเสียเอสพี ไทนแลน ไปแล้ว ก็ทำให้หัวใจยิ่งบีบตัวมากขึ้น จนหายใจไม่ออก
เวรกรรมมันมีจริงๆ
“อึก ! แฮ่กๆๆ”
หัวใจบีบมากขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวดมากขึ้นทุกขณะ ในวินาทีนี้ ศรุตก็นึกถึงความผิดทั้งหมดของตัวเอง แต่ความทรมานมันก็ไม่ได้หายไปไหนเลย
เหงื่อกาฬออกมาเต็มใบหน้า ศรุตประคองตนให้ลุกขึ้นยืน จะลุกไปตามคนใช้ให้มาช่วย แต่แล้วเพียงลุกยืนตรงหน้าก็มืดทันที
ตึง ! โครม !
ร่างของเขาล้มคว่ำใกล้เก้าอี้ พยายามคลานร่างไปที่ประตู นึกในใจว่าบ้านที่เคยมีคนจำนวนมากมาย ทำไมวันนี้กลับเหมือนจะเงียบเหงา หรือจะเป็นเวลาที่หมดลงแล้ว มันถึงกลายเป็นอย่างนี้
“ชะ…ช่วย ด้วย”
เสียงที่ออกมา แข่งกับการสูดลมหายใจเข้าปอด ประตูช่างห่างไกล และแม้นคลานมาถึงเขาก็ไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นเปิดออกได้
“อึก !”
ในขณะที่คิดจะยอมแพ้ ลูกบิดประตูกลับถูกหมุนและผลักเข้ามา ศรุตเห็นร่างด้วยสายตาที่พร่าเลือน เสียงร้องตะโกนก็ดูเหมือนไกลแสนไกล เหลือเกิน...
“คุณพ่อ !!!”
หลังจากนั้น เขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย แม้ว่าลูกสาวจะร้องเรียกดังแค่ไหนก็ตาม เธอพยายามร้องให้คนในบ้านมาช่วย แล้วก็โทรหารถโรงพยาบาลให้มารับ ลมหายใจของคนเป็นพ่อแผ่วเบา
“คุณพ่อ ตื่นมาก่อนสิคะ ฮือๆๆ คุณพ่ออย่าเป็นอะไรไปเลยนะคะ”
น้ำตาของหญิงสาวไหลพรากออกมา เธอตั้งใจจะมาขอพ่อไปเมืองนอกสักพักเพื่อรักษาหัวใจที่บอบช้ำ แต่กลับพบกับพ่อ ที่กำลังหมดสติแทน ทุกอย่างที่เลวร้าย มันเกิดขึ้นใกล้เคียงกันเกินไป เกินที่ใจบอบบางของเธอจะรับได้ไหวอีกต่อไป
พ่อของเธอ ถูกส่งไปในห้องฉุกเฉินเพื่อปั๊มหัวใจเป็นการด่วน หมอได้ให้เธอเซ็นอีกว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะถอดสายช่วยหายใจ จะไม่มีการปั๊มหัวใจอีกรอบแล้ว เนื่องจากครั้งนี้ อาการของพ่อเธอ สาหัสมากแล้วจริงๆ
ทอฝันรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนถูกทอดทิ้งอยู่บนโลกนี้ให้เผชิญกับความเจ็บปวดตามลำพัง สิ่งเดียวที่อยู่เป็นเพื่อนเธอตอนนี้คือน้ำตา