.
.
.
.
.
‘ไม่นะ ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!’
.
.
.
..
.
.
.
หลังจากแยกย้ายกันไปจัดการธุระตัวเองทั้งสองก็ต่างพากันลงมานั่งทานอาหารเช้าที่เลาจ์ของโรมแรม.. บรรยากาศที่แสนจะอึดอัด ไม่มีใครเปิดปากกล่าวถึงเรื่องเมื่อคืนไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน..จนกระทั่ง
“คือ..เอ่อ เรื่องเมื่อคืน มัน..เอ่อ มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ ฉันขอโทษ” ชายหนุ่มว่าพลางส่งยิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย
“เหอะ.. อุบัติเหตุหรอ” คนตัวเล็กสบถในลำคอเบาๆพร้อมกรอกตามองบน ท่าทางดังกล่าวร่างสูงเองใช่ว่าจะดูไออกว่าเจ้าหล่อนเองก็เคืองอยู่ไม่น้อย
“ก็มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆนี่หว่า = =” ยังยืนยันคำเดิม
“นี่นาย! เราควรจะรับมือเรื่องนี้กันอย่างระมัดระวังมากกว่ามาพล่ามว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญแล้วมาขอโทษขอโพยเหมือนเด็กๆดีกว่าไหมอ่ะ” ร่างเล็กระบายความขุ่นเคืองในใจออกมาจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อนไป
“ก็แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่ารับมือแบบผู้ใหญ่ เธอจะให้ฉันรับผิดชอบยังไงอ่ะ? แต่งงานกับเธองี้หรอ? นี่เราพึ่งอกหักกันมาป้ะวะ”
“แล้วไงอ่ะ อกหักมาแล้วไงอ่ะ”
“จะบอกว่ายังไงก็ต้องแต่งงั้นดิ๊” คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวนประสาท
“- -^ ฉันว่ากลับไทยละค่อยคุยกันดีกว่านะเรื่องนี้ ถ้าฉันกับนายยังเป็นเพื่อนกันอยู่ล่ะก็นะ”
“โอเคๆ ตามนั้นละกัน วันนี้เธอจะไปเที่ยวก็ไปเถอะฉันจะเฝ้าห้องให้”
“ตามใจนายละกัน” สิ้นสุดบทสนทนาทั้งสองก็ต่างก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารในจานของตนเองจนหมดและแยกย้ายกันไป ร่างสูงตรงขึ้นห้องไปส่วนคนตัวเล็กสะพายเป้ใบโปรดออกไปเที่ยวเตร่ตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง
“เฮ้อ..” ขาเรียวก้าวไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายถึงแม้มันจะเป็นการมาเที่ยวก็เถอะแต่ในหัวก็เอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนว่าพวกเขาจะต้องทำอย่างไร รับมือกับมันยังไง หรือจะปล่อยให้มันผ่านเลยไป? แล้วยิ่งความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้คือ ‘เพื่อน..’ เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเสียเพื่อนเช่นกัน แต่อีกมุม..มันก็ไม่แฟร์กับเจ้าหล่อนเองที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน
หลายชั่วโมงต่อมาแม้จะหล่อนจะไปเยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆแล้วบ้างแต่จิตใจก็มิได้จดจ่ออยู่กับสถานที่นั้นหรอก คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นอีกทีก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่หน้าโรงแรมที่พักของเจ้าตัวเอง ร่างบางยืนเงยหน้ามองตึกสูงตระง่านตรงหน้าและครุ่นคิดบางอย่างในหัวครู่หนึ่ง
“จะกลับไปดีไหมนะ..แล้วถ้าเจอหน้ากันจะคุยกันเรื่องอะไรนะ.. ฟู่ววววกลับก็กลับวะ นั่นมันห้องเรา!” ร่างบางยืนคิดทบไปวนมาจนในที่สุดก็ตัดสินใจกลับไปยังห้องพัก ใช้เวลาเพียงครู่ร่างเล็กก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง..ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อชั่งใจอีกครั้งว่าควรเข้าไปหรือไม่ และเมื่อตัดสินใจได้แล้วมือเล็กจึงรูดคีย์การ์ดเข้าห้องก่อนค่อยๆโผล่หน้าเข้าไปด้านใน
“กลับมาแล้ว...”
“....”
“ฉันกลับมาแล้ว..”
“....” ยังคงไร้เสียงตอบรับ.. ไม่มีแม้กระทั่งเสียงจากโทรทัศน์หรือสัญญาณว่ายังมีคนอยู่ด้านใน
“สงสัยหลับรึเปล่านะ” เจ้าของห้องตัวเล็กค่อยๆปิดประตูลงอย่างเบามือก่อนเดินสำรวจรอบห้องแต่ก็พบเพียง..ความว่างเปล่า
“ร..รัน! รัน นายอยู่ไหนน่ะ นายอย่ามาเล่นแบบนี้นะ! มันไม่ตลกเลยนะ” คนตัวเล็กเริ่มรนรานวิ่งตะโกนเรียกชื่อบุคคลที่ควรจะอยู่ในห้องพร้อมกับวิ่งหาทั่วห้อง ทั้งเปิดตู้เสื้อผ้า..ห้องน้ำ ระเบียง ห้องควร..แต่ก็ยังพบเพียงความว่างเปล่า..
“......อะไรกัน..” ร่างบางมาหยุดยืนอยู่ในห้องนอนพลางกวาดสายตามองหาสัมภาระของเพื่อนร่วมห้องอีกคน..แต่มันกลับหายไป ... ‘ตึกตัก..’ เมื่อไม่พบแม้กระทั่งเสื้อผ้าหรือแม้แต่กระเป๋าเดินทางของอีกคนคนตัวเล็กก็เริ่มเข้าใจแล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร...
“.... ” ตาคู่สวยสะดุดเข้ากลับกระดาษโน๊ตใบเล็กที่วางไว้บนหมอนและเมื่อหยิบมันขึ้นมาอ่านใกล้ๆก็ยิ่งแน่ใจว่านั่นเป็นลายมือของคนที่หายไป..
‘ถึง เฟริน ..
ขอบคุณที่คอยปลอบใจฉันและให้ที่พักฉันด้วยและก็ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ฉันจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำดีๆของเรานะ ฉันขอให้เธอได้เจอคนดีๆที่ดูแลเธอได้นะ โชคดีนะ ขอบคุณและขอโทษ..
ปล.ฉันขอให้เธอเที่ยวให้สนุกนะ ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว
จาก รันเวย์’
“แล้วนาย.. ฮรึก.. แล้วนาย ก็ ฮึก.. นายก็ทิ้งฉันไป” เพียงแค่จบประโยคธารน้ำใสที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกลับเปียกชุ่มไปทั้งพวงแก้มใสนั่น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘ฉันเกลียดนาย!’
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“เครื่องน่าจะลงได้ละนะ ดีเลย์หรือยังไงเนี่ย” ชายร่างสูงโปร่งในชุดสุภาพยืนชะโงกชะเง้อมาหาใครบางคนที่ไม่ออกมาจากเกทผู้โดยสารขาเข้าเสียที
“พี่ฟาร์ม จ๊ะเอ๋! ^^” น้องสาวตัวดีที่ไม่รู้ว่าหลุดรอดสายตาของพี่ชายไปได้อย่างไรกระโจนเกาะหลังพี่ตัวสูงอย่างสนิทสนม
“เฮ้ย! มาไงเนี่ย พี่ยืนรอเราอยู่นี่ตั้งนานไม่เห็นออกมา” ไม่ว่าเปล่ามือหนายีหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู
“-3- ก็เดินออกมาไง มัวแต่มองแอร์โฮสเตสสาวๆก็สารภาพมาเถอะ”
“เปล่าซะหน่อย ไงเที่ยวสนุกไหมเรา” ว่าพลางดึงกระเป๋าลากจากมือน้องสาวมาลากให้พร้อมเดินนำไปยังที่จอดยานพาหนะหรู
“... ไว้ค่อยคุยกันดีกว่าเนอะ มีเวลาอยู่ด้วยอีกตั้งเดือนนึงแหน่ะเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังจนหูชาเลย ตอนนี้น้องหิวแล้ว!” ตอบปัดๆไปเพราะเจ้าหล่อนเองก็ไม่ได้อยากจะไประลึกถึงความทรงจำที่มีที่นั่นอีก..
