เมียง้อ

1258 Words
ดวงตาคมกริบเหลือบมองร่างแบบบางที่เคลื่อนไหวตัวเองภายในห้องอาหาร มือเรียวประคองจานที่มีข้าวสวยร้อนๆ อยู่บนนั้น แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เมนูนี้ที่บ้านของเขามีอยู่เป็นประจำ เท่าที่ดูจากสีสัน รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของแม่บ้าน ถึงอย่างนั้นก็มีไอความร้อนที่บ่งบอกว่าแม้จะทำไว้ก่อนหน้านี้หลายชั่วโมง แต่พอนำมาทานใหม่ ก็มีการอุ่นอาหารให้ร้อนเหมือนเดิม ผัดคะน้าหมูที่เจ้าสาวหมาดๆ อ้างว่าเป็นคนทำก็ดูน่าทาน ก้านคะน้ามีการปลอกอย่างใส่ใจ เนื้อหมูที่ถูกหั่นชิ้นก็ดูพอดีคำ "ไม่เห็นเฮียบอกรักเลยค่ะว่าภูพิงค์ไลน์หาตอนที่เราอยู่บ้านของรัก" "แล้วมันสำคัญแบบไหน" "รักไม่รู้นี่คะว่าเฮียเข้าใจว่าเราจะทานมื้อค่ำที่บ้านของรักไปเลย" "แล้วเหตุผลอะไรที่ฉันต้องซื้อของกลับไปที่บ้านของเธอตั้งหลายอย่างทั้งที่เธอพยายามย้ำว่าที่บ้านอยู่กันแค่สามคน" คำพูดของคนตัวโตทำคนฟังชะงักไปทันที จริงสิ ตอนที่เขาพาเธอไปที่ร้านอาหารระดับห้าดาว เขาสั่งอาหารหลายเมนู ในขณะที่เธอพยายามบอกตั้งหลายครั้งว่าที่บ้านมีกันแค่สามคนเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อติดไม้ติดมือไปหลายอย่างเพราะจะทานไม่หมด ไม่ทันคิดว่าที่ซื้อเยอะเพราะเขาจะไปทานข้าวที่นั่น "รักแค่ไม่คิดว่าคนระดับเฮียจะอยากไปนั่งกินข้าวที่บ้านของรัก" เจ้าสาวหมาดๆ เริ่มรู้สึกผิด "เหตุผลของฉัน แค่คิดว่าเธออาจจะอยากทานข้าวพร้อมกับครอบครัวก็เลยอยากตามใจ" ดวงตากลมโตตวัดขึ้นจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาทันที หัวใจดวงน้อยเต้นแรงในตอนที่สบตากัน เขาทำเพื่อเธองั้นเหรอ อะไรจะเพอร์เฟคถึงขนาดนั้น ทั้งหล่อทั้งรวย พยายามเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นอีกต่างหาก เหมือนว่าเธอจะโชคดีเหมือนที่แม่บอกเลยนะยัยรัก! "รักขอโทษนะคะที่มองเฮียผิดไป" เขาเพียงแต่ปรายตามอง จากนั้นก็ก้มหน้าสนใจจานอาหารของตัวเองแทน เปี่ยมรักกระตือรือร้นตักอาหารแล้วนำไปวางบนจานของอีกฝ่าย เป็นการเรียกความสนใจจากเจ้าของใบหน้าคมคายได้อีกครั้ง "กลับคำ?" "..." "สบประมาทฉันไปแล้วก็เลยเปลี่ยนใจทีหลัง?" "ง้อต่างหาก" "..." "อะแฮ่ม" เสียงบุคคลที่สามส่งผลให้เปี่ยมรักหันขวับ แก้มนวลร้อนผ่าวเมื่อพบว่าภพนิพิฐกำลังเดินยิ้มเข้ามา "กำลังง้ออะไรกันอยู่ครับ" "กลับดึกเชียวนะ" ภูมิรพีทักทายผู้เป็นน้อง แวบหนึ่งที่ปรายตามองเมียหมาดๆ ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาได้ยินชัดว่าเธอพูดคำว่าง้อ และการที่มีคนอื่นเข้ามาได้ยินด้วย คงอายอยู่มั้ง "งานยุ่งน่ะครับ เฮียมีเมีย ช่วงแรกผมคงยุ่งหน่อยเพราะต้องทำงานคูณสอง ขอข้าวเพิ่มสักจานได้ไหมครับ" "อ้อ นั่งสิเดี๋ยวรักตักให้" ชายกลางของบ้านหย่อนตัวบนโต๊ะอาหาร แอบมองอาหารบนจานของพี่ชายคนโตแล้วอมยิ้มออกมา มีเมียตักอาหารให้ หน้าตาระรื่นเชียวนะ! "ขอบคุณครับ เจ้อายุเท่าไหร่นะ ยี่สิบหกย่างยี่สิบเจ็ดปะ" "ค่ะ" เปี่ยมรักพยักหน้า จากนั้นก็หย่อนสะโพกลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองตามเดิม "เฮียสามสิบสอง ผมสามสิบเต็ม ไอ้ภูยี่สิบสาม จริงๆ ผมอายุเยอะกว่า แต่ผมขอเรียกเมียเฮียว่าเจ้ตามไอ้ภูนะ" "อืม ได้สิ เรียกแบบไหนก็ได้ ว่าแต่ แล้วรักควรเรียกน้องชายคนกลางของเฮียภูมิแบบไหนดี" "ผมเป็นพี่ เรียกเฮียภพได้นะครับ" เปี่ยมรักหันกลับไปหาผู้ที่เป็นสามี เป็นเชิงขอความคิดเห็น และการกระทำของเธอ มันทำให้ภูมิรพีค่อนข้างพอใจ "ตามนั้น เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่ เรียกตามนั้นเลยก็แล้วกัน" แม้บนใบหน้าหล่อเหลาจะยังคงความเรียบเฉย ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ยังยิ้มได้ อย่างน้อยๆ การที่ก้าวขาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วทุกคนดีกับเธอ มันก็เป็นอะไรที่ดีมากแล้วจริงๆ "ผัดคะน้านี่ฝีมือใครอ่ะ เจ้เหรอ?" "ค่ะ เป็นไงบ้าง รสชาติได้เรื่องไหม" "สำหรับผมก็โอเคนะ อร่อยมาก เฮียล่ะ อาหารฝีมือเมียถูกปากป่าว" การโยนคำถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยส่งผลให้คนที่กำลังเคี้ยวข้าวหยุดค้าง ยิ่งยามที่เห็นดวงตากลมโตจ้องมองเขาเพื่อรอคำตอบ ความกดดันก็ยิ่งถาโถมเข้ามา ถ้าบอกว่าอร่อยมาก ไอ้ภพก็คงจะเล่าสู่ไอ้ภูฟัง พวกมันแซวไม่เลิกแน่ แต่ถ้าปากหนักบอกไปว่าเฉยๆ คนที่อุตส่าห์ตักอาหารง้อก็คงจะหน้างอ หาเรื่องลุกจากโต๊ะอาหารแล้วไปอาบน้ำนอนอ่านหนังสือแน่ๆ เลย เหมือนว่าเขาจะรู้ทัน! "เฮีย ตกลงกับข้าวฝีมือเมีย..." "อืม ก็อร่อยดี" ทันทีที่ภูมิรพีตอบกลับ คนที่กำลังรอคอยคำตอบก็ยิ้มกว้างออกมาทันที "เจ้รู้ใจเฮียนะเนี่ย ว่าแต่ แพลนมีตัวเล็กตามที่พ่อกับแม่ขอเลยป่าว" คราวนี้คนตัวเล็กเบิกตาโพลง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง ใครจะไปคิดกันว่าเขาจะถามแบบนี้ออกมา "อะ เอ่อ คือว่า..." "แน่นอน ฉันไม่เคยขัดพ่อขัดแม่อยู่แล้ว" เจ้าบ่าวหมาดๆ ตอบออกมาหน้าตาเฉย "ฮันแน่ คงเร่งมือเลยอ่ะดิ" "มะ ไม่ๆ คือว่า..." "จะเร่งคืนนี้แหละ" คำตอบแบบตรงไปตรงมาทำใบหน้าสวยร้อนผะผ่าว แก้มนวลเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เจ้าของคำตอบตักข้าวเข้าปากด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนคนที่เป็นฝ่ายตั้งคำถามและตั้งประเด็น เคี้ยวข้าวพลางอมยิ้มอย่างชอบใจ คนอย่างภูมิรพี จะมีเมียทั้งที พ่อแม่กลับคลุมถุงชนมันไม่น่าใช่ แม้คนอื่นๆ จะเข้าใจแบบนั้น แต่คนที่ช่างสังเกตแบบเขากลับคิดต่าง ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ใหญ่ของบ้านจะไม่อยากเลือกเมียด้วยตัวเอง บางครั้งเหตุผลที่ไม่ยอมปฏิเสธ เมียที่เฮียได้อาจจะเป็นสเปคของเฮียแบบที่ไอ้ภูมันพูดก็ได้! "...อย่าลีลา จานแค่ไม่กี่ใบถ้าจะใช้เวลานานขนาดนี้ปล่อยไว้เถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยให้แม่บ้านมาล้าง" คนที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตว่าคนที่บอกว่าจะจัดการเก็บกวาดครัวให้เรียบร้อยเหมือนเดิมก่อนใช้เวลานานเกินไป "รักบอกแล้วว่าเฮียไม่ต้องรอ" "เสียงดังแบบนี้ไม่เหมือนคนที่อยากง้อเท่าไหร่เลยนะ" ใบหน้างดงามหันกลับ เลยได้เห็นว่าสามีหมาดๆ จ้องดวงหน้าของเธอไม่วางตา "รักง้อแล้ว มันคนละส่วนกันค่ะ" "อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันเธอนะ" "ระ รู้ทันเรื่องอะไรคะ" "เรื่องที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจ" คนฟังเบิกตาโพลง ลูกตาเกลือกกลิ้งไปมาไม่นิ่ง คนที่มองอยู่กดยิ้มที่มุมปากทันที "วันนี้ฉันไม่ได้เหนื่อยกับงาน ต่อให้เธอจะถ่วงเวลาจนดึก..." "...สุดท้ายก็โดนอยู่ดี"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD