"อาไฟคะ?" ขนมปังที่นั่งอยู่ในรถเอ่ยเรียกผู้เป็นอา เมื่อเสร็จธุระจากค่ายมวยจึงมุ่งหน้ากลับบ้าน
"ว่าไงแสบ" ผู้เป็นอาตอบรับพร้อมกับขับรถอย่างตั้งใจ สายตาเพ่งพิศมองยาวไกลไปตามท้องถนนอย่างมุ่งมั่น
"ปังไม่ชอบนายด๊อกอะไรนั่นเลย เขามองปังแปลก ๆ" ขนมปังหันหน้าไปมองอาไฟที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ เธอบอกสิ่งที่รู้สึกข้างในให้ผู้เป็นอานั้นรับรู้อย่างใสซื่อ
"เขาชื่อด๊อจ ไม่ใช่ด๊อก นั่นมันหมาแล้วปัง" อาไฟทักท้วงขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"ก็นั่นแหละค่ะ จะด๊อจหรือด๊อก ก็ดอเด็กเหมือนแหละค่ะอาไฟ...คนอะไรวะชื่อเรียกยากจัง" ขนมปังบนอุบอย่างปัด ๆ
"แสบเอ๊ย!!...เปลี่ยนชื่อเขาซะเสียเลย" อาไฟพูดแซวเป็นจังหวะเดียวกับที่กำลังหักพวงมาลัยรถเข้าเส้นทางในหมู่บ้านของหลานสาว
"ปังไม่ถูกชะตา เกลียดสายตาผู้ชายบ้าอะไรตัวขาวอย่างกับหลอดไฟเดินได้" เธอยังคงนั่งกอดอกบ่นอุบ
"อาหมอกคงให้ด๊อจสอนปัง"
"อะไรนะคะ!!...นี่อาไฟพูดเล่นใช่ไหม?" ขนมปังตะเบ็งเสียงดังเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่อาไฟบอกเล่า
"โอ๊ย หูจะเเตกหนูจะตกใจอะไรลูก ก็ด๊อจเขาเป็นครูสอนมวยกับคนที่มาเรียนเป็นเพื่องานอิเรกป้องกันตัว ไม่ได้สอนเป็นมืออาชีพเหมือนอาหมอก" อาไฟพูดบอกให้หลานสาวรับรู้
"ให้ตายเถอะ ปังไม่ชอบไม่ถูกชะตานี่ต้องมาเจอหน้ากัน มาสอนปังอีกเหรอเนี้ย...โอ๊ยชีวิตของเฌอรียาผู้อาภัพ แม่เจ้า!!!" ขนมปังบ่นยุบยิบไม่หยุดตลอดกาลเดินทาง ฝ่ามือเรียวฟาดกระทบหน้าผากเอนตัวทิ้งน้ำหนักลงกับพนักพิงเบาะรถอย่างหน่าย ๆ
"งั้นก็ยกเลิกคลอสเรียนไหมล่ะ?"
"ไม่ยกเลิกค่ะ"
อาไฟพูดแซวอย่างหยอกเย้าจนหลานสาวรีบบอกปฏิเสธทันที เมื่อการเรียนมวยมันคือสิ่งที่เธอตั้งใจมานาน
"ไม่ยกเลิก ถ้าอย่างนั้นก็หยุดบ่น บ่นอะไรไม่เหนื่อยเหรอลูก บ่นจนแทบจะถึงบ้านแล้วเนี้ย" อาไฟที่ต้องทนฟังหลานสาวบ่นตลอดเส้นทาง ต้องเอ่ยถามขึ้นเย้าแหย่ ทั้งที่เขานั้นชอบเสียงของเธอที่สดใสทำให้มีรอยยิ้มทุกครั้งที่อยู่ใกล้
"ไม่หยุดค่ะ ปังไม่เหนื่อย ให้พูดทั้งวันปังก็พูดได้ค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า" ขนมปังพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะปล่อยหัวเราะร่าชอบใจที่เหมือนกลั่นแกล้งผู้เป็นอาได้
"ปังไม่เหนื่อยแต่อาเหนื่อย...อาเหนื่อยแทนหนู" อาไฟพูดแซวต่อ
"โธ่อาไฟอ่ะ แค่ทน ๆ ฟังปังหน่อยก็ไม่ได้ แค่ฟังจะไปเหนื่อยอะไรล่ะคะ...เดี๋ยววันหลังปังไปพูดให้อาไฟฟังที่ออฟฟิศดีไหม อาไฟจะได้ไม่เหงา...โอเคตามนั้นค่ะพอดีเลยวันจันทร์ปังหยุด โรงเรียนสั่งปิดพิเศษปังจะไปทำงานกับคุณพ่อ" ขนมปังพูดยาวเหยียดแทบไม่เว้นวรรคหายใจสูดอากาศเข้าปอด จนคนเป็นอาฟังแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว
"อาต้องบอกพนักงานเตรียมยาแก้ปวดไว้ล่วงหน้า" อาไฟพูดขึ้นและลอบทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
"อาไฟ!! จอด ๆ จอดค่ะ จอด!!!!!!!" ขนมปังอมยิ้มเมื่ออาไฟพูดจบ ก่อนจะตะเบ็งเสียงออกคำสั่งลั่นรถเมื่อเธอเห็นบางอย่างที่น่าสนใจ
เอี๊ยด!!! เสียงล้อยางรถยนต์เสียดสีกับพื้นถนนจนเสียงดัง กับการที่อาไฟต้องเบรกรถยนต์กะทันหัน เมื่อเสียงของหลานสาวตะเบ็งลั่นระงม
"อะไรปัง อาตกใจหมดเลยลูก" อาไฟขมวดคิ้วชนกัน แล้วเอ่ยถามหลานสาวอย่างสงสัย
"เดี๋ยวปังมาค่ะ" ว่าจบขนมปังก็เปิดประตูลงจากรถยนต์ เดินไปยังริมถนนด้วยความรีบร้อน
...อาไฟจ้องมองตามหลังหลานสาว สังเกตพฤติกรรมที่เธอกำลังจะทำ ก่อนจะเห็นบางอย่างที่ยืนสั่นอยู่ริมถนน ลูกแมวน้อยลายสามสีที่ถูกทิ้งไว้ หลานสาวตัวแสบอุ้มขึ้นแนบอกและพาขึ้นรถในถัดมา
"อะไรปัง" อาไฟเอ่ยถามทันที เมื่อหลานสาวอุ้มลูกแมวนั่งเคียงข้าง
"แมวไงคะ อาไฟไม่รู้จักเหรอ?" ขนมปังตอบออกไปด้วยความสัตย์จริง เธอลูบหัวลูกแมวที่เก็บมาด้วยความอ่อนโยน อมยิ้มและพูดคุยกับแมวเหมือนดั่งกับแมวนั้นฟังเธอรู้เรื่อง
"รู้ว่าแมว แต่หนูเอามันมาทำไม?" อาไฟย้อนถามอย่างสงสัย
"สงสารน้องค่ะ น้องถูกทิ้งขว้างปังจะพาน้องไปอยู่บ้านด้วย" ขนมปังเงยหน้าพูดกับอาไฟ ส่งยิ้มให้อย่างสดใส แต่คนเป็นอานั้นถึงกับกุมขมับวุ่นวายใจ
"งานเข้ากูแล้ว" อาไฟบ่นยุบยิบเบา ๆ โขกหัวเข้ากับพวงมาลัยรถอย่างเหลืออด
"กลับบ้านกันค่ะ...ไปอยู่กับพี่ขนมปังน้า เดี๋ยวพี่ขนมปังจะเอาข้าวให้กินทุกวันเลย...ไปเป็นน้องสาวของพี่ขนมปังแล้วน้องจะสนุกมีความสุขสุด ๆ" ประโยคแรกเธอบอกผู้เป็นอา และประโยคถัดมาเธอพูดกับลูกแมวน้อยน่ารัก
"ครับ...หลานสาว" อาไฟรับคำสั่งแล้วขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านของเพื่อนสนิททันที