ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
หลังเสร็จเรื่องงานศพของบิดา ธาวิตสั่งให้นายบุญ คนขับรถเก่าแก่ของบิดาที่เวลานี้คงต้องมารับใช้เขาขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อมาเยี่ยมมารดาที่พักรักษาตัวอยู่ ชัชวีร์บอกว่ามารดาของเขานั้นรู้สึกตัวแล้วตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบข้างได้ดี แต่ยังไม่สามารถขยับร่างกายซีกขวาได้ มิหนำซ้ำยังพูดสื่อสารไม่ชัดเจน แต่หลังจากได้รับการผ่าตัดแล้วถ้าได้รับการทำกายภาพบำบัดที่ดีก็มีโอกาสกลับมาเป็นปกติได้ไม่ยาก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของท่านเป็นสิ่งสำคัญ แต่ปัญหาก็คือ คุณอรสากลับไม่ยอมทำกายภาพบำบัด
ธาวิตกำลังจะเดินเข้าไปในห้องพิเศษของมารดาที่มีราคาค่าบริการต่อคืนหลายหมื่นบาท เป็นห้องผู้ป่วยวีไอพีอยู่ในโซนที่เป็นส่วนตัว เมื่อผลักประตูเข้าไป สายตาคู่คมแอบเห็นพยาบาลสาวกำลังดูแลมารดาของเขาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรจากทางด้านหลัง แม้ว่าท่านจะโมโหร้ายใส่ จนเผลอปัดข้าวของหล่นลงพื้นด้วยความหงุดหงิดในสภาพพิการของตนเอง เพราะยังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้
มารดาเขาต้องเสียบุคคลที่รักที่สุดคนหนึ่งซึ่งอยู่กันมาเกือบทั้งชีวิต ไหนจะร่างกายที่เคยขยับเขยื้อนและทำทุกอย่างได้ด้วยตนเอง เวลานี้ต้องมารอคอยให้คนอื่นปรนนิบัติ คุณอรสารู้สึกราวกับว่ากำลังตายทั้งเป็น ทำไมมัจจุราชถึงไม่พานางไปพร้อมกับผู้เป็นสามี โชคชะตาโหดร้ายเกินไปที่พรากนางกับสามีแยกจากกันไปตลอดกาล แล้วยังยัดเยียดความพิการมาให้อีก แต่ทว่า พยาบาลสาวผู้กลายเป็นเครื่องรองรับความเครียดของคุณอรสารกลับยิ้มตอบ และกล่าวให้กำลังใจท่าน
“คุณน้าคะ อลินทราบดีนะคะว่าคุณน้าหงุดหงิด และรู้สึกรำคาญตัวเองกับอาการป่วยที่คุณน้าเป็นอยู่ แต่อลินเชื่อว่า ถ้าเรามีมุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่ วันหนึ่งคุณน้าก็จะกลับมาเดินได้ สื่อสารได้เป็นปกติเหมือนเดิม คุณน้าคะ อลินอยากยกเรื่องของตัวเองเป็นตัวอย่างะ อลินจบศัลแพทย์ด้านระบบประสาทและโรคกระดูกสันหลัง แต่แล้วอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนก็ดับฝันการเป็นหมอผ่าตัดมือหนึ่งของอลินไป ตอนนั้น อลินเองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างจากคุณน้า แต่อลินก็ไม่คิดยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรอกนะคะ อลินเชื่อว่าความรู้ความสามารถที่ตั้งใจร่ำเรียนมาตั้งห้าปี ทำให้อลินยังมีคุณค่าและสร้างประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อีกมากมาย แม้ตอนนี้จะจับมีดผ่าตัดไม่ได้ แต่อลินก็ยังเอาความรู้มาช่วยเหลือผู้ป่วยให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง ขอเพียงแค่คุณน้าสู้ไปกับอลินนะคะ อลินจะทำให้คุณน้ากลับมาเดินได้อีกครั้ง อลินสัญญาค่ะ”
น้ำเสียงหวานใสราวกับน้ำฝนที่รินรดผืนดินแห้งผาก พูดปลอบไม่ขาดปาก แม้จะยังไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่ต้องการ แต่วันนี้ ท่าทางของคนไข้ก็ยังตอบสนองกับเธอดีกว่าวันก่อนๆ
คุณอรสามองหญิงสาวที่ระยะนี้โผล่หน้ามาให้นางเห็นทุกวัน แม้จะถูกนางปาข้าวของใส่แล้วไล่ไปให้พ้นหน้า ดวงตาหม่นแสงมีแววครุ่นคิดในคำพูดของพยาบาลสาวสวย น้ำใจงามคนนี้
และขณะที่คนป่วยนิ่งเงียบไป ธาวิตที่กำลังจะเข้ามาช่วยพยาบาลสาวและกล่าวคำขอโทษแทนมารดาของเขาปาข้าวของใส่เธอ ซึ่งหญิงสาวคงเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลที่มาทำกายภาพบำบัดในช่วงบ่าย ก็เดินเข้ามาถึงข้างเตียง
“คุณแม่ครับอย่าทำแบบนี้สิครับ”
ร่างสูงก้มลงไปเก็บผลส้ม ขวดรังนกที่มารดาคว้ามาปาใส่พยาบาล ขณะที่เงยหน้าขึ้นก็มีแรงลมหอบเอากลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ โชยมาแตะปลายจมูกโด่ง ธาวิตรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกลิ่นของใครคนหนึ่งที่เขาทำเธอหล่นหายไปจากชีวิตเมื่อห้าปีก่อน ขณะที่อลินค้อมศีรษะลงบอกลาคนไข้เมื่อเห็นว่าญาติผู้ป่วยเข้ามาเยี่ยมโดยไม่ทันหันไปมองหน้าอีกฝ่าย
และตอนที่ร่างบางสวยหมุนหันหลังกำลังจะกลับออกไปก็เป็นจังหวะให้มือหนาคว้าข้อมือเล็กของพยาบาลสาวไว้แน่น ธาวิตจ้องดวงหน้าสวยที่เงยหน้าขึ้นมามองตามข้อมือเธอ แล้วพยายามสะบัดออกอย่างสุดแรงด้วยความตกใจที่เห็นหน้าเขา ผู้ชายคนแรกและคนเดียวในชีวิต
“คุณ...!” อลินหยุดน้ำเสียงตัวเองไม่ให้เอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นระรัวแทบไม่เป็นจังหวะ ปลายนิ้วเย็นเฉียบ
แต่ธาวิตไม่ปล่อยข้อมือเล็กนั้นไปง่ายๆ ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้ดูจะซีดเผือดลงไปมากอย่างพินิจ ก่อนหรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างคาดโทษ ไม่ผิดตัวแน่ เธอคือคนที่เขาจำหน้าได้ไม่มีวันลืม
“อลิน เธอ คือ อลินใช่ไหม?”
น้ำเสียงเข้มและแข็งเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาวอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาจำเมียตัวเองได้แน่นอน ถึงจะเป็นเมียคืนเดียวก็ตาม
ชายหนุ่มเอ่ยถาม หากแต่คนถูกถามกลับทำหน้างุนงง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจมองคนที่จับมือเธอไว้แน่นอย่างตะลึงงัน แต่ด้วยสายวิชาชีพที่เรียนมานั้นฝึกให้อลินตั้งสติได้ไว เพียงครู่เดียวก็ทำราวกับว่าไม่เคยเจอเขามาก่อน พร้อมทั้งร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านนอก
“ปล่อยนะคะ คุณเป็นใคร ปล่อยฉันนะคะ ใครอยู่ข้างนอกช่วยด้วยค่ะ”
สีหน้าของธาวิตเคร่งเครียดขึ้นอีก พยาบาลสาวตรงหน้าพยายามจะยื้อมือกลับ สะบัดหน้าสะบัดตัวหนี แต่อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะจำหน้าผัวตัวเองไม่ได้ อลิน”
อลินมองสีหน้าจริงจังของเขาแล้วรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ คุณจำผิดคนแล้ว ช่วยด้วยค่ะ ใครอยู่ข้างนอกช่วยด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องร้องเรียกให้ใครช่วย เดี๋ยวฉันช่วยรื้อฟื้นความจำให้เธอเอง ไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
ธาวิตมีความตั้งใจจะมาดูอาการของมารดา ไม่คิดเลยว่าจะเจอคนที่หนีหายหน้าไปหลายปี เรื่องคุณแม่เขาต้องจัดการอย่างดี แต่ตอนนี้ เรื่องตรงหน้าก็ต้องรีบจัดการเช่นกัน
อลินส่งเสียงดังขึ้น เมื่อเห็นว่าธาวิตดูจะไม่ยอมปล่อยเธอแน่ๆ ส่วนชายหนุ่มก็จดจ้องดวงหน้าหวานสวยที่กาลเวลาไม่ได้เปลี่ยนเธอไปเลย กลับดูสวยสะพรั่งขึ้นด้วย หญิงสาวทำให้หัวใจเขาถูกแช่แข็งมาหลายปี และต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เธอถึงหนีหายเหมือนตายไปจากชีวิตเขา
เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังออกมาจากห้องผู้ป่วยวีไอพีทำให้อาจารย์หมอชัชวีร์ที่กำลังเดินมาตรวจร่างกายของอรสาได้ยินจึงรีบเปิดประตูเข้ามา ภาพที่เห็นคือธาวิตกำลังฉุดรั้งอลินทำให้สีหน้านิ่งของนายแพทย์หนุ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนก้าวไปดึงข้อมือของอลินออกจากการเกาะกุมของญาติผู้น้อง แล้วรั้งร่างบางมาหลบข้างหลังของตนเอง
“นายวิต นี่นายเป็นบ้าอะไรวะ คิดทำอะไรกับผู้ช่วยของฉัน ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ และอลินก็ไม่ใช่สาวๆ ของนายที่จะล่วงเกินได้ เธอเป็นผู้ช่วยศัลยแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าฉันเลยนะ จะทำอะไรก็ให้เกียรติกันด้วย”