1 เดือนต่อมา..
และก็เป็นเช่นนั้นตลอดเวลาช่วงปิดเทอมพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่แม้แต่จะส่งข้อความถามสารทุกข์สุขดิบอย่างที่เคยทำ..ราวกับว่าไม่ใช่คนรู้จักกัน
“ไงเรา จะเปิดเทอมแล้วเนี่ยแต่ยังไม่สบายอยู่เลย จะไหวป้ะเนี่ย” พี่ชายร่างสูงยืนค้ำโต๊ะอาหารมองน้องสาวที่นั่งกินข้าวต้มกุ้งอย่างเซ็งๆ
“ไหวน่า เดี๋ยวก็หายไม่มีไข้แล้วนี่นา..”
“แน่หรอไหนพี่ขอเช็คหน่อย” มือหนาทำท่าจะเอื้อมมาแตะหน้าผากน้องสาวแต่น้องสาวตัวดีกลับเบี่ยงตัวหลบ
“ไม่เอา! บอกว่าไม่มีแล้วก็ไม่มีสิพี่ ไปทำงานเลยไปๆๆ มีนัดคนไข้ตอน 9 โมงใช่หรอคะ” ร่างบางรีบตอบปัดๆไปเพื่อเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“เอ้อใช่! นี่ 8 : 45 แล้ว อ้าวชิบหายยย สายไปอีก หลายนัดด้วยเนี่ยวันนี้ ไปละๆๆๆๆกินยาให้ครบนะ” ร่างใหญ่รีบร้อนคว้ากระเป๋าทำงานก่อนตรงมาขยี้หัวน้องสาวสุดที่รักและปรี่ออกไปที่รถ
“เฮ้อ..เกือบไปแล้ว” ตากลมมองตามรถพี่ชายที่แล่นออกจากรั้วไปพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งใจ แน่นอนว่าการที่เจ้าหล่อนปฏิเสธไม่ให้คนเป็นพี่สัมผัสหน้าผากก็เพราะว่าเอไม่ได้มีไข้จริงๆมาตั้งแต่แรก..แต่อาการที่มีมันคืออาการอ่อนเพลีย เวียนหัวและอาเจียน..แน่นอนว่านักศึกษาแพทย์อย่างเธอต้องทราบดีอยู่แล้วว่ามันคืออาการของการตั้งครรภ์.. และมีหรือที่คุณหมออย่างพี่ชายเธอจะหากไม่โกหกและแกล้งป่วยเป็นไข้ถึงเขาจะเป็นศัลยแพทย์แต่เรื่องแค่นี้เขาต้องรู้เข้าสักวัน..
“เอาไงต่อดีล่ะ..”เหลือเวลาอีกกี่วันที่คนตัวเล็กเองต้องกลับไปที่มหาลัยแต่เรื่องที่คิดหนักคือเธอจำเป็นที่ต้องบอกตัวการของเรื่องหรือไม่และถ้าตัดสินใจจะบอกควรจะเริ่มพูดจากตรงไหนเพราะตั้งแต่วันนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย.
“ก็คงต้องบอกแหละเนอะ..” ร่างเล็กนั่งก้มคุยกับกุ้งในชามข้าวต้มพลางคนมันไปมาเบาๆ..ก่อนจะลุกไปจัดการทำความสะอาดถ้วยอาหารของตัวเองและมานั่งจุ้มปุกอย่างหน้าคอมเพื่อคิดหาคำพูดบทสนทนาที่จะเอาไปคุยกับอีกคนและในที่สุดมือเล็กก็เริ่มพิมพ์ข้อความก่อนจะกดส่งเข้าไป..
“สวัสดี” รอเพียงไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา
‘เฮ้ย! ไงสวัสดี เธอสบายดีไหม’
“ก็สบายดีอ่ะ นายหล่ะ?” ดูจากข้อความแล้วอีกฝ่ายก็คงตกใจไม่น้อยที่คนตัวเล็กเป็นคนติดต่อไป
‘ก็สบายดีอ่ะ ว่าแต่เธอกลับมาตอนไหนอ่ะ?’
“ก็หลังจากนายสองวัน”
‘อ่า.. ขอโทษจริงๆนะ’
“อื้อ เป็นไรหรอก”
‘….’
“นี่”
‘ว่า?’
“จะเปิดเทอมแล้วก่อนฉันกลับไปมหาลัยมาเจอกันหน่อยได้ไหม? ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
‘อ่า..ได้สิให้นัดเพื่อนคนอื่นด้วยไหมเห็นว่าฮันมันว่างอยู่พอดี’
“ไม่ล่ะ แค่ฉันกับนาย”
‘อ่อ ได้ๆแล้ววันไหน ที่ไหนล่ะ’
“พรุ่งนี้ เวลาเดิม ร้านเดิมเหมือนครั้งที่แล้ว”
‘โอเค เจอกัน’
เมื่อจบบทสนาทนาร่างบางก็รีบงับหน้าจอลงแทบจะทันทีในใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ขั้นต่อไปเธอก็คงต้องไปคิดหาคำพูดเพื่อมาบอกกับเขาซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเป็นฝ่ายบอกเรื่องแบบนี้..
.
.
.
.
.
‘เวลาที่เราไม่อยากให้มาถึง มันมักจะมาถึงเร็วเสมอ..’
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างสูงยืนมองตัวเองในกระจกด้วยหน้าตาเคร่งเครียดแน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องเสื้อผ้า! แต่ที่เสริมเข้าไปคือเรื่องของคนที่นัดเขาวันนี้ ความรู้สึกตอนนี้มันคือความรู้สึกตื่นเต้น! แต่มันไม่เหมือนครั้งที่แล้ว มันตื่นเต้นแบบกระวนกระวาย ตื่นเต้นจนมวลท้องไปหมด
“ยัยนั่นนัดเราทำไมวะ อยู่ๆก็ติดต่อมา หรือจะบอกให้เราผิดชอบวะ” ปากหยักพูดกับตัวเองอยู่หน้ากระจกราวกับเพื่อนสนิท
“แล้วรับผิดชอบยังไงวะ แต่งงานหรอ ไม่เอานะ! เรายังอายุน้อยอยู่เลยนะเว้ย ยัเงเรียนไม่จบด้วย”
“หรือ...ยัยรินชอบเราวะ..โฮ่ยยย ไม่ได้นะ แต่แบบจริงๆฉันก็ชอบมันนะเว้ยแต่เราเป็นเพื่อนกันไงและฉันก็พึ่งอกหักมายังตัดใจจากแสนดีไม่ได้ด้วยอ่ะ ทำไงดีๆๆๆๆ = =” ร่างสูงยืนถกเถียงกับตัวเองพักใหญ่ก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาและพบว่าอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมันก็จะถึงเวลานัดของพวกเขาเสียแล้ว...
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย สายยย” ไวกว่าแสงร่างสูงรีบคว้าเป้คู่ใจก่อนจะปรี่ออกจากห้องไป
.
.
.
.
‘ฉันได้แต่หวังว่านายจะรับได้ในสิ่งที่ฉันจะบอก..’
.
.
.
.
.
.
.
“เฮ้อออ เอาไงดี บอกไม่บอก บอกหรือไม่บอกดี จะบอกหรือจะไม่บอกดี ฮื่ออ ;^;” อีกด้านของเจ้าของนัดเองก็ไม่ต่างนั่งทะเลาะกับแก้วกาแฟตรงหน้าทวนคำพูดของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงอึดใจคนตัวเล็กก็ต้องพับเก็บคำพูดเหล่านั้นลงไปเมื่อตรงหน้าปรากฏร่างสูงของคนที่เจ้าหล่อนนัดไว้
“โทษๆๆมาสายหน่อย พอดีฉันตื่นสายน่ะ” ร่างสูงนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ม ไม่เป็นไรฉันเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน” กล่าวโกหกไปคำโตทั้งที่จริงแล้วคนตัวเล็กมาถึงก่อนเวลานัดตั้ง1ชั่วโมงครึ่ง
“เอ่อ สบายดีไหมตั้งแต่กลับมายังไม่ได้เจอกันอีกเลย”
“อ๋อ สบายดี..ฉันสบายดีสิ นายหล่ะ?” น่าแปลกเหตุใดบรรยากาศในการพบกันครั้งนี้ดูน่าอึดอัดกว่าครั้งไหนๆ
“ฉันสบายดีๆ ก็ดีแล้วหล่ะ..เอ่อ แล้วเรื่องอะไรล่ะที่เธอว่าจะคุยกับฉันน่ะ?” ไหนๆก็ไหนๆแล้วร่างสูงเองก็ขอเป็นคนเปิดประเด็นเลยจะดีกว่า
“...คือว่า..นาย..” ปากบางเม้มแน่นชั่งใจครั้งสุดท้ายว่าควรจะพูดออกไปหรือไม่แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยไปจู่ๆมือถือเครื่องหรูของอีกคนที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นเตือนวี่สายเรียกเข้า
ครืดดด~~ ครืดดดดด~~
“โอ๊ะ..โทษทีขอตัวแปปนะ” เพียงได้เห็นชื่อจากสายที่เรียกเข้าใบหน้าคมก็เผยยิ้มออกมากว้างก่อนจะลุกเดินหลบไปรับโทรศัพท์โดยมีคนตัวเล็กนั่งมองตาม..
“....” ไม่ใช่ว่าเจ้าหล่อนไม่เห็นว่าชื่อบนหน้าจอนั้นเป็นใคร.. ‘แสนดี’.. และนี่อาจจะเป็นสัญญาที่เตือนว่าเธอไม่ควรจะบอกเขาก็เป็นได้...
“มาละ เมื่อกี๊เธอจะว่าอะไรนะ” ร่างหนาทิ้งตัวลงฝั่งตรงข้ามดังเดิมพร้อมชักนำเอาบทสนทนาเมื่อครู่มากล่าวถึง
“อ๋อ..ป ปล่าว ฉันจะถามนายว่านายสั่งอะไรรึยัง” คนตัวเล็กส่งยิ้มให้อย่างไม่เต็มใจนัก
“เอ่าแค่นั้นอ่อ? สั่งแล้วๆ ฉันเดินเลยไปสั่งมาเมื่อกี๊”
“อื้ม” คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆเพียงเท่านั้นยิ่งทำให้ร่างสูงสงสัยในท่าทางนั้น
“แน่ใจนะว่าแค่นั้น?”
“ก็..ปล่าวหรอก”
“แล้วมีอะไรจะถามฉันอีกหละ?” ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างกวนประสาทหวังให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้น
“นาย..กับพี่แสนดี.. คืนดีกันแล้วหรอ” ถามออกไปอย่างนั้นทั้งๆที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องรู้เลยและไม่ได้อยากจะรู้เลยสักนิด
“ก็นะ.. เขามาขอโทษฉันแล้วบอกว่าอาจจะเพราะระยะทางเขาเลยเหงา เราเลยตกลงกันว่าต่อไปนี้เราจะสลับกันบินไปหากันเดือนละครั้ง” ร่างสูงเอ่ยด้วยท่าทางดีใจยิ้มแย้มแจ่มใสโดยไม่ทันสังเกตุนัยตาคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย..
“...ก็ดีใจด้วยนะ^^” แม้เป็นคำพูดแสดงความยินดีแต่คนพูดกลับดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด..รอยยิ้มที่ปนเศร้าถูกส่งออกไปโดยที่คนรับที่มัวแต่ดีใจไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย
“ขอบใจมาก ฉันก็ขอให้เธอเจอคนใหม่ที่ดีๆกับเธอไวๆนะ โอ๊ะ มาแล้วๆ” ร่างสูงเอ่ยก่อนจะหันไปรับกาแฟของตัวเองที่มาเสิร์ฟพอดี
“ขอบคุณมากนะ แต่ฉันคงจะไม่...” ตาคู่สวยหลุบลงต่ำก่อนจะหยุดประโยคนั้นไว้เพียงเท่านั้น
“อื้มมม หอมชะมัดเลย” จมูกคมก้มลงจรดขอบแก้วกาแฟเพื่อซึมซับกลิ่นหอมของกาแฟสดก่อนค่อยๆยกมันขึ้นจิบอย่างถูกใจ
“....” คนตัวเล็กนั่งมองการกระทำนั้นอย่างไม่ละสายตา..
“หืม มีอะไรติดหน้าฉันรึเปล่า? ทำไมมองฉันอย่างนั้นหละ” แน่นอนว่ายิ่งเขาถูกจ้องแบบนี้มีหรือที่จะดูไม่ออกว่าแววตาที่จ้องมาทางเขานั้นมันแฝงไปด้วยความเศร้าที่ถูกกดไว้ภานในดวงตาคู่สวยนั้น
“ไม่มีอะไรหรอก.. ^^” ทั้งๆที่มันเป็นการฝืนยิ้มแต่เจ้าหล่อนเองก็ไม่ได้อยากให้เขาไม่สบายใจ อยากให้เขาเห็นว่าเธอไม่เป็นไร..
“แน่ใจนะ? หรือเธอเศร้าที่ฉันคืนดีกับแสนดีแล้วเธอต้องโสดอยู่คนเดียว?” หวังจะพูดกวนประสาทให้คนตัวเล็กโมโหสักหน่อยแต่กลับผิดคาด..ร่างเล็กนิ่งสนิทไม่ตอบโต้อะไร
“.....”
“เอ่อ แล้วเรื่องอะไรหล่ะที่เธอว่าจะคุยกับฉันน่ะ?” มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบก่อนเข้าเรื่องประเด็นหลักของการพบกันในครั้งนี้
“ไม่มีแล้วล่ะ”
“ห๊ะ? หมายความว่าไง”
“ก็ไม่มีแล้วไง มันไม่จำเป็นแล้ว ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว”
“เอางั้นก็ได้ ตามใจเธอละกัน” ยกกระแฟขึ้นจิบอีกรอบก่อนเอามือเคาะโต๊ะเบาๆ
“…..”
“....” ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง
“ตอนแรก..ฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาของเรา แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาของฉันคนเดียวแล้วล่ะ (: ” ปากบางเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะหยัดตัวขึ้นยืนพร้อมสะพายกระเป๋า
“ด เดี๋ยวสิเธอหมายความว่ายังไง แล้วนี่จะไปไหน”
“ฉันต้องไปแล้วพอดีนัดกับพี่ฟาร์มไว้น่ะ ขอโทษนะที่กวนเวลานาย จะเปิดเทอมแล้วตั้งใจเรียนล่ะ ขอให้โชคดีด้วย แล้วเจอกันใหม่นะ...” ว่าจบไม่รอให้อีกคนได้พูดอะไรร่างเล็กก็กลับหลังหันออกเดินไปทันทีทิ้งให้อีกคนร้องเรียกตามหลัง
“เดี๋ยวสิเฟริน! แล้วเธอจะกลับมาอีกตอนไหน.. เฮ้! กลับมาตอบฉันก่อนสิ” ต่อให้ร้องตามยังไงเธอก็ไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมาสักนิด ร่างสูงนั่งกอดอกมองหญิงสาวที่เดินจากไปจนลับสายตาพร้อมกับคำถามมากมายที่ผุดขึ้นในใจ
“อะไรวะ ตอนแรกนึกว่าจะมาคุยกันเรื่องจะให้ฉันรับผิดชอบ.... หรือว่ารินมันจะชอบเราจริงๆวะ พอเห็นเราดีกับแสนดีละมันเสียใจวะ? มันต้องใช่แน่ๆเลยอ่ะ โถ่ไม่น่าเลยยยยย เฟรินเอ้ยย ทำไมฉันรู้สึกผิดกับเธอจังเลยวะ” ร่างหนานั่งบ่นอุบอิบอยู่กับตัวเองพักใหญ่ก่อนจะลุกจากไปตามทางของตนเอง...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘หลังจากนี้มันคงมีแค่ฉันแล้วล่ะที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้คนเดียว..’
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘Sorry & Goodbye’
.
.
.
.
.
.
.
.