Chapter X : Bad Honeymoon.. Part II

3689 Words
. . . . . . ‘บางทีหัวใจฉันมันก็เจ็บแบบไม่มีสาเหตุ..’ . . . . . “ขอบใจมากนะ ดีใจที่ได้เจอนาย ไว้เจอกันใหม่นะ ^^ ” คนตัวเล็กพูดพลางยิ้มบางๆแทนคำขอบคุณให้กับสารถีจำเป็นข้างๆที่อุตส่าห์ขับรถมาส่งเธอถึงบ้าน “อื้ม ไม่เป็นไรดีใจที่ได้เจอเธอเหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆหละ อย่าเดินเหม่อแบบนั้นอีกเดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นฉันว่ารันมันนไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกคนเดียวหรอก” “เข้าใจแล้ว.. ฉันแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อยเอง งั้นฉันเข้าบ้านไปหาลูกก่อนนะ” ว่าจบร่างบางก็ก้าวลงจากรถแล้วยืนโบกมือให้รถที่กำลังแล่นออกไปจนพาหนะสี่ล้อลับตาไป โดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่ามีใครบางคนที่เกาะหน้าต่างบ้านมองเหตุการณ์นั้นอยู่ “นั่นใครอ่ะ ใครวะ ใครมาส่งวะ ..เฮ้ย!นั่นรถไอ้ฮันนี่หว่า แล้วนั่นคุยอะไรกันด้วยวะ ” ร่างหนาเกาะหน้าต่างมองอย่างงงๆพร้อมพึมพำกับตัวเองแต่ก็ต้องรีบหลบหน้าไปเมื่อเจ้าของบ้านอีกคนกำลังเดินตรงมาเข้าบ้าน แกร๊ก..เสียงปิดประตูบ้านอย่างเบามือดังขึ้นทำให้คนที่อยู่ในบ้านก่อนแล้วเตรียมตัวเก๊กท่าเหมือนไม่รู้ไม่เห็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเฟรินเองก็เลือกที่จะไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาและเบือนหน้าหนีเดินตรงไปยังห้องของตัวเอง “นี่เธอไปไหนมาอ่ะ กลับดึกๆดื่นๆสอบเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้วไม่ใช่หรอ” “ดึกที่ไหนพึ่งจะสองทุ่ม” หันมาตอบอย่างเคืองๆ “อ่า..เออว่ะ.. เอ่อ แล้ว แล้วเธอสอบเป็นไงบ้างแล้วกินอะไรมารึยัง” เมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วก็ต้องแถต่อไป ร่างสูงลุกขึ้นตรงมาหาร่างบางที่ดูเหนื่อยๆเขาเองก็คิดว่านั่นคงเป็นผลมาจากการสอบมือหนารีบยกขึ้นมาบีบๆนวดๆไหล่ให้แต่เจ้าหล่อนกลับสลัดออกอย่างรำคาญ “ นี่! นายเลิกมาเซ้าซี้ฉันสักทีได้ไหม” ร่างบางหันมาเผชิญหน้าตรงๆกับอีกคน “ฉันแค่ถามเพราะเป็นห่วงเธอนี่.. อ๋อ คงมีคนพาไปเลี้ยงข้าวมาแล้วล่ะสิ ” “นี่นายจะหาเรื่องกันรึไง” “เธอคิดว่าฉันไม่เห็นรึไงว่าเมื่อกี๊ใครมาส่งเธอน่ะ” เสียงทุ้มเริ่มแข็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “หึ..เห็นด้วยหรอ แล้วมันยังไงอ่ะไหนว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกันไง?” ปากบางแสยะยิ้มพร้อมสบถในคอออกมาเบาๆอย่างท้าทายคนตรงหน้าแต่เสียงเล็กกลับเริ่มสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้อขึ้นมาโดยที่อีกคนไม่ทันได้สังเกตุ “ใช่ .. ไม่ยุ่งไง แต่คนอื่น เพื่อนบ้านเขาเห็นเขาจะคิดยังไง” “จะคิดยังไงหรอ.. เหอะ มันก็เรื่องของเขาไม่เห็นจะต้องแคร์เลย” ร่างบางตรงหน้ายังคงท้าทายไม่เลิกแต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับปฏิบัติตรงกันข้ามกับท่าทาง “ไม่แคร์ได้ยังไง! เธอเป็นเมียฉันนะ ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าโดนเมียสมเขาให้” ทั้งๆที่รู้ดีว่าข้อความในสัญญานั้นกล่าวไว้ว่าอย่างไรแต่ความรู้สึกตอนนี้เขากลับควบคุมไว้ไม่ได้ มันทั้งโกรธและหลายหลากความรู้สึกที่ปะปนกันยุ่งเหยิงไปหมดรวมๆแล้วเขาก็แค่ไม่อยากให้ความแตกเรื่องการแต่งงานหลอกๆนี่ก็เท่านั้นเอง! “งั้นฉัน...ก็คงเป็นคนที่โดนสวมเขาก่อนนายซะอีก” ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาร่างบางพยายามสะกัดกลั้นมันเอาไว้จนปากเล็กเริ่มสั่นระริกพร้อมกับเสียงที่ขาดๆหายๆ “เธอ..พูดเรื่องอะไร” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจแต่เหตุใดลึกๆตัวเขาเองเหมือนจะรู้ดีว่าเจ้าหล่อนพูดถึงเรื่องอะไรแต่ก็อยากภาวนาให้มันไม่ใช่ “หึ..ฉันกำลังพูดเรื่องอะไรงั้นหรอ รันเวย์..นายรู้ดี นายรู้ดีที่สุดแล้วว่านายไปทำอะไรไว้” “.....” ร่างหนาได้แต่กลืนน้ำลายดังเอือก “นายคิด.. ฮึก นายคิดว่าฉันไม่รู้หรอ ฮึก..ที่ฉันไม่ ฮึก ไม่พูดได้แปลว่าฉันไม่รู้นะ คงมีความสุขกันมากใช่ไหม.. ยิ้มเบิกบาน หอมแก้มกันหน้าตาชื่นมื่น.. คงมีแต่ฉันที่โง่..หัวฟูเลี้ยงลูก นั่งรอ นอนรอนายกลับบ้าน กลัวนายจะเป็นอะไร..” น้ำตาที่กลั้นเอาไว้มานานสุดท้ายพนังกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกก็พังทลายลง ธารน้ำใสไหลลงอาบสองแก้มจนเปียกชุ่มไปหมด “คือ.. ริน” “ นายมันเห็นแก่ตัว! นายไม่เคยคิดถึงความรู้สึกฉันเลย นายเอาแต่พูดว่าคนอื่นจะมองนายไม่ดี แล้วสิ่งที่นายทำกับฉันสิ! ” มือเล็กผลักเข้าที่อกแกร่งจนคนตรงหน้าเซไปด้านหลังเบาๆ “ริน.. คือฉันไม่ได้..” “ที่แท้นายอยากออกจากบ้านมาอยู่ที่เพื่อจะได้ไปหาใครต่อใครได้สะดวกขึ้นสินะ.. ฉันพึ่งรู้วันนี้แหละ..ว่าจริงๆแล้วนายไม่ได้แคร์ฉันเลย..” ว่าจบร่างบางก็รีบหันหลังกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกคนได้พูดเลยแม้แต่น้อย “….” ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าบานประตูห้องอีกคน..ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาของร่างเล็กใยมันจึงบีบรัดความรู้สึกของเขาได้พึงเพียงนี้..ไม่เข้าใจ..ไม่เข้าใจเลยสักนิด..หรือเพราะตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาเขาแทบไม่เคยเห็นเจ้าหล่อนเสียน้ำตาเลยแม้สักครั้ง ..หรือมันจะเป็นดั่งใครเขาว่า ‘คนที่มีรอยยิ้มตลอด ยามเศร้าจะน่าสงสารที่สุด’ . . . อีกฝั่งของประตู.. ร่างเล็กที่นั่งกอดตัวเองในความมืดอยู่บนเตียงเอาแต่คิดทบทวนบทสนทนาของเขาทั้งสองเมื่อครู่ซ้ำไปซ้ำมา อะไรที่ทำให้เธอพูดไปอย่างนั้น อะไรที่ทำให้เจ้าหล่อนรู้สึกเช่นนี้ หรือจริงๆแล้วเธอกำลังมีใจให้เขา.. . . . “ฉัน..จะรักนายไม่ได้..ใช่ไหม..” . . . . . . ‘เราจะรักกันไม่ได้จริงๆใช่ไหม..’ . . . . . . “ไอ้เธนส์ ตื่นมารับโทรศัพท์สิวะ แม่งสร้างเรื่องให้กูละหายหัวนะมึง” ร่างสูงนั่งบ่นกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่กำลังต่อสายหาคนที่โดนพาดพิงอยู่ อากาศสดใสยามเช้าไม่ได้ช่วยทำให้เขาใจเย็นลงเลย “โถ่เว้ยยย” ร่างสูงสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียงก่อนที่เสียงเปิดประตูห้องของใครบางคนจะดึงความสนใจของเขาไป แอ๊ดด.. “......” ไม่มีการทักทายใดๆเกิดขึ้นร่างบางออกมาพร้อมกับรถเข็นเด็กที่มีลูกน้อยนั่งตาแป๋วอยู่ด้านใน “เอ่อ เธอจะไปไหนน่ะ” มือหนากดวางสายโทรศัพท์ก่อนมาให้ความสนใจกับสองแม่ลูกตรงหน้าแทน “....” ไร้การตอบรับร่างบางเพียงสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นหลังและใส่รองเท้าคู่ใจโดยเลือกที่จะไม่สนใจคำทักท้วงของใครอีกคน “นี่รินเธอจะไปไหนหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างใจเย็นทั้งๆที่รู้ว่าเธอคงยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่แต่เขาเองก็อยากได้คำตอบและอยากรีบสานสัมพันของรอยร้าวนี้ให้มาเป็นเหมือนเดิม “ไหนว่าเราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกัน” ร่างบางหันมาสบตาอย่างขุ่นเคืองและนั่นก็ทำให้ร่างสูงตรงหน้าเห็นร่องรอยจากเมื่อคืน..ดวงตาที่บวมเป่งยืนยันว่ามันคงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เมื่อได้เห็นอย่างนั้นตัวเขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน “แต่เธอ..เอาลูกไปด้วยนี่นา..ฉันกลัวว่าเธอจะ..” ปากหยักพึมพำเบาๆพลางมองตัวเล็กที่มองมาทางเขาตาแป๋ว “ฉันจะไปหาพี่ชายฉัน แค่นั้นแหละพอใจยัง” พูดจบร่างเล็กก็ปรี่ออกไปพร้อมลูกทิ้งให้อีกคนด้านหลังได้แต่มองตาม “...ไอ้เธนส์.. เรื่องนี้มึงต้องรับผิดชอบ!” เมื่อคิดได้ว่ามันควรเป็นความรับผิดชอบของใครมือหนาก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์เดิมซ้ำๆจนกระทั่งได้รับการตอบรับจากปลายสาย ‘ฮัลโหล... อื้อออ’ เสียงงัวเงียของปลายสายบ่งบอกว่าเขาถูกปลุกขึ้นมาระหว่างท่องเที่ยวในโลกแห่งความฝัน “ไม่ต้องมางัวเงียใส่กูเลย! มึงทำเรื่องให้กูแล้วเนี่ยเธนส์” ‘เรื่องไร กูยังไม่ได้ทำไรเล้ย กูพึ่งตื่นเนี่ยย’ เสียงงัวเงียตอบกลับมาอย่างงุนงง “ไม่ใช่ตอนนี้! เมื่อคืนเว้ย” ‘เรื่องไรวะ?’ “เรื่องรูปไง” ‘อ๋อเรื่องรูปปป กิ๊วๆ รูปกับแสนดีอ่ะหรอ’ “กิ๊วพ่อง! มึงเอาลงไอจีมึงใช่ไหม” ‘ปล๊าวว กูไม่ได้เอาลงไอจี กูเอาลงเฟส!’ คำด่าจากเพื่อนเรียกเอาสติของคนที่สลึมสลืออยู่กลับมาได้เป็นอย่างดี “นั่นแหละ! รินเห็นละเนี่ย - -^”  ยิ่งเพื่อนรักกวนประสาทมากแค่ไหนมือหนาที่กำไว้แน่นยื่นทวีแรงขึ้นด้วยความโมโห ถ้าหากเขาอยู่ใกล้เพื่อนคนนี้คงไม่รอดโดนทุบแน่ๆ ‘เอ้ย ... กูลืมว่ะ..โทษทีๆ แต่ที่โทรมาเนี่ยคือเรื่องเมียงอนว่างั้น?’ แม้ปากจะบอกว่าขอโทษแต่น้ำเสียงกวนๆก็ยังคงปะปนอยู่ในประโยคอยู่ “นี่มึงโง่จริงๆหรือแกล้งโง่ว่ะ - - ในฐานะที่มึงเป็นต้นเหตุมึงต้องช่วยกูง้อเมียด้วย” ‘เอ้า เรื่องไรอ่ะเมียใครเมียมันดิกูไม่ได้ไปใช้เมียกับมึงซะหน่อย -.-’ “หยุด! กวน! ตีน! แล้วมาช่วยกูคิด” เสียงเข้มหมดความอดทนกับเพื่อนปากหมาคนนี้เหลือเกินแต่เพื่อนก็ยังคือเพื่อน เวลาผ่านไปพักใหญ่ร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟายังคงจดจ่ออยู่กับคนปลายสายที่กำลังสาธยายวิธีการตั่งๆนาๆให้ฟัง ‘นั่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่เอา มึงนี่จะเอาไง ไปคิดเองเลยไหม?’ “ก็กูไม่ใช่คนโรแมนติกเหมือนมึงนี่หว่า” ‘เออๆ งั้นสุดท้ายละนะ’ “ว่ามา” ‘อืม... ฮันนีมูน’ “เออว่ะ..ตั้งแต่แต่งงานมานี่ยังไม่ได้พารินไปฮันนีมูนเลย มัวแต่ยุ่งเรื่องลูกกับเรื่องสอบ” ‘งั้นก็พารินไปซะ เรื่องลูกมึงก็เอาไปฝากไว้บ้านพ่อกับแม่สักสองสามวัน’ “เออๆ ขอบใจมาก งั้นแค่นี้แหละ” เมื่อคิดแผนการได้ร่างหนาก็ผุดยิ้มขึ้นบนมุมปากอย่างสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง ร่างสูงรีบคว้าเอาโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรดมาเปิดเสิร์ชหาสถานที่ท่องเที่ยวที่คิดว่าภรรยาของเขาน่าจะชอบ ตาคมไล่อ่านแต่ละบรรทัดอย่างถี่ถ้วนทั้งเปิดเปรียบเทียบราคาตั่งๆนาๆ คำนวณค่าใช้จ่ายก่อนจะตัดสินใจกดจองทั้งตั๋วเดินทางและที่พักไป 2 ที่ ‘บาหลี..’ . . . . . . คุณแม่ท่าทางเหนื่อยอ่อนค่อยๆเข็นรถเข็นของลูกน้อยเข้าบ้านในขณะที่พระอาทิตย์เองก็ค่อยๆคล้อยลงจากฟากฟ้าเพื่อไปพักผ่อนบ้าง มือเล็กค่อยๆแง้มเปิดประตูและชะโงกหน้าเข้าไปส่องในบ้านก่อนแต่ก็ต้องแปลกใจที่ดูเหมือนบ้านดูเงียบผิดปกติทั้งๆที่รองเท้าของเจ้าของบ้านก็ยังอยู่ที่เดิม ร่างบางเข็นรถลูกเข้าบ้านก่อนอุ้มลูกน้อยออกมาจากรถและไปวางลงบนเบาะนอนของเด็กอยู่ในห้องนั่งเล่นแทน ตาหวานกวาดมองรอบๆก่อนไปสะดุดเข้ากับโต๊ะอาหารที่ถูกเติมเต็มไปด้วยของโปรดของเจ้าหล่อน.. “..นี่มันอะไรกันเนี่ย..” เท้าเล็กค่อยๆสาวเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารเพื่อมองให้ใกล้ขึ้น “กลับมาแล้วหรอ เหนื่อยไหมทานอะไรมารึยัง ^^” พ่อบ้านจำเป็นถือจานอาหารอย่างสุดท้ายออกมาจากห้องครัวก่อนวางมันลงตรงหน้าร่างบาง “นายทำอะไร อาหารเยอะแยะแบบนี้กินหมดรึไง” “ก็... ไม่รู้สิ แต่ของชอบเธอทั้งนั้นนี่ เอ้ารีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามากินข้าวกันๆๆเดี๋ยวฉันดูลูกให้” ไม่ว่าเปล่ามือหนารีบดึงมือเล็กของเจ้าหล่อนให้เดินตามไปส่งถึงห้องก่อนออกแรงดุนหลังเบาๆผลักให้ร่างบางเข้าห้องไปและเจ้าตัวเองก็ตรงไปทักทายลูกน้อยที่ไม่ได้เจอกันมาทั้งวัน “นายอย่าทำแบบนี้ได้ไหม.. อย่าทำเหมือนแคร์ฉันมากได้ไหม...” ร่างเล็กที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วยืนมองตัวเองอยู่ในกระจกพลางพูดบางอย่างกับตัวเอง ก๊อกๆ.. “เสร็จรึยังอาหารมันจะเย็นหมดก่อนนะริน” “อ อ้อ.. อื้อเดี๋ยวฉันไป” ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและตามออกไป “เชิญครับบ” ร่างหนาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวราวกับอยู่ในภัตตาคารก่อนจะกลับไปนั่งลงที่ของตัวเอง “....” หญิงสาวไม่พูดอะไรทำเพียงแต่มองชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงียบๆ “อะไรหรอ? หน้าฉันมีอะไรติดรึเปล่า? ทำไมไม่กินอ่ะ” “นายต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม” “คือ..ฉันแค่อยากขอโทษ” ตาคมจับจ้องอีกฝ่ายเพื่อแสดงความจริงใจในคำขอโทษนั้น “แค่นั้น?” “แล้วก็ เอ่อ.. เราไปฮันนีมูนกันไหม ตั้งแต่เราแต่งงานมานี่เรายังไม่ได้ไปเลยนะมัวแต่ยุ่งเรื่องลูกกับเรื่องสอบ” “สามคน?” “ไม่ แค่ฉันกับเธอส่วนลูกก็ไปฝากพ่อกับแม่ฉันไว้ก็ได้ เธอจะได้ไปพักผ่อนด้วยแล้วก็ถือเป็นคำขอโทษจากฉันด้วย” “เฮ้อ...” ร่างบางถอดหายใจออกมายาวๆเฮือกใหญ่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ “เธอ..เธอถอนหายใจทำไมหรอ” คิ้วหนาขมวดเข้าผูกกันเล็กน้อยเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าคราวนี้เขาทำอะไรผิดหรือไม่ถูกใจเจ้าหล่อนอีกหรือเปล่า “รัน.. นายรู้รึเปล่าว่าการฮันนีมูนมันหมายความว่ายังไง” “...” ร่างสูงไม่ตอบเพียงแต่ส่ายหน้ากลับไปแทน “การฮันนีมูนมันสำหรับคนที่เขารักกัน” ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่พูดเรื่องนี้ทีไรน้ำตามันรังเอาแต่จะรื้อขึ้นมาเสียดื้อๆ . . . . . . . . . “แล้วมันใช้สำหรับคนที่กำลังจะรักกันไม่ได้หรอ?” . . . . . . . . . “ไปดีมาดี เดินทางปลอดภัยนะลูก ^^” มีอาร์ยิ้มหวานให้คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่กำลังจะไปฮันนีมูน “ครับแม่ ป๊ากับแม่ก็ดูแลยัยหนูของผมให้ดีล่ะครับ” ร่างสูงโผล่เข้ากอดพ่อทีนึงก่อนผละไปหอมแก้มแม่อย่างรักใคร่ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ^^” รินเองก็โค้งหัวแทนคำขอบคุณก่อนเดินเข้าไปกอดผู้มีพระคุณทั้งสอง “หนูรินก็ดูแลตัวเองด้วยนะลูก กลับมาอย่าลืมเอาหลานอีกคนมาฝากพ่อกับแม่ด้วยนะ” มีอาร์ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ทั้งสอง “รินถ้ารันมันไม่ได้เรื่องป๊าอนุญาตให้เตะมันตกทะเลได้เลยนะ” ซันเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าฝากฝังความหวังอันใหญ่หลวงนี้ไว้กับลูกๆเช่นกัน “ค ..ค่ะ / ค ค ..ครับ” ทั้งสองต่างก้มหน้าก้มตาเบือนหลบสายตากันและกันเขินอายอย่างบอกไม่ถูก “ป่ะๆ ไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี” มีอาร์โบกมือไล่ลูกทั้งสอง “แม่ไปก่อนนะริเอลเดี๋ยวแม่รีบกลับมานะคะ ฟอดดด” ร่างเล็กย่อตัวลงคุยกับหนูน้อยในรถเข็นเด็กก่อนหอมแก้มฟอดใหญ่ “คิดถึงป๊ะป๋าด้วยนะริเอล ฟอดดด” รันเองมีหรือจะยอมให้อีกคนได้หอมแก้มลูกคนเดียว ร่ำลากันเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมัน ทั้งสองลากกระเป๋าเข้าเกตไปเพื่อไปยังเจ้านกเหล็กที่จอดรอพวกเขาอยู่ ใช้เวลาพักใหญ่กว่าที่เจ้านกยักษ์จะพาเหล่าผู้โดยสารพินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจนถึงที่หมาย ทันทีที่ล้อใหญ่หยุดลงสนิทเหล่าผู้โดยสารต่างค่อยๆพากันทยอยออกมาเพื่อรับสัมภาระและแยกย้ายกันไปยังจุดหมายของตน หนึ่งในนั้นก็มีคู่สามีภรรยาแยกตัวออกมาเพื่อไปขึ้นรถรับส่งของโรงแรมที่มารอรับ ทันทีที่ขึ้นรถร่างเล็กก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง “อะไรกันนั่งเครื่องแค่สี่ชั่วโมงเอง..หลับเป็นตายเลยยัยนี่” ปากก็ว่าไปงั้นแต่มือหนาค่อยๆโน้มเอาหัวเล็กมาซบที่ไหล่ตนเองอย่างเบามือ “งืม...” “...” ร่างหนาเองก็พึ่งจะเห็นมุมเด็กๆของเจ้าหล่อนก็วันนี้แหละจะอดยิ้มก็ยากเสียเหลือเกิน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงรถตู้ของโรงแรมก็จอดเทียบลงหน้าโรงแรมเพื่อส่งผู้โดยสาร “ริน..ถึงที่พักแล้ว” มือหนาเขย่าแขนคนข้างๆเบาๆ “หือ.. อื้ออ ถึงแล้วหรอ” ตาหวานค่อยๆปรือขึ้นมามองรอบๆก่อนจะบิดตัวเบาๆเพื่อให้ตัวเองตื่น “ไปห้องกัน ^^” ว่าจบร่างสูงก็ก้าวลงจากรถและไม่ลืมที่จะคว้าเอามือเล็กๆนั่นมาจับไว้เพื่อพยุงคนตัวเล็กกว่าลงจากรถ “อ..อื้อ .. (.////.)” ใบหน้าหวานออกสีแดงระเรื่อทันทีเมื่อโดนปฏิบัติเช่นนั้น ถึงแม้จะลงมาจากรถแล้วมือหนาก็ยังคงจับมือเจ้าหล่อนอยู่ไม่วางจนกระทั่งถึงห้องพัก “ถึงแล้วห้องนี้แหละ” ทั้งสองค่อยๆเปิดเข้าไปปรากฏห้องพักที่หันหน้าออกไปทางทะเล เพียงลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าพวกเขาก็สามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลอันสดใสที่ไกลสุดลูกหูลูกตากลืนไปกับสีฟ้าของท้องฟ้าคราม “ว้าววววววว สวยชะมัดเลย ^____^” ร่างบางรีบโผเข้าไปกลางห้องเพื่อชมภาพวิวตรงหน้าให้ถนัดตาขึ้นก่อนหันมายิ้มกว้างจนตาหยีให้อีกคน “เธอชอบไหม?” เห็นอย่างนั้นร่างสูงเองก็อดยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางราวกับเด็กๆของอีกคน “ชอบสิ! ชอบมากเลย!” ว่าพลางเปิดบานเลื่อนตรงหน้าเพื่อรับลมทะเล “งั้นไว้แดดอ่อนกว่านี้แล้วเราไปเดินเล่นกันนะ” “อื้ม! ^^” คนตัวเล็กหันมาตอบรับด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดร่างสูงชอบที่จะมองรอยยิ้มอันเอาเสียมากๆเลยเขาเองก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะรักษารอยยิ้มนี้ไปนานๆเมื่อเทียบกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อคืนก่อนแล้ว ว่าแล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันจัดเก็บของสัมภาระของแต่ละคนให้เข้าที่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ตั่งต่างนาๆ ต่างคนต่างมัวยุ่งๆกับหน้าที่ของตนจนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็เริ่มลดระดับต่ำลงท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มสลัว “นี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จยัง แค่ไปเดินเล่นเองใส่ชุดสบายๆก็ได้น่า” ชายหนุ่มที่ยืนกอดอกรอภรรยาอยู่หน้าห้องเริ่มหน้ามุ่ย “เสร็จแล้วน่า มาทะเลทั้งทีก็ต้องได้รูปไปอัพไอจีบ้างสิ-.-” ว่าแล้วก็เผยร่างของเจ้าของเสียงที่ตามออกมาปรากฏหญิงสาวในชุดเดรสยาวสายเดี่ยวสีดำ “....” ร่างสูงเงียบปากลงทันทีตามองอีกคนแทบไม่กระพริบเขายอมรับเลยว่าเขาไม่เคยเห็นเธอมุมนี้มาก่อนด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ความรู้สึกแปลกใหม่แล่นเข้าสู่หัวใจจนเต้นสั่นระรัวไปหมด “ไปกันได้แล้ว มองอยู่ได้” “อ๋อ เอ้อไปกันๆ” และเขาเองก็ไม่ลืมที่จะคว้ามือเล็กนั่นมาจูงไว้นั่นไม่ใช่แค่ความอุ่นใจอย่างเดียวแต่เป็นเพราะสัญชาตญาณของผู้ชายที่อยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งคู่เดินเตร่ๆไปตามชายหายพร้อมรับลมทะเลที่พัดมาไม่ขาดสาย ทั้งสองผลัดกันถ่ายรูปผลัดกันโพสท่าเพื่อบันทึกความทรงจำและก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปคู่ “นายก็ขยับเข้ามาอีกหน่อยสิ นิดนึงๆ” “ได้ยัง” น่าแปลกที่คราวนี้เป็นร่างสูงเองที่ไม่ค่อยกล้าเข้าไปใกล้ร่างเล็กทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่มีความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยแต่ตอนนี้เหตุใดใยเขาจึงรู้สึกหวั่นไหว “ได้แล้ว พร้อมนะ 1..2..3 ^__________^” “^___^” ร่างเล็กฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับอีกคนที่ยิ้มหวานจนตาหยีหากดูๆไปแล้วพวกเขาคงเป็นที่น่าอิจฉาของอีกหลายๆคู่ที่ผ่านมาพบเห็น จากนั้นพวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ร่างเล็กเองก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าใครบางคนแอบบันทึกภาพเจ้าหล่อนไว้ตลอดเวลา ทุกท่าทาง..ทุกรอยยิ้ม มันถูกเก็บเอาไว้ราวกับหยุดเวลาไว้ “หิวยัง ไปหาอะไรกินกันดีไหม” ร่างหนาที่เดินกุมมือเล็กอยู่หันมาถามคนข้างๆพร้อมรอยยิ้ม “อื้มเริ่มหิวแล้วหละไปหาอะไรกินกันเถอะ ^^” คนตัวเล็กหันไปยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี  “มีอะไรหรอรัน”แต่จู่ๆร่างหนาข้างๆกลับชะงักลง..จนร่างบางต้องหันไปมองตาม “.. แสนดี...” ตาคมมองไปคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาส่วนร่างเล็กเองก็ไม่ต่าง.. “..ฮัน” ส่วนร่างเล็กเองก็ไม่ต่างพร้อมเรียกชื่อชายตรงหน้าออกมาเบาๆอย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ . . . . . . . . ‘สวัสดีเจอกันอีกแล้วรันนะ (: ’ . . . . . . .
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD