ตอนที่ : 7 ควรหย่าได้แล้ว 4

1552 Words
“แต่คุณยุแกรักคนนี้มากไงคะ เลยยังคบเป็นเพื่อนกันอยู่ ตอนมีปัญหาก็พามาที่บ้านบ่อย ๆ ค่ะ ระยะหลังนี่แหละที่ไม่เห็นอีกเลย” “ระยะหลังนี่ หมายถึงตอนไหนคะ” ถามแล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาเองแบบไม่รู้สาเหตุ “ก็เอ่อ ตอนที่คุณยุแต่งงานกับคุณนันท์แล้วนั่นแหละค่ะ ป้าก็ไม่เคยเจอคุณคนนั้นอีกเลย” นางนฤมลเอ่ยจบ คนฟังก็เกิดคำถามขึ้นในใจ จนต้องเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง “ทำไมป้าน้อยถึงเจอเธอบ่อย ๆ ได้คะ เธอมาค้างที่นี่เป็นประจำเหรอคะ” “เอ่อ คือว่า ก็มีค้างบ้างค่ะ” ‘อ้อ’ ธารินันท์ถึงกับนิ่งเงียบไปเลย เหมือนเธอกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวของสามีได้บ้างเล็กน้อย “ป้าไปทำงานก่อนนะคะคุณนันท์ เหลือตากผ้ากับถูบ้านค่ะ เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันตอนเย็น คุณยุกลับมาถูกดุแน่ค่ะ” คนถูกซักฟอกแทบจะเผยความลับของเจ้านายหมดเกลี้ยง รีบหาทางเลี่ยงไปทำงานของตัวเอง ก่อนที่จะถูกถามอะไรที่มันลึกซึ้งไปมากกว่านี้ “ตามสบายเลยค่ะป้าน้อย” หญิงสาวผายมือเชิญให้อีกคนทำงานต่อได้เลย หลังนางนฤมลออกจากห้องนั่งเล่นไปแล้ว ธารินันท์ก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาหนานุ่ม เธอหลับตาลงแน่นแล้วพยายามนึกหาเหตุผล ว่าทำไมเขาถึงยอมตกลงแต่งงานกับเธอง่าย ๆ ไม่ใช่เรื่องธุรกิจอย่างเดียวแน่ คนอย่างเขาดูไม่เหมือนคนที่จะถูกใครบงการได้ง่าย ๆ จนได้คำตอบให้ตัวเองว่า ‘เขาไม่ได้ถูกใจเธอ เหมือนเธอถูกใจเขานะนันท์ เขาแค่ไม่มีใครเฉย ๆ’ หญิงสาวยังนึกถึงวันที่ แอบเข้าไปส่องไอจีของเขาได้อยู่ เห็นรูปถ่ายที่เขาลงไว้ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก เขาลงรูปเฉพาะเวลาที่ได้ไปสถานที่พิเศษ ใบหน้าหล่อคมเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ครั้งแรกที่ได้เห็นเขาชัด ๆ ในไอจี เธอก็ตกหลุมเขาเข้าอย่างจัง ก่อนจะตะลึงงันไปอีกรอบ ในวันที่นัดลองชุดแต่งงานกัน ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้ากันชัด ๆ ไม่ใช่แค่เฉียดกันไปผ่านกันมาเหมือนในอดีต ‘ขอโทษด้วยนะครับที่ผมไม่ได้ไปหาคุณนันท์ก่อนหน้า งานผมยุ่งปลีกตัวไม่ได้เลยครับ’ เขายิ้มขอโทษแบบสุภาพ ธารินันท์คิดว่ารอบตัวเธอหยุดหมุนหรืออย่างไรกัน เพราะทุกอย่างมันนิ่งงันไปหมด เห็นแค่ใบหน้าอันสว่างไสวของเขาเพียงคนเดียว ‘คุณนันท์ครับ ๆ’ ‘คะคุณยุ’ ‘เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เห็นเงียบไปเลย’ ‘เปล่าค่ะไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่คิดมากหรอกค่ะ เจอวันไหนก็เหมือนกันค่ะ ไหน ๆ เราก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว’ เธอคิดแบบไหนก็พูดออกมาแบบนั้น เขาได้ยินแล้วก็กลั้วหัวเราะอยู่ในลำคอ ‘ไม่คิดว่าคุณนันท์จะตลกเหมือนกันนะครับ’ ‘มีบ้างค่ะ’ ‘เชิญคุณลูกค้าทั้งสองลองชุดได้เลยค่ะ’ พนักงานของร้านเดินมาเรียกทั้งคู่ให้เข้าไปลองชุดในห้อง ใช้เวลาไม่นานนักทั้งสองคนก็เดินออกมาพร้อม ๆ กัน ทั้งคู่ต่างตกตะลึงกันและกันอยู่อึดใจหนึ่ง ครั้นไปยืนหน้ากระจกเพื่อดูความเรียบร้อยของชุด ธารินันท์นั้นใบหน้าแดงเถือกไปด้วยความเขินอาย เธอยอมรับว่าเขาดูดีมาก ดีจนเธอพร้อมจะถวายตัวให้เลย ส่วนณธายุนั้นเขารู้สึกหนักอึ้งแบบแปลก ๆ คำพูดที่แสนจะสดใสและรอยยิ้มหวาน ๆ ของธารินันท์ ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธหรือไม่เห็นด้วยได้ นอกจากยิ้มรับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ‘ฉันว่าชุดของคุณยุก็ดูดีแล้วนะคะ ใส่แล้วหล่อมาก’ ‘ชุดของคุณนันท์ก็สวยครับ’ ‘งั้นเราก็ตกลงเอาตามนี้นะคะ’ ‘ได้ครับ’ ทุกอย่างในวันนั้นคงเป็นแค่ภาพลวงตา เธอหลงความหล่อความดูดีของเขา จนลืมมองให้ลึกไปถึงข้างในใจของผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ ธารินันท์รู้สึกผิดขึ้นมาทันที เธอมองทุกอย่างง่ายไปหมด ทั้งที่ชีวิตจริงนั้นไม่ใช่เลย ณธายุกลับเข้าบ้านมาในช่วงเวลาสองทุ่มกว่า เขาเห็นภรรยาของตัวเองนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง ขืนไม่แวะเข้าไปทักทายสักหน่อย ก็คงเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป “ผมกลับมาแล้วนะครับ” ทำไมถึงได้ดูห่างเหินแบบนี้นะ เขาแค่นขำอยู่ในใจ เดินเข้าไปใกล้ ๆ คนที่ยังไม่ได้ละสายตาจากจอทีวีเลย “ค่ะ” ธารินันท์ขานตอบเขาทั้งที่ตาจ้องเขม็งที่หน้าจอทีวีตรงหน้า ทำให้คนเป็นสามีนึกแปลกใจ ว่าอะไรทำให้หญิงสาวดูจดจ้องได้ขนาดนี้ “ดูเรื่องอะไรอยู่ครับคุณนันท์ ทำไมต้องเอาผ้าห่มมาห่มด้วย แอร์ก็ไม่ได้หนาวมาก” เขาถามไปสายตาก็มองจอทีวีไปด้วย ก่อนจะยิ้มตรงมุมปาก เพราะเป็นหนังผีชื่อดังของไทยที่เพิ่งเข้าฉายในเน็ตฟลิกซ์นั่นเอง “คุณดูเรื่องนี้ตอนอยู่บ้านคนเดียวนี่นะครับ” เขาถามพลางทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง ก่อนจะนึกออกว่าทำไมหญิงสาวถึงกล้าดูคนเดียว เพราะเล่นเปิดไฟสว่างจ้าไปทั้งหลัง เปิดแทบทุกมุมก็ว่าได้ ขับรถเข้ามาตอนแรกยังแปลกใจว่าทำไมไฟที่บ้านถึงสว่างไสวขนาดนี้ ตัวต้นเหตุอยู่นี่นี่เอง แต่เมื่อหญิงสาวตั้งใจดูขนาดนี้เขาก็ไม่อยากนั่งอยู่รบกวน “ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ” “เดี๋ยวสิคะคุณยุ” ธารินันท์ฉุดข้อมือเขาไว้ ส่งสายตาละห้อยอ้อนวอนขอ “ครับ” “ตอนแรกมันก็ไม่ได้น่ากลัวนะคะ แต่พอมากลาง ๆ เรื่องมันเริ่มจะไม่ไหวแล้วค่ะ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะคะ” คนกลัวผีเอ่ยปากขอร้องสามี ณธายุไม่ตอบ เขาทำเพียงยิ้มนิด ๆ ตรงมุมปาก แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือธารินันท์ขยับเข้าไปชิดกับเขา เกาะต้นแขนเขาเอาไว้แน่น ยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นจากพื้นมาชันเข่าอีกต่างหาก ชายหนุ่มอมยิ้มอีกครั้ง ความกลัวหนังผีของธารินันท์ สามารถทำให้ช่องว่างระหว่างกันเล็กลงได้อย่างนั้นหรือ ดนตรีสยองหนักขึ้นคนที่กอดแขนเขา ก็รัดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ยกผ้าห่มขึ้นปิดตาเอาไว้อีกต่างหาก ณธายุทำหน้าไม่ถูกเลยจริง ๆ ในตอนนี้ ภรรยาเขาทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่นก็ไม่ปาน เขายิ้มอ่อนบนใบหน้า แต่งงานกันมาสี่เดือน เพิ่งจะเคยดูหนังด้วยกันครั้งแรกก็วันนี้ เขายกมือขึ้นลูบหลังมือหญิงสาวไปมา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรเลย นอกจากความกลัวที่เอ่อล้นออกมา ทั้งสีหน้าและแววตา หนักเข้าก็ซุกหน้าหนีกับต้นแขนเขาเสียอย่างนั้น จนเขาต้องลูบต้นแขนหญิงสาวเบา ๆ เป็นการปลอบ กว่าหนังจะจบได้ธารินันท์ก็ผวาแล้วผวาอีก คนเป็นสามีทั้งขำทั้งสงสารในเวลาเดียวกัน “ถ้ากลัวมากขนาดนี้ ทีหลังก็อย่าดูหนังผีตอนอยู่คนเดียวสิครับคุณนันท์” เขาเอ่ยขึ้นหลังภรรยาคนสวยเดินไปปิดทีวีเรียบร้อยแล้ว “ก็มันน่าดูนี่คะ ว่าแต่ไปตีกอล์ฟสนุกไหมคะ” “เอ่อ ก็สนุกดีครับ” คนถูกถามตอบมาไม่เต็มน้ำเสียง เพราะว่าเขาไม่ได้ไปตีกอล์ฟจริง ๆ น่ะสิ แค่อยากหนีออกไปให้พ้นความอึดอัดใจเท่านั้นเอง “ฉันไม่เคยเห็นไม้ตีกอล์ฟของคุณในบ้านเลยนะคะ” ธารินันท์เพิ่งนึกได้ว่าเธอไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้ในบ้านจริง ๆ “ผมเอาไว้ที่คลับน่ะครับ มีคนดูแลให้สะดวกกว่าเอากลับบ้านด้วย” เขาตอบความจริง “อ้อ แต่ก็ขอบคุณมากนะคะที่มาดูหนังเป็นเพื่อนฉัน กว่าจะจบก็สามทุ่มกว่าเลย ฉันง่วงแล้วขอตัวไปนอนก่อนนะคะคุณยุ” พูดจบก็เดินขึ้นบันไดนำหน้าเขาไป กลายเป็นว่าณธายุต้องปิดไฟปิดประตูบ้านแทนนั่นเอง ความจริงเรื่องการนอนเตียงเดียวกันนั้น ธารินันท์เคยถามเขามาแล้วเหมือนกัน แต่เขากลับไม่เห็นด้วยที่จะแยกห้องนอนกัน พร้อมกับเหตุผลที่ว่า ‘นอนด้วยกันนี่แหละครับคุณนันท์ ผมไม่ไว้ใจป้าน้อย’ ‘ทำไมคะ’ ‘ป้าน้อยทำงานที่บ้านคุณแม่ผมครับ ถ้าแกเห็นเรานอนแยกห้องกัน ก็จบครับ’ ตอนนั้นเธอยังงง ๆ และไม่เข้าใจอะไร จนถึงตอนนี้เธอก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน ทำไมเธอถึงได้เชื่อฟังเขาขนาดนี้นะ ‘บ้าไปแล้วยัยนันท์’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD