ผ่านไปหลายวัน ก็ถึงช่วงเวลาที่อาจารย์จะเรียกลูกศิษย์รุ่นใหม่ที่พลังวัตรต่ำกว่าขั้นสร้างฐานไปฝึกซ้อมเป็นประจำทุกเดือน
“หลันหลัน….เสร็จหรือยัง ถ้าช้าจะถูกอาจารย์ทำโทษเอาได้นะ” เสียงใสๆ ตะโกนเรียกอยู่หน้ากระท่อม
อี้หลันเปิดประตูออกก็พบกับสตรีรูปร่างหน้าตาน่ารัก จากความทรงจำเดิม นางชื่อ ‘หนิงฟาง’ เป็นสหายคนสนิทเพียงคนเดียวของร่างเดิม
“อืม…ข้าแต่งตัวเสร็จพอดี พวกเราไปกันเถอะ”
ในการฝึกซ้อมร่วมกันครั้งนี้ นางจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกลุ่มของนางร้ายปากดีที่ชอบเข้ามาหาเรื่อง
“ศิษย์น้องอี้ เจ้ากลับบ้านไปตั้งหลายวันคงไม่ได้ฝึกวิชาเลยกระมัง”สตรีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลดังขึ้น อี้หลันเดาว่าอีกฝ่ายคงเป็นคนที่แอบชอบพระเอก
“นางคงจะกลับไปร้องไห้อยู่ที่บ้าน จะเอาเวลาใดไปฝึกวิชา” พอสิ้นเสียงสตรีผู้นั้น กลุ่มของนางก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
อี้หลันโต้กลับทันที “เรื่องของข้า ไม่จำเป็นให้พวกท่านต้องมาคอยกังวล ถึงอย่างไรลำดับขั้นบำเพ็ญของข้าก็ยังคงสูงกว่าพวกท่านที่ฝึกกันมาหลายปีอยู่ดี” พลังบำเพ็ญของอี้หลันตอนนี้นิดเดียวก็จะเข้าใกล้ขั้นสร้างฐาน ส่วนพวกนางยังเป็นผู้ฝึกพลังขั้นเจ็ดกันอยู่เลย
“เจ้า!” เมื่อถูกจี้ใจดำเช่นนี้สตรีพวกนั้นก็จะเดินเข้ามาหาเรื่อง
“อีกสักครู่ท่านอาจารย์ก็จะออกมา พวกเจ้าหยุดเสียงดังกันได้แล้ว” มีสตรีผู้หนึ่งเดินเข้ามาห้ามปรามเสียก่อน
อี้หลันมองแล้วก็จำได้ว่าอีกฝ่ายชื่อ ‘อวิ๋นเซียง’ เป็นแม่นางชาเขียวที่ต่อหน้าแสร้งทำดี แต่ลับหลังก็เข้ามาเป็นอนุภรรยาสร้างความร้าวฉานให้กับพระเอกและนางเอกของเรื่อง
"มารวมตัวกันที่นี่!" เสียงของอาจารย์ตะโกนดังขึ้นมาพอดี ทุกคนจึงแยกย้ายกันออกไป
“วันนี้พวกเจ้าต้องวิ่งรอบภูเขาเป็นจำนวนห้ารอบ!" อาจารย์ออกคำสั่ง หลังจากนั้นสหายร่วมเรียนคนอื่นๆ ก็เริ่มวิ่งนำไปข้างหน้า
อี้หลันเป็นดวงวิญญาณที่สุดแสนจะขี้เกียจ โดยปกติแค่เดินขึ้นลงบันไดในหอพักก็ยังเหนื่อย ตอนนี้ให้วิ่งรอบภูเขาตั้งห้ารอบก็ยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ร่างกายของนางจะแข็งแรงขึ้นมาก แต่จิตใจนั้นช่างไม่สู้เอาเสียเลย หลังจากวิ่งจนครบห้ารอบ หญิงสาวก็นอนลงกับพื้นร่วมกับสหายคนอื่นๆ อย่างหมดแรง
"หลันหลัน...ลุกขึ้นมาเถอะ…นอนกับพื้นเช่นนี้ดูไม่งามเลยนะ" หนิงฟางพยายามดึงแขนสหายให้ลุกขึ้นมา
"ข้าเหนื่อยเหลือเกิน…" อี้หลันนอนหลับตาโบกมือแสดงท่าทีว่าไม่อยากจะลุกขึ้น
หนิงฟางพยายามดึงแขนสหายคนสนิทอยู่หลายครั้ง ก่อนจะยอมแพ้และเดินไปยังโรงครัวเพื่อจองที่นั่งเอาไว้ให้ก่อน “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปจองที่นั่งในโรงครัวไว้ก่อน หากไปช้าของดีๆ จะต้องถูกคนอื่นเอาไปกินหมดแน่”
อี้หลันพยักหน้าตอบโดยที่ยังหลับตาอยู่ ผ่านไปสักครู่นางก็รู้สึกว่ามีคนมาเตะที่ขาของตนเอง ในตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเป็นหนิงฟาง ดังนั้นจึงพูดกับอีกฝ่ายโดยไม่ลืมตา "ให้ข้านอนพักอีกสักหน่อยเถอะ"
ทันทีที่นางพูดจบ ขาของนางก็ถูกเตะอีก
อี้หลันสูดลมหายใจเข้าลึก "ข้ายังไม่มีแรงขอเวลานอนพักอีกสักครู่”
"ลุกขึ้นแล้ววิ่งต่ออีกห้ารอบ" เสียงบุรุษดังขึ้นเหนือศีรษะ
อี้หลันลืมตาขึ้นทันที ภาพเห็นคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนมองนางด้วยใบหน้าเรียบเฉย ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะดูหล่อเหลา แต่สายตาของอีกฝ่ายที่มองมาก็ดูน่ากลัวมาก นางถามเขากลับด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ เพราะคนที่นอนอยู่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่นางคนเดียว "เมื่อครู่นี้…ท่านสั่งข้าอย่างนั้นหรือ"
"ใช่…ลุกขึ้นแล้วไปวิ่งอีกห้ารอบ!" ชายคนนั้นย้ำคำสั่งของตนอีกครั้งแบบเสียงดังฟังชัด
"ท่านเป็นใคร ท่านไม่ใช่อาจารย์ของข้า เหตุใดถึงมาสั่งให้ข้าวิ่ง"
"วิ่งอีกห้ารอบ!"
"ข้าไม่ทำ!" อี้หลันรีบลุกขึ้นแล้วเดินหนีอีกฝ่ายทันที
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าชายหนุ่มนิรนามคนนั้นจะจับแขนแล้วลากนางวิ่งไปรอบๆ ภูเขาเป็นจำนวนห้ารอบจริงๆ
“โอ๊ย….ท่านปล่อยนะ!”
“เหนื่อยจะตายแล้ว!”
ตลอดเวลาที่วิ่งมีแต่เสียงโวยวายของอี้หลัน หลังจากนั้นเป็นเพราะนางเหนื่อยจนพูดไม่ออก เสียงโวยวายจึงค่อยๆ เงียบไป
อี้หลันลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ครบห้ารอบแล้ว… ท่านปล่อยข้าได้แล้ว!”
ชายหนุ่มจึงได้คลายมือออก
อี้หลันเหนื่อยจนแทบจะขาดใจจนไม่มีแรงที่จะด่าทอเขาอีก นางลากสังขารของตนเองไปยังโรงครัว โดยไม่สนใจสายตาของบุรุษคนนั้นที่มองตามมา
"ศิษย์พี่ใหญ่หลิง ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือขอรับ" ผู้บำเพ็ญชายหลายคนวิ่งเข้ามาถาม
หลิงเซียวพูดกับศิษย์น้องที่วิ่งเข้ามา "ก็แค่สอนให้ศิษย์น้องวิ่งรอบภูเขาเพื่อฝึกความแข็งแกร่งที่เพิ่มเท่านั้น ช่างน่าเสียดายที่นางอ่อนแอวิ่งแค่ห้ารอบก็เหนื่อยเสียแล้ว"
…..
เมื่อมาถึงโรงครัว อี้หลันก็เห็นหนิงฟางโบกไม้โบกมือให้นางนางอยู่ที่โต๊ะอาหารติดริมหน้าต่าง "หลันหลัน มานี่เร็ว ข้าช่วยจองที่นั่งไว้แล้ว"
อี้หลันเดินไปหาสหายคนสนิทและเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารเตรียมไว้เผื่อนางแล้ว “โอ้โห… ฟางฟาง เจ้าช่างเป็นสตรีที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ในอนาคตหากผู้ใดแต่งกับเจ้าคงจะโชคดียิ่งนัก"
หนิงฟางยิ้มรับคำชมเหล่านั้นและบอกให้อีกฝ่ายรีบกินข้าว “ตอนบ่ายพวกเราต้องไปประลองทักษะการต่อสู้อีก เจ้ารีบกินเถอะ หายไปนานขนาดนี้ไม่หิวหรืออย่างไร"
อี้หลันคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่และกัดหมั่นโถวชิ้นใหญ่เข้าปาก "เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเจอเข้ากับคนบ้า ข้ากำลังนอนอยู่บนพื้นอยู่ดีๆ เขาก็เดินมาสั่งให้ข้าวิ่งรอบภูเขาเพิ่มอีกห้ารอบ เจ้าว่าเขายังสติดีอยู่หรือไม่ คนอื่นๆ ก็นอนเหมือนกัน เหตุใดต้องสั่งให้ข้าวิ่งคนเดียวด้วย พอข้าไม่ยอมทำตาม เจ้ารู้ไหมว่าสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น"
"เกิดอะไรขึ้น" หนิงฟางถามด้วยท่าทางกระตือรือร้น
"เจ้าคนสติไม่ดีนั่น ลากข้าวิ่งไปรอบภูเขาถึงห้ารอบ ไม่ครบไม่ยอมปล่อย เจ้าคิดว่าเขายังสติดีอยู่หรือเปล่า" อี้หลันบ่นให้สหายคนสนิทฟัง
แต่นางโดยไม่รู้ตัวเลยว่า… คนสติไม่ดีที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยินทุกอย่างที่นางพูด เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สตรีผู้นี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก