เรื่องวุ่นวายค่อยๆ คลี่คลายลง เมื่อปิติพี่เลี้ยงของดวงยิหวาช่วยเข้าไปเคลียร์ปัญหา และอธิบายเรื่องที่ทั้งดวงยิหวาและชวนชมคิดว่าว่าคีรีนั้นเป็นโจรว่ามันไม่เป้นความจริงอย่างที่ทั้งคู่เข้าใจ ทั้งยังสั่งให้พวกเด็กของตัวเองขอโทษคีรี ที่ไปพูดจาแบบนั้นใส่เขา
“เจ๊ปลีแต่ยิหวามัน....” ชวนชมพยายามจะอธิบาย จะไม่ให้เข้าใจผิดได้อย่างไรกัน จากสภาพการแต่งตัวของคีรีและท่าทางที่เขากระทำกับดวงยิหวานั้นเป็นใครก็ต้องคิดว่าเขาตั้งใจมาลวนลามแน่
“หุบปากไปเลยชวนชม” เจ๊ปลีรีบร้องห้าม เมื่อได้ยินเสียงลูกน้องกระซิบกระซาบแทรกขึ้นมา
“ก็ไอ้...”
“ยิหวา!!” พอผู้ถูกลวนลามจะพูดบ้าง ปิติก็ร้องปรามเธอรู้ได้ทันทีว่าปิติไม่ได้เพียงต้องการให้เธอหยุดพูด แต่เขาต้องการให้เธอแสดงท่าทีอ่อนโยนให้สมกับที่เพิ่งจะได้ตำแหน่งมา
“แต่ว่าเขาเข้ามากอดยิหวายิหวาก็ตกใจสิคะ” ดวงยิหวาปั้นหน้าให้ปกติที่สุดก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน แต่สั่นไปด้วยทั้งความโกรธและความกลัว ก็แน่ล่ะอยู่ๆ เธอก็ถูกผู้ชายรูปร่างแบบนั้นเข้ามากอด เป็นใครก็กลัวน่ะสิ ยิ่งเป็นยิหวาขาวีนแล้วด้วยล่ะก็ เธอไม่หลุดคาแรคเตอร์ด่าใส่เขาก็ดีแค่ไหนแล้ว
“แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่ว่าเขาแค่จะมาพูดคุยทักทายเราเฉยๆ คุณคีรีคะดิฉันต้องขอโทษแทนดวงยิหวากับชวนชมด้วยนะคะ ที่พูดจาไม่ดีกับคุณไป สองคนนี้ไม่ใช่คนพื้นที่น่ะค่ะ ก็เลยอาจจะไม่รู้จักชื่อเสียงบารมีของคุณ” ปิติรีบพูดแก้ต่างเมื่อเห็นว่าสองคนไม่มีทีท่าจะยอมขอโทษคีรีง่ายๆ และเพราะปิติเป็นคนพื้นที่ทั้งยังรู้จักรายชื่อของผู้สนับสนุนรายใหญ่ของงานนี้ดี เขาจึงได้มีท่าทางอ่อนน้อมกับคนตรงหน้ามากขนาดนี้แม้ว่าคีรีจะอยู่ในชุดซ่อมส่อไร้ราศีเพียงใดก็ตาม
“ไม่เป็นไรผมเองก็บุ่มบ่ามเกินไปยิหวาเขาคงจะตกใจจริงๆ” แม้ว่าคีรีจะยังรู้สึกแปลกใจกับท่าทีเฉยชาของดวงยิหวาที่เธอแสดงออกมาราวกับว่าไม่รู้จักกับเขาจริงๆ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังแอบหวังว่าเธอนั้นอาจจะแค่โกรธเลยแสดงออกมาแบบนั้น
“พวกคุณจะอยู่ที่นี่อีกนานหรือเปล่า”เขาถามต่อตาก็ยังคงมองจ้องที่ดวงยิหวาด้วยความอาลัยอาวรณ์ เขาเฝ้ารอเจอกับเธอมานาน ได้เจอเธอมายืนอยู่ตรงหน้า ใจก็ยิ่งปรารถนาหวังจะครอบครองเสียให้ได้ คราวกก่อนเพราะเขาลังเลกลัวว่าเธอจะไม่มีตัวตนอยู่จริงเลยไม่กล้ารับคำขอที่เธออยากจะแต่งงาน
วันนี้ได้เห็นตัวเป็นๆ ของเธอแล้วทั้งยังงดงามวิจิตรดั่งนางฟ้านางสวรรค์ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากรูปที่เขาเคยเห็นเลยสักนิด นั่นก็ยิ่งทำให้ใจของคีรีร้อนรนอยากจะขอเธอแต่งงานเสียวันนี้พรุ่งนี้ให้ได้ แต่ก็คงต้องตามง้อเธอให้ได้เสียก่อน ปล่อยให้ดวงยิหวาน้อยใจหนีหายไปเป็นปี หากเธอจะยังโกรธอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“คงอีกสักพักค่ะ” ปิติรีบตอบ แต่ดูเหมือนว่าทั้งชวนชมและดวงยิหวาจะไม่ชื่นชอบกับคำตอบของปิตินัก ทั้งคู่ต่างหันมองหน้าคนพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ โดยเฉพาะดวงยิหวาเดิมทีเธออยากจะกลับจนใจจะขาดอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเรื่องนี้ เธอยิ่งอยากจะกลับเสียตอนนี้ให้ได้ แต่ไหงปิติถึงได้ตอบออกไปแบบนั้น ทั้งที่บอกกับเธอว่าแข่งจบก็จะกลับทันที
“ก็ไหน...”
“อยากจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ต่อ ไม่ได้มีโอกาสมาบ่อยๆ น่ะค่ะ ถ้าคุณคีรีไม่รังเกียจจะมาเป็นไกด์พาพวกเราเที่ยวก็ได้นะคะ” ดวงยิหวาไม่ทันได้พูดอะไร ปิติก็แทรกขึ้นดักทางเธอทันทีเขารู้ว่าแม่นางงามของเขากำลังจะทักท้วงเพราะเธอบ่นแต่อยากจะกลับบ้านมาตลอด
“ได้สิครับ แต่เย็นนี้ถ้าอยากจะชวนทุกคนไปทานมื้อเย็นที่บ้านจะรังเกียจหรือเปล่า” คนเชื้อเชิญมองดูปฏิกิริยาของคนที่เขาอยากจะเชยชมใบหน้าสวยหงิกงอแสดงความไม่ชอบใจอย่างชัดเจน
“โอ๊ย ไม่เลยค่ะ ยัยยิหวาน่ะบ่นอยากกินไก่สับเบตงตั้งแต่ขึ้นเครื่อง นี่ก็ยังไม่ได้พาไปหากินเลยเพราะต้องเตรียมตัวประกวด เห็นเขาว่าบ้านคุณคีรีไก่เยอะ ไม่รู้ว่า...” ดวงยิหวากลอกตามองขึ้นฟ้าด้วยความเอือมละอานี่ปิติคงคิดจะพาเธอไปกนข้าวกับคนมีอำนาจท้องถิ่นหาเงินอีกแล้วล่ะสิ แล้วเธอเองก็ไม่เคยบ่นสักนิดว่าอยากจะกินอะไรแบบนั้น
แต่ฝ่ายคีรีนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ปิติกล่าวก็ดีอกดีใจยกใหญ่ เรื่องอาหารการกินและการต้อนรับนั้นไม่ใช่ปัญหาของคีรีอยู่แล้ว ขอเพียงได้พาดวงยิหวาไปเห็นอาณาจักรและฐานะของเขาก็พอ เผื่อว่าเธอจะเปลี่ยนใจคีรีแอบคิดว่าไม่แน่ที่ดวงยิหวาแสดงท่าทีรังเกียจเขาแบบนี้ อาจเป็นเพราะเธอดันมาเจอกับเขาตอนที่เขาไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย การแต่งตัวที่ดูมอมแมมซ่อมซ่อเช่นนี้ มันก็ไม่แปลกหากเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นโจรแบบนั้น
“ถ้างั้นวันนี้ผมจะเปิดบ้านต้อนรับคุณ....”
“ปลีค่ะเรียกเจ๊ปลีก็ได้” ปลีรีบแนะนำตัว เขาคิดว่าคีรีถือเป็นคนที่น่าสนใจ ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของผู้หญิง แถมสายตาที่มองดวงยิหวานั้นก็ดูจะคลั่งไคล้แม่นางงามเหลือเกิน ทำความรู้จักเอาไว้ก็เห็นว่าจะมีแต่ประโยชน์ จะลงประกวดมิสแดนสยามต้องลงทุนมากใครๆ ก็รู้ เงินรางวัลของดวงยิหวาที่อ้างว่าเก็บไว้ลงทุนประกวด เขาก็แอบใช้ไปบ้างแล้ว
แต่หากคุยกับคีรีดีๆ ไม่แน่เขาอาจจะเป็นผู้สนับสนุนใหญ่ให้ก็ได้ แต่ปัญหาตอนนี้ดูจะอยู่ที่แม่ดวงยิหวาเสียมากกว่า นอกจากไม่ยิ้มแย้มรักษาภาพนางงามแล้ว ยังเอาแต่ทำหน้าเง้าหน้างอ หายใจฮึดฮัด ไม่น่ามองเลยสักนิด ก่อนจะไปร่วมมื้อเย็นวันนี้ ยังไงก็ต้องคุยกับดวงยิหวาให้รู้เรื่องว่าการปั้นหน้า พูดจาหวานๆ กับคีรีมันมีประโยชน์กับเธออย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นผมจะติดต่อไปทางคุณปลีนะครับ แล้วถ้าเกิดว่าคุณปลีแล้วก็ยิหวา อยากไปไหน อยากกินอะไร บอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีจัดการให้ทุกอย่าง” คีรีพูดเสนอตัว แต่เหมือนว่าดวงยิหวาะไม่ได้ชอบใจนัก เธอไม่อยากไปไหนทั้งนั้นนอกจากสนามบิน
“เกรงใจจังเลยค่ะ แต่โอกาสดีๆ มันก็ไม่ได้มีบ่อยๆ ยังไงปลีจะติดต่อไปนะคะ” ปิติสะกิดแขนนางงามของตัวเอง เพื่อส่งสัญญาณให้เธอขอบคุณคีรี แต่แม่ตัวดียังยืนนิ่ง เชิดหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร
“ยิหวา” เจ๊ปลีกัดฟันพร้อมกับเปล่งเสียงเรียกดวงยิหวา ด้วยความรู้สึกมันไส้ ถ้าไม่ติดว่าผิวพรรณของเธอมีผลกับการประกวดละก็ จะหยิกให้เขียวเลยทีเดียว
“ขอบคุณ...ค่ะ” ดวงยิหยาทำตามที่ปิติต้องการ แต่ก็แสดงท่าทีที่ไม่เต็มใจอย่างชัดเจน คีรีได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไร
เขากับเธอก่อนที่จะเลิกติดต่อกันนั้น ก็มีเรื่องคาใจกันอยู่นิดหน่อย เขาคิดว่าหญิงสาวคงยังโกรธอยู่ ถึงได้ทำเป็นไม่รู้จัก ทำท่าเหมือนรังเกียจเขาแบบนั้น โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ และก็รู้สึกรังเกียจจริงๆ เช่นกัน
ก่อนจากกันคีรีพยายามจะยิ้มให้กับดวงยิหวาคนสวย แต่เธอกลับเอาแต่เชิดหน้าใส่ ทั้งยังมองเขาด้วยสายตาแสนดูแคลน ‘ก็แค่เศรษฐีบ้านนอก ที่ใฝ่สูงอยากจะมาเชยชมนางงามระดับฉันเท่านั้น คิดจะเปิดบ้านต้อนรับ ชิ!! อยากจะรู้นักว่าจะรับรองแขกระดับฉันได้ดีแค่ไหน’ ดวงยิหวากวาดตามองเจ้าถิ่นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอีกครั้ง ก่อนจะคิดขึ้นในใจ ผ้าขี้ริ้วที่มันห่อหุ้มอยู่บนตัวของเศรษฐีอย่างคีรี มันผืนใหญ่จนปิดบังราศีและบารมีของคนรวยไปเสียจนมองไม่เห็นแม้แต่น้อยเดียว