หลังจากที่นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรงเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นาทีเดียว โชติกรณ์ก็มาถึงบริษัทของเพื่อนสนิท เขาเห็นขนมหวานยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานจึงไม่รอช้ารีบก้าวเท้าเข้าไปหาด้วยความดีใจ กัปตันนึกว่าผู้กองจะมาหาเจ้านายจึงเอ่ยทักทาย แต่เปล่าเลยเขามาหาขนมหวานต่างหาก
“สวัสดีครับคุณผู้กอง มาหาบอสหรือครับ”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้มาหาไอ้เรส ผมมาหาคุณขนมหวาน”
“มาหาขนม? มีอะไรรึเปล่าครับผู้กอง”
คำตอบของเพื่อนเจ้านายทำเอากัปตันงงเป็นไก่ตาแตก โชติกรณ์มาหาขนมหวานทำไมหรือมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอ ตำรวจอย่างเขาถึงต้องมาหาด้วยตัวเอง ไม่ได้คิดถึงเรื่องชู้สาวแม้แต่น้อย
ขนมหวานเองก็งงเหมือนกันจึงลุกจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ การที่ตำรวจมาหาตัวเองถึงบริษัทมันคิดในทางที่ดีไม่ได้เลย เธอลืมเรื่องดอกไม้เมื่อช่วงเช้าไปเสียสนิท
“ใช่ค่ะ คุณผู้กองมีอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ผมจะมาชวนคุณขนมหวานไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน”
“กินข้าวเที่ยง!” / “กินข้าวเที่ยง!” สองเลขาเอ่ยพร้อมกันด้วยน้ำเสียงประหลาดใจก่อนจะหันมามองหน้ากัน
ขนมหวานเห็นสายตาหวานหยดย้อยที่โชติกรณ์กำลังส่งมาให้ตนเองก็จำได้แล้วว่า ชายหนุ่มตรงหน้าต้องการจีบเธอ แต่เรื่องนี้กัปตันยังไม่รู้เพราะตอนเช้าช่วงที่เธอคุยกับเจ้านาย กัปตันยังเดินทางมาไม่ถึงที่ทำงาน
“บอสไปด้วยไหมคะ คือฉันไม่ค่อยชอบไปกินข้าวกับคนที่ไม่สนิทค่ะ”
“งั้นเราไปกันหมดทุกคนก็ได้ครับ คุณกัปตัน คุณขนมหวาน แล้วก็ไอ้เรส”
“ผมต้องขอตัวนะครับ เที่ยงนี้มีนัดทานข้าวกับแฟน”
“ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย”
“พี่ไปก่อนนะขนม แฟนรออยู่ใต้ตึก”
“ค่ะ ไปเถอะ”
กัปตันเดินห่างออกไปไม่กี่ก้าว อาเรสก็เปิดประตูออกมาทำให้สีหน้าของขนมหวานดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเจ้านายให้ช่วยจัดการเพื่อนตัวเองหน่อย แต่บอสหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน กลายเป็นว่าพวกเขาต้องไปกินข้าวเที่ยงสามคนโดยมีผู้กองโชติกรณ์เป็นเจ้ามือ
“คุณขนมหวานสั่งได้เต็มที่เลยนะครับ”
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ คุณผู้กองสั่งก็ได้ค่ะ ฉันกินได้หมด”
“มึงสั่งของมึงเถอะไอ้โช เดี๋ยวของเลขากู กูจัดการเอง”
“ได้ไงคุณขนมหวานให้กูสั่ง มึงจะมาแย่งสั่งไม่ได้โว้ย”
“งั้นมึงก็สั่ง กูกับเลขาจะรอกินอย่างเดียว”
“ฉันว่ารีบสั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเข้างานสาย”
“ครับ ๆ ผมจัดการให้เลย”
เจ้ามือภูมิใจกับเมนูที่ตนเองเลือกมาก ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา พวกเขานั่งรอไม่นานอาหารหลายจานก็ทยอยมาวางบนโต๊ะ แต่ขนมหวานกลับไม่ชอบเลยสักอย่าง กินไปได้ไม่กี่คำก็รู้สึกอิ่มจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ อาเรสเองก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกันจึงบอกให้เพื่อนจัดการจ่ายค่าอาหาร เดี๋ยวกลับมาจากห้องน้ำจะได้ออกจากร้านเลย
ขนมหวานเดินกลับมาเห็นผู้กองนั่งอยู่เพียงลำพังจึงตัดสินพูดความในใจ แม้มันจะดูตัดเยื่อใยแต่เธอก็ต้องทำ เพราะไม่อยากให้
โชติกรณ์มาเสียเวลากