“อย่าหาเรื่องกันดีกว่า” แดนตะวันพูดอย่างเบื่อหน่าย
“คนอย่างมึงนี่มันน่าหาเรื่องว่ะ” ธันวาเหยียดปากมองสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน อัญชัญรู้ดีว่าคนทั้งสองไม่ลงรอยกัน เพราะมีเรื่องตั้งแต่หนหลัง สมัยที่เธอยังเป็นเด็กน้อย
“กูไม่อยากยุ่งกับมึง” แดนตะวันกระชากมือที่ธันวาตรงเข้ามาขยำคอเสื้อของเขาเอาไว้ ธันวานิ่วหน้าเมื่อมือใหญ่บีบมือเขาจนเจ็บ
“กูไม่เคยลืมว่ามึงทำระยำอะไรเอาไว้”
ธันวานิ่วหน้า พูดเสียงดุดัน
“คนอย่างมึงมันพูดไม่รู้เรื่อง” แดนตะวันโต้กลับ เขาเบื่อที่จะต้องพบเจอกับธันวา อดีตเพื่อนรักที่พูดจาไม่รู้เรื่อง
“มึงต่างหากไม่เป็นลูกผู้ชาย กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ”
“ถ้าการเป็นลูกผู้ชายคือต้องรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำ กูว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเป็นลูกผู้ชายก็ได้ว่ะ” แดนตะวันตอกกลับ เขาไม่ชอบให้ใครมาพูดจาบังคับขู่เข็ญให้ทำอะไรตามใจเพื่อรักษาหน้าหรือเพื่อให้สบายใจ ในขณะที่เขาเป็นฝ่ายทุกข์ใจ ทุกอย่างมันต้องว่าไปตามจริง
เขาคิดเสมอว่าชีวิตเป็นของเขา ไม่มีใครบังคับอะไรใครได้ ถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยการบังคับมันก็อยู่ได้ไม่นาน สักพักก็ต้องทนไม่ไหว
สำหรับอัญชัญนั้นไม่ใช่การบังคับ คนอย่างเขาถ้าไม่ต้องการ ใครก็บังคับไม่ได้แม้แต่บิดามารดา แม้พวกท่านจะสัญญิงสัญญาหมั้นหมายเขากับอัญชัญเอาไว้เขาก็ไม่สน หมั้นได้ก็ถอนได้ นั่นคือนิสัยตรงไปตรงมา พูดคำไหนคำนั้นของเขา ตอนนี้อัญชัญยังเด็ก เขาคิดว่าเธอควรจะมีชีวิตที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนฝูง ได้เรียนหนังสือและได้เที่ยวเตร่ ก่อนที่จะมีครอบครัว
การมีครอบครัวนั้นมันต้องยกระดับความสัมพันธ์ไปอีกระดับ อัญชัญยังเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ ไม่เหมาะจะเป็นนายหญิงของที่นี่ และเขาเองก็อยากให้เธอโตกว่านี้ นึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน แดนตะวันจำใบหน้าเล็กน่ารักของเด็กน้อยนามว่าอัญชัญได้ดี บิดามารดาของเขาจูงมือเธอกลับเข้าบ้านมาด้วยหลังจากที่แจ้งให้ทุกคนรับรู้ว่าจะอุปการะอัญชัญเอาไว้เพราะบิดามารดาของเธอเสียชีวิต กะทันหัน เด็กน้อยหน้าตาน่ารัก ปากแดง แก้มใส ผมนุ่ม ตัวหอม หลบอยู่หลังมารดา พร้อมทั้งแอบมองคนแปลกหน้าที่รายล้อมอยู่รอบกายด้วยความสงสัย
เธอเป็นที่รักของเขารวมถึงคนที่นี่ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัว
อีกไม่กี่ปีหรอก แต่ตอนนี้เขาจะให้เธอดี๊ด๊ามีความสุขไปก่อน พอแต่งงานกันจริงๆ เธอจะได้รู้ว่าเรื่องบนเตียงมันไม่ใช่เรื่องเล่นขายของ ถึงเวลานั้นคนที่ทำท่าจะให้เขากิน อาจจะคลานหนีเสียด้วยซ้ำ
ทั้งแดนตะวันและธันวาจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เรื่องราวแต่หนหลังหวนกลับมาในห้วงความทรงจำของคนทั้งคู่อีกครั้ง
“ไอ้แดน ถามหน่อยสิ”
“ถามว่าอะไร”
“ถ้าเราชอบใครสักคน เราจะบอกเขาไปดีไหมวะ”
“ก็บอกไปสิ จะอมพะนำเอาไว้ทำไม” แดนตะวันตอบตามจริง ถ้าเขารักใครชอบใคร เขาจะเดินไปบอกตรงๆ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา
“กลัวเขาไม่ชอบน่ะ”
“ใครวะ” แดนตะวันเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“ลูกพลับไง ฉันชอบลูกพลับ” ธันวาพูดแล้วตาลอยหยาดเยิ้ม คิดถึงเพื่อนสาวคนสนิทแล้วรู้สึกหัวใจเต้นแรง มีความสุขอย่างประหลาดเพราะตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในห้วงรัก
“บอกไปเลย” แดนตะวันเชียร์เพื่อน
“แกว่าลูกพลับจะชอบฉันไหมวะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ใช่ลูกพลับ แต่ชอบหรือไม่ชอบก็บอกไปก่อน มัวแต่คิดเยอะ เดี๋ยวคนอื่นก็ตัดหน้าไปหรอก”
“ฉันคิดว่าจะบอกลูกพลับเย็นนี้แหละ”
“เอาสิ เดี๋ยวลูกพลับก็มาทำรายงานบ้านฉันนี่หว่า จัดไปเพื่อน เดี๋ยวช่วยเอง” แดนตะวันตบบ่าเพื่อนเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ซุกซ่อนสีหน้ากังวลเอาไว้อย่างมิดชิด
จริงๆ เขารู้นานแล้วว่าธันวาชอบลูกพลับ แต่ลูกพลับพยายามแสดงออกว่ามีใจให้เขายามอยู่กันสองต่อสอง พออยู่กันสามคนลูกพลับก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครล่วงรู้ เขาไม่อยากว่าเธอเป็นคนไม่ดี แต่ลูกพลับมักใช้ให้ธันวาทำโน่นทำนี่ให้ คล้ายหลอกใช้เพื่อหวังผลประโยชน์เท่านั้น แม้ไม่อยากจะคิดแบบนั้น ก็อดจะคิดไม่ได้
เขาต้องหมั้นหมายกับคู่หมั้นตัวน้อยอย่างอัญชัญ บิดามารดาขอเอาไว้ จึงไม่สามารถรักใครได้อีก ผู้หญิงชั่วคราวเขามีบ้างเพราะยังไม่แต่งงาน แต่ไม่เคยจริงจังกับใคร เรียกว่าวินๆ กันทั้งคู่
เขาค่อนข้างระวังตัวเอง ไม่เคยนอกลู่นอกทางจนไปทำใครท้องหรือต้องรับผิดชอบใครเป็นตัวเป็นตน ถ้าโอเคกันทั้งคู่ และไม่ได้บังคับขืนใจกัน เขาโอเคเสมอ แต่ถ้าเรียกร้องอะไรมากมายเกินเหตุ คงต้องเดินกันคนละทาง
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะหนุ่มๆ” เสียงหวานใสของลูกพลับทำให้สองหนุ่มหันไปมอง
ธันวายิ้มกว้างทันทีที่เห็นหญิงสาวที่ตนรัก ลูกพลับเองก็ยิ้มให้สองหนุ่มด้วยกิริยาน่ารักเช่นกัน
“ลูกพลับซื้อของกินมาเยอะแยะเลย วันนี้คงทำรายงานกันจนดึก” เธอชูของกินมากมายขึ้นมาให้สองหนุ่มได้ดู
“ว้าว... ดีจัง ธันก็ซื้อเครื่องดื่มมาเยอะเลย” ธันวาร้องขึ้น... ก่อนจะยิ้มให้หญิงสาว ลูกพลับมองชายหนุ่มเจ้าของบ้านด้วยสายตามีความหมาย แต่แดนตะวันกระแอม บอกว่าจะเอาของกินไปจัดใส่จานให้เอง ให้ลูกพลับกับธันวานั่งคุยกันไปก่อน เขาหันไปมองสบตาธันวาพยักหน้าให้กำลังใจอีกฝ่าย
ลูกพลับยื่นของที่ซื้อมาให้แดนตะวัน ชายหนุ่มจึงรีบรับไปเทใส่จานในห้องครัว ธันวานั่งมองหญิงสาวที่เขาแอบชอบ เธอเองก็ยิ้มหวานให้เขาเหมือนมีไมตรีจิต มือหนาลูบท้ายทอยไปมาอย่างเก้อเขินเมื่อคิดว่าต้องสารภาพรักกับเธอในวันนี้
“วันนี้ลูกพลับใส่ชุดน่ารักจังครับ” ธันวาชวนคุย
“ขอบใจจ้ะ ธันก็หล่อนะ แต่งตัวยังกับจะไปงานเลี้ยงน่ะ” เธอพูดแล้ว อมยิ้ม ในสายตาของธันวา ลูกพลับคือผู้หญิงสวยน่ารักและอ่อนโยนอ่อนหวาน
“คือธันมีเรื่องจะบอกลูกพลับน่ะ” เขารวบรวมจิตใจ ตัวสั่น ใจสั่น ตื่นเต้น ขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก
“อะไรเหรอจ๊ะ” ลูกพลับเอ่ยถาม มองเพื่อนชายอย่างรอคอย
“เอ่อ... คือว่าธัน ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ธันวาอยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ ที่เขาไม่กล้า เดินขาสั่นมาทำใจอยู่ในห้องน้ำครู่ใหญ่ แทนที่จะบอกเธอไปว่าชอบกลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
ลูกพลับเห็นเพื่อนชายขอตัวไปห้องน้ำ เธอจึงเข้าไปในห้องครัวเพื่อไปหาเพื่อนชายอีกคน
“ให้ลูกพลับช่วยนะแดน” เธอรีบอาสา
“ไม่ต้องหรอก ลูกพลับไปรอกินดีกว่า”
“ลูกพลับอยากช่วยนี่นา” เธอเบียดเข้าไปหา แดนตะวันเลยถอยหนี
“แดนทำท่าเหมือนรังเกียจลูกพลับเลย”
“ไม่ใช่หรอก อย่าคิดแบบนั้นสิ”
“ถ้าแดนไม่รังเกียจ แดนก็น่าจะรู้ว่าลูกพลับคิดยังไงกับแดน”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกลูกพลับ แดนไม่ได้คิดแบบนั้นกับลูกพลับ” เขาปฏิเสธเธอด้วยน้ำเรียบๆ
“แดนก็รู้ว่าลูกพลับคิดกับแดนเกินเพื่อนมานานแล้ว ทำไมแดนถึงได้ใจร้ายนักล่ะ ลูกพลับบอกแดนไปตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่ว่ายังไงลูกพลับก็จะรักแดนคนเดียว ยังไงชาตินี้ลูกพลับก็จะไม่รักใครอีก”
“แดนกำลังจะหมั้น” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กับเด็กนั่นน่ะเหรอ” ลูกพลับทำเสียงไม่พอใจ แดนตะวันเห็นบ่อยๆ แต่คนอื่นอาจจะไม่เห็น ภายใต้สีหน้าอ่อนหวาน ลูกพลับเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจคนหนึ่ง
“ตัดใจจากแดนเถอะ มีคนที่รักลูกพลับจากใจจริงอยู่อีกคน” เขาพูดเปิดทางให้เพื่อนรัก ยังไงธันวาก็เป็นเพื่อนของเขา
“ใครกัน อ้อ... ธันวานะเหรอ ลูกพลับไม่ได้รักธัน และไม่มีวันรักด้วย” ลูกพลับปฏิเสธเสียงเฉียบ “ยังไงลูกพลับก็รักแดน รักมานานแล้ว แดนก็รู้ และจะรักตลอดไป จะไม่มีทางรักใครอีกแน่นอน” ธันวาที่ออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอหญิงสาวจึงเดินมาหาในห้องครัว เขาจึงได้ยินเพื่อนทั้งสองคุยกัน ได้ยินแต่ประโยคสุดท้าย ประโยคก่อนหน้าไม่ได้ยิน แต่นั่นก็ทำให้เขาเจ็บจุกอยู่ในอก