บทนำ
ภายในห้องพักหรู ของคอนโดระดับห้าดาว ใจกลางเมืองศิวิไลซ์ ร่างบางระหงนั่งพับเพียบบนเตียงนอนขนาดกว้าง มือเรียวบางพับเสื้อผ้าเก็บใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีน้ำเงินเข้ม เนื่องจากเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น หญิงสาวจะเดินทางกลับบ้านเกิด ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ หลังจากที่ไม่ได้ไปเยือนเป็นเวลานานหลายเดือน
คนางค์นุช ศิริโชติหรือหนูฟ้าอายุ 24 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาอักษรศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของรัฐ ซึ่งสาขาดังกล่าวนั้นเปิดสอนเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ จากเด็กสาวกะโปโลแห่งเมืองท่องเที่ยว คราคร่ำไปด้วยชาวต่างชาติ บัดนี้เธอกลายเป็นสาวสวยงามสะพรั่งเต็มวัย ผิวพรรณผุดผ่องต่างจากหกปีก่อนเป็นอย่างมาก
ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับเครื่องหน้าอันประกอบไปด้วยคิ้วโก่งโค้งดุจคันธนู ดวงตากลมโตตามฉบับสาวแห่งเมืองท้องทะเล จมูกโด่งติดจะรั้นนิดๆ ไหนจะกลีบปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อที่เม้มเป็นเส้นตรงอย่างครุ่นคิด เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวสมัยมัธยมที่อยู่ใกล้ชิดกับมารดา โทรมารายงานเรื่องบางอย่างให้รับทราบ
“คุณแม่นะคุณแม่ หนูฟ้าไม่อยากหมั้นซะหน่อย ไม่รู้ไปรีบตกปากรับคำกับเขาทำไม” เสียงหวานบ่นออกมาเพียงลำพัง หลังจากจัดกระเป๋าเดินทางเสร็จเรียบร้อย
ท่อนขาเรียวตวัดลงจากเตียงกว้าง แล้วเยื้องย่างเดินผ่านไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวผืนสีขาว ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพื่อทำธุระสะสางร่างกายให้สดชื่น หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการจัดระเบียบห้องพักมาทั้งวัน
หญิงสาวใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงสิบนาที เพราะอีกครึ่งชั่วโมงเธอต้องออกไปข้างนอก เพื่อฉลองวันเกิดเพื่อนสาวในกลุ่มพร้อมๆ กับฉลองความสำเร็จด้านการเรียน ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มของเธอนั้นเรียนจบพร้อมกันทุกคน ณ ผับชื่อดังแห่งหนึ่ง...
ภายในผับหรู...
แสง สี เสียงดังกระหึ่มทั้งบุรุษ สตรีต่างโยกย้ายส่ายสะโพกสะบัดกายไม่ห่วงอวัยวะภายในแม้แต่น้อย กิ้งกือไส้เดือนที่ถูกน้ำร้อนลวกพับเก็บไว้ข้างหลัง หากแหกเปลือกตาบางๆ มาดูขาแดนซ์ทั้งหลายในผับระดับ ไฮคลาสดังกล่าวนี้
สถานบันเทิงเริงรมย์คลาคล่ำไปด้วยเหล่าผู้คนหลากหลายวัย และไม่บ่อยครั้งที่คนางค์นุชจะย่างกรายเข้ามา เพราะเธอเป็นคนชอบ ความสงบ อยู่เงียบๆ คนเดียว จะว่ารักสันโดษไหมก็ใกล้เคียง เพราะโดยนิสัยส่วนตัวแล้วเธอจะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เว้นแต่กลุ่มเพื่อนสนิทเท่านั้น
โซฟานุ่มสีทึบมีเพียงคนางค์นุชกับเพื่อนสาวอีกคนนั่งอยู่ เพราะเพื่อนอีกส่วนต่างพากันไปจับจองพื้นที่บนฟลอแดนซ์วาดลวดลายอย่างสนุกสนาน ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่
บนโต๊ะตรงด้านหน้ามีเพียงพั้นช์สีหวานแก้วเดียววางอยู่ และนับครั้งได้ ที่สาวน้อยตาคมจากเมืองท้องทะเลจะมานั่งละเลียดของเหลวจำพวกนี้ผ่านลงคอ
นัยน์ตากลมโตจ้องมองเพื่อนๆ ที่ต่างโยกย้ายส่ายสะโพกอย่าง เมามันส์ หูก็รับฟังเพลงที่ดีเจเปิดอย่างหนักหน่วง ขณะเดียวกันเพื่อนสาวข้างกายเอื้อมมือมาสะกิดให้รู้ตัว
“ป่ะ! ไปสนุกกับเพื่อนๆ เหอะ ฉันอยากออกกำลังกายเต็มแก่แล้ว” เสียงหวานของวนิดาเอ่ยชวน แต่คนางค์นุชส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยวาจาหวานละมุนออกมาในเชิงปฎิเสธ
“ตามสบายจ้ะ เดี๋ยวฟ้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ว่าจบมือบางวางแก้วเครื่องดื่มลงบนพื้นโต๊ะ แล้วผุดลุกขึ้นยืน แต่ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ เมื่อได้ยินเสียงหวานของเพื่อนสาวเอ่ยถามแกมเหน็บเบาๆ
“ไปห้องน้ำอะไรแต่หัววันจ๊ะ ดื่มพั้นช์แก้วเดียวทำเป็นเข้าห้องน้ำ”
“เออน่ะ ไปละ” เอ่ยตัดบท แล้วเคลื่อนย้ายร่างระหงตรงไปยัง ที่หมาย แหวกว่ายผ่านฝูงชนออกมาด้วยความลำบาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ของการทำงาน พลอยทำให้คนในผับเยอะเป็นพิเศษ และเยอะกว่าทุกวัน
เท้าเรียวบางภายใต้รองเท้าส้นเตารีดสานสีน้ำตาลอ่อน นำพา ร่างงามมายังห้องทำธุระส่วนตัว ระหว่างทางหญิงสาวสัมผัสได้ว่าทุกๆ ย่างก้าวเหมือนมีคนสะกดรอยตาม แต่เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก หากไม่เฉลียวใจจนเกินไป
กระทั่งทำธุระแล้วเสร็จหญิงสาวจึงเดินออกมา ระหว่างนั้น สาวเจ้าดันพลาดสะดุดข้อเท้าตนเองเข้าให้
“ว้ายยย!!!” หวีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ทว่ามีมือปริศนายื่นเข้ามาช่วยพร้อมช้อนร่างงามเอาไว้ได้ทัน วงแขนเรียวเสลานั้นเลื่อนโอบรอบลำคอแกร่งโดยอัตโนมัติ
ศีรษะทุยสวยอิงแอบแนบกับแผ่นอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ ในขณะ เดียวกันคนางค์นุชหลับตาปี๋ด้วยความหวั่นกลัว จนผ่านเลยไปเกือบนาที หญิงสาวถึงได้ลืมตาขึ้นมามองคนที่ช่วยตนเอาไว้
ใบหน้างามแหงนขึ้นมองอัศวินหนุ่มและเผลอประสานสายตาหวานของตนกับเขาเนิ่นนาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อัศวินชุดดำของเธอกลับ อำพรางใบหน้าด้วยการสวมแว่นสีชา พร้อมหมวกแก็ปสีเข้มที่ดึงปลายลงปิดหน้านิดๆ ปลายคางบึกบึนนั้นแสนคุ้น หากแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกหญิงสาวพยายามจ้องมองหลายครั้ง แต่จำไม่ได้ คับคล้ายคับคลาอยู่ในหัวใจ
ส่วนอัศวินชุดดำนั้นจ้องมองหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างเพ่งพินิจพิจารณา เพราะเขารู้สึกว่าหญิงสาวที่ตนเคยรู้จักบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เส้นผมนุ่มลื่นที่เคยยาวประบ่าบัดนี้ยาวเฟื้อยถึงกลางหลังสีดำขลับ ดัดปลายเป็นเกลียวคลื่นสวยงาม ผิวสีน้ำผึ้งผุดผ่อง กลีบปากสีแดงระเรื่อรูปกระจับที่เผยอค้างนั้นช่างชวนลิ้มรสเหลือเกิน แต่เขาต้องอดห้ามใจเอาไว้ก่อน เพราะยังไม่ ‘ถึงเวลา’
เครื่องหน้าเปลี่ยนไปจากเมื่อหกปีก่อนพอสมควร แต่มีเพียง สิ่งเดียวที่เขาจดจำได้แม่นและไม่เคยลืมเลือนคือแววตากลมโตที่ดูผิวเผินนั้นชวนเคลิ้มฝัน หากแต่พินิจดีๆ แล้วนั้นมันช่างเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด และโดยภาพรวม ณ ตอนนี้เด็กสาวที่เขารู้จักเมื่อหลายปีก่อนได้กลายเป็น สาวสะพรั่ง ผิวพรรณผุดผ่อง เต็มไม้เต็มมือจะจับต้องแลมองมุมไหน แม่คุณก็พราวเสน่ห์เหลือล้นจนยากเกินจะห้ามใจ
ถึงว่าล่ะนะ มาเป็นสาวเมืองกรุงทำเป็นลืมทุ่งลืมนา ไม่เคยแม้แต่จะกลับบ้านช่อง พอเรียนจบก็จะแต่งงานกับคนรวยที่พ่อแม่สรรหา หึ!! มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าคนอย่างเขามีลมหายใจอยู่
จากแววตาตกตะลึงทึ่งในความงามเมื่อครู่ ได้กลับกลายเป็นเหยียดหยาม ดูถูก มุมปากหยักแสยะยิ้มใส่
ส่วนคนางค์นุชที่ตื่นจากภวังค์ รีบเด้งกายออกจากวงแขนล่ำสัน ที่อยู่ภายใต้แจ็กเก็ตหนังสีดำมืด พร้อมเอ่ยเสียงหวานตะกุกตะกัก
“ขะ ขอบคุณค่ะ” จากนั้นร่างงามภายใต้ชุดเดรสสีสวย รีบหมุนร่างเดินเข้าไปข้างในผับอย่างรีบเร่ง
อัศวินชุดดำนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยวลีใดๆออกมาโต้ตอบ เขาได้แต่ทอดนัยน์ตาคมวาวที่ภายในนั้นมีความเคียดแค้นฝังอยู่ มองตามแผ่นหลังบาง ที่เดินห่างออกไปจนลับสายตา แล้วจึงได้พ่นเสียงเข้มห้วนกระด้าง ลอดผ่านออกมาจากเรียวปากหยักสีกุหลาบสด
“แล้วเจอกัน… คนางค์นุช!”