ตอนที่ 2

1786 Words
อรลออยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งด้วยความปวดใจ หล่อนไม่เคยมีความสุขยามอยู่ใกล้สองแม่ลูกนี่เลย พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจ กลั่นแกล้งทุกอย่าง และหล่อนเองก็โง่พอจะก้มหน้ารับกรรมโดยไม่คิดตอบโต้ ‘น้าฝากดูแลคุณราณีกับรุจิราด้วยนะ อร... พวกเขาคงไม่มีทางอยู่บนโลกใบนี้ได้ หากไม่มีใครดูแล’ และนี่คือคำพูดสั่งเสียก่อนตายของน้าอยุธ ผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวในโลกนี้ของหล่อน และมันก็คือเหตุผลว่าทำไมหล่อนถึงไม่ยอมออกไปจากขุมนรกขุมนี้สักที “นังอร... ฉันอยากกินโจ๊ก ไปซื้อมาให้ฉันกินหน่อยสิ...” เสียงตะโกนจากในห้องของรุจิราตอนสิบโมงเช้าทำให้สาวน้อยสะดุ้งตกใจ ต้องรีบกุลีกุจอเข้าไปในบ้าน และค่อยๆ เอ่ยเสียงสั่น “สิบโมง... โจ๊กไม่มีแล้วค่ะ... พี่รุ...” “ฉันจะกิน แกไปหามาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นแกถูกตบเลือดกบปากแน่...!” เสียงเดือดดาลของรุจิราดังออกมาจากห้อง อรลออหน้าซีดเผือด มือไม้สั่นเทารีบลนลานรับปากออกไปอย่างรวดเร็ว “ค่ะ... ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะออกไปหาซื้อให้พี่รุ...” รีบวิ่งออกมาจากบ้านหน้าตาตื่น และก็ต้องล้มไปกองกับพื้นเมื่อชนกับบุรุษไปรษณีย์วัยกลางคนที่เดินเข้ามาพอดี “แม่หนูอยู่บ้านนี้ใช่ไหมครับ...” อรลออรีบพยักหน้าตื่นๆ ซีดๆ รับ “ค่ะ หนูอยู่บ้านหลังนี้ คุณลุงมีจดหมายมาส่งหรือคะ” มือสีคล้ำส่งซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ เอื้อมมือไปรับมาถือเอาไว้ ขณะก้มมองซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงคุณน้าราณีของหล่อนชัดเจน “เซ็นชื่อตรงนี้ด้วยแม่หนู...” บุรุษไปรษณีย์ส่งปากกาและกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้เซ็นชื่อ หญิงสาวรีบทำตามคำสั่ง ก่อนจะส่งทั้งปากกาและกระดาษคืนให้กับลุงตรงหน้า “เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลุง” “ขอบใจมากแม่หนู ลุงไปล่ะ” ลุงไปรษณีย์ติดเครื่องมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว หญิงสาวกำลังจะนำเอาซองจำหมายเข้าไปวางไว้ในบ้าน แต่เสียงแหลมแสบหูของน้าราณีของหล่อนก็ดังขึ้นซะก่อน ทำให้อรลออต้องรีบวิ่งเข้าไปหา “ใครมา...?” “เอ่อ... ไปรษณีย์ค่ะ เขาเอานี่มาส่ง...” หญิงสาวค่อยๆ ส่งซองจดหมายให้กับผู้หญิงตรงหน้า ราณีแทบจะกระชากจากมือของหลานสาว ก่อนจะก้มมองด้วยความประหลาดใจ “ใครส่งมานะ... ชื่อผู้ส่งก็ไม่มี...” บ่นอยู่ตามลำพัง ก่อนจะเงยหน้าไปเอ่ยไล่อรลออด้วยความรำคาญ “จะไปไหนก็ไปสิ มายืนเสนอหน้าอยู่ได้ ไป๊!” หญิงสาวรีบวิ่งออกมาจากบ้านแทบไม่ทัน พลางถอนใจออกมาอย่างเหนื่อยล้ากับเหตุการณ์เลวร้ายที่ตนเองต้องเจอะเจออยู่แทบจะทุกนาที “มีอะไรหรือคะคุณแม่...” รุจิราในชุดนอนที่ก้าวลงมาจากบันไดร้องถามมารดาด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นนางราณีนั่งฉีกยิ้มอยู่กับกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งในจำนวนหลายต่อหลายแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกเตี้ยตรงหน้า นางราณีหันไปมองลูกสาว แล้วก็รีบกวักมือเรียก “มานี่เร็วยายรุ เรากำลังจะสบายแล้ว...” คิ้วเส้นบางๆ ที่ถูกตกแต่งมาอย่างดีด้วยดินสอเขียนคิ้วของรุจิราเลิกขึ้นสูง ขณะทรุดนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับมารดา “ใครส่งอะไรมาให้หรือคะ ทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้” “เรากำลังจะรวยกันแล้วลูก เรากำลังจะรวย นี่ไงจดหมายยืนยันการแต่งงานของแกยายรุ กับคุณริคคาโดลูกชายของมหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจสายการบิน ยานยนต์ โรงแรม และก็ห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีสาขาไปทั่วโลก...” “จริงหรือคะแม่... รุไม่คิดว่าคำพูดของคุณพ่อก่อนตายจะเป็นเรื่องจริง...” รุจิกายิ้มกว้าง ตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความดีใจ “แม่ก็ไม่คิดว่าจะจริงเหมือนกัน แต่มันคือความจริงลูก นี่ไง อ่านดูสิ...” ผู้เป็นแม่รีบส่งกระดาษที่เขียนรายละเอียดส่งให้ลูกสาวอ่าน หล่อนเคยได้ยินผู้เป็นสามีเอ่ยถึงเรื่องนี้บ่อยๆ แต่หล่อนไม่คิดจะสนใจไต่ถามอะไร เพราะตอนนั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ไม่เหมือนตอนนี้ที่กำลังต้องการขอนไม้เกาะ รุจิราไล่สายตามองตามตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ไว้ในกระดาษในมือนิ่ง ใจความในจดหมายก็ไม่มีอะไรมาก แค่ยืนยันเรื่องการแต่งงานที่เคยสัญญากันไว้ของบิดาทั้งสองฝ่าย โดยมีสินสอดถึงยี่สิบล้านบาท “แม่ตั้งยี่สิบล้านบาทแน๊ะ มหาศาลเลย...” “ใช่... แถมถ้าแกแต่งงานเข้าไปในตระกูลอภิมหาเศรษฐีพันล้านอย่าง เมเนนเดซ แกก็จะสบายไปตลอดชาติ ไม่ต้องดิ้นรนไปนอนกับผู้ชายคนไหนอีกเพื่อให้ได้เงินซื้อเสื้อผ้าแพงๆ พวกนั้น...” ผู้เป็นลูกสาวยิ้มอย่างเห็นด้วย แต่ก็อดบ่นไม่ได้ “ฝรั่งนี่แม่ รุไม่ค่อยชอบฝรั่งเท่าไหร่... แล้วคุณพ่อไปรู้จักกับพวกเขาได้ยังไงกันคะ” นางราณีส่ายหน้าไปมา “แม่ก็ไม่รู้ละเอียดมากนักหรอก รู้แต่ว่าตอนสมัยหนุ่มๆ พ่อของแกเคยอยู่ที่กรีซ แล้วก็เคยช่วยชีวิตกันไว้ และทางนู้นคงอยากตอบแทนบุญคุณมั้ง...” ผู้เป็นบุตรสาวยิ้มไม่หุบ เนื้อตัวเต้นระริกด้วยความดีใจ กับความโชคดีของตัวเอง “ไม่ใช่แค่ใหญ่ในกรีซหรอกแม่ รุเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ตอนที่เขาจัดอันดับเศรษฐีโลกเมื่อต้นปี เมเนนเดซเป็นตระกูลที่รวยที่สุดในโลกต่างหากล่ะ” ยิ่งฟังคำพูดของบุตรสาว ความกระหายในความร่ำรวยก็ฉายชัดอยู่ในดวงตาของนางราณีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสดคลี่ยิ้มไม่หยุด “นี่ไงล่ะคือความโชคดีของพวกเรา...” “ค่ะแม่โชคดีสุดๆ แต่ว่าหน้าตาของคุณริคคาโดนี่เป็นยังไงก็ไม่รู้นะคะ ไม่รู้ว่าจะหล่อเหลาสมกับความร่ำรวยหรือเปล่า...” “เอ่อ... มีรูปมาด้วยนะ อยู่ในซอง แม่เห็นแว๊บๆ เดี๋ยวหยิบให้ดู” นางราณีรีบล้วงมือเข้าไปในซองจดหมายสีน้ำตาลขนาดใหญ่ และคว้ารูปถ่ายสองสามใบที่อยู่ในนั้นติดมือขึ้นมาส่งให้บุตรสาว “นี่ไง... ดูสิ...” รุจิรารับมาดู แล้วก็ต้องตกใจตาค้าง ร้องออกไปเสียงหลง “ทำไมอัปลักษณ์อย่างนี้ล่ะแม่... ดูสิ น่าเกลียด ยี้... รุไม่แต่งด้วยหรอก แค่อยู่ใกล้ก็แทบจะอ้วกแล้ว...” หญิงสาวรีบส่งรูปในมือให้กับผู้เป็นแม่ดู และนางราณีก็มีสีหน้าไม่ต่างไปจากบุตรสาวแม้แต่น้อยเมื่อได้เห็นบุรุษในภาพถ่ายสีในมือ ผู้ชายตัวใหญ่ผมเผ้ารุงรัง ดวงตาข้างหนึ่งถูกปิดด้วยผ้าสีดำคล้ายที่พวกโจรสลัดมันปิดกัน แถมใบหน้าที่หาเค้าความเป็นคนไม่ได้แล้วนั้น ยังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นน่าหวาดกลัว หนวดเคราขึ้นรกทมึน น่าเกลียด... น่ากลัว จนพูดไม่ออกเลยทีเดียว... “รูปผิดหรือเปล่าเนี่ย...” นางราณีรีบหยิบรูปอื่นขึ้นมาดู แต่ผู้ชายในรูปก็ยังเป็นคนเดิมที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวจนแทบจะเรียกว่าอสูรกายได้เลย “จะผิดได้ยังไงล่ะแม่ ก็ตานี่แหละ นึกแล้วเชียวว่าทำไมถึงได้ติดต่อมาหารุ ที่แท้ก็อัปลักษณ์อย่างนี้เอง รุไม่เอาด้วยนะแม่ ต่อให้ร้อยล้านก็ไม่เอา ไม่แต่ง...” รุจิราส่ายหน้าพัลวัน พร้อมกับยื่นคำขาดว่าถึงยังไงหล่อนก็ไม่มีวันยอมแต่งงานกับผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้อย่างเด็ดขาด นางราณีรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้น่าเกลียดน่าขยะแขยง แต่ก็อดเสียดายเงินยี่สิบล้านซึ่งเป็นค่าสินสอดไม่ได้ จึงพยายามหว่านล้อมลูกสาว “แต่แม่อยากได้เงินนะลูก ยี่สิบล้านเลยนะ เราสบายกันทั้งชาติ...” “ก่อนจะสบาย รุมีหวังขาดใจตายไปก่อนน่ะสิแม่ ไม่เอาหรอก รุไม่ยอมแต่ง...” รุจิราตวาดมารดากลับมาด้วยสุ่มเสียงไม่พอใจ “แต่แม่เสียดาย...” “เสียดายแม่ก็ไม่หาคนอื่นเถอะ รุไม่เอา...” “แล้วจะให้แม่ไปหาใครล่ะ อีกอย่างเขาก็ต้องการแกนะยายรุ...” นางราณีพูดอย่างจนปัญญา อยากได้เงินก็อยาก แต่ก็ไม่กล้าบังคับใจลูกสาว เพราะตั้งแต่เกิดมาหล่อนยังไม่เคยบังคับใจลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียว และนั่นก็เป็นสาเหตุให้รุจิรากล้าตวาดแว้ดๆ ใส่หน้าหล่อนอย่างไม่มีความเคารพยำเกรงแบบนี้ “แม่ก็ไปหาใครมาอุปโลกน์เป็นรุสิคะ ใครก็ได้ พวกนั้นมันไม่รู้หรอก มันคงอยากได้เมียจนตัวสั่น...” ความคิดเห็นของลูกสาวทำให้นางราณีถึงกับยิ้มกว้างออกมา ดวงตาเป็นประกายวิบวับชั่วร้าย ก่อนจะหัวเราะร่วนออกมาด้วยความพึงพอใจ “แม่คิดออกแล้ว...” รุจิราหันไปกลับมามองมารดา “คิดอะไรออกคะแม่ คงไม่ใช่จะมาบังคับรุนะ รุไม่ยอม...” “แม่ไม่บังคับแกหรอกยายรุ แม่จะหาคนไปแทนแกยังไงล่ะ เงินยี่สิบล้านจะได้ไม่ไปไหนเสีย...” นางราณีกระหยิ่มยิ้มย่อง ผู้เป็นลูกสาวมองผู้เป็นแม่ด้วยความกังขา “แล้วแม่จะเอาใครล่ะ คงมีใครยอมไปเป็นเมียผู้ชายอัปลักษณ์แบบไอ้ริคคาดง ริคคาโดอะไรนั่นหรอก น่าเกลียดซะขนาดนั้น...” “มีสิ...” “มี? ใครกันคะ” ริมฝีปากของราณียกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง “ก็นังอรยังไงล่ะ...” “นังอรหรือคะ...” รุจิราร้องออกมาอย่างคาดไม่ถึง แต่พอคิดได้ก็หัวเราะร่วนออกมาอย่างสะใจ ความริษยาในดวงตาเจิดจ้าแผดเผา “แม่ฉลาดจังเลยค่ะ แต่ว่า... มันจะยอมหรือคะ” นางราณียิ้มกริ่ม “แม่มีวิธีที่จะทำให้มันยอมก็แล้วกัน แกไม่ต้องห่วงหรอกยายรุ เราเตรียมตัวใช้เงินยี่สิบล้านกันให้สบายใจดีกว่า...” สองแม่ลูกหัวเราะกันอย่างครื้นเครง หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องนำเอาอรลออในคราบของรุจิรา ไปสังเวยแด่ผู้ชายอัปลักษณ์อย่างริคคาโดเพื่อแลกกับสินสอดจำนวนมหาศาลให้จงได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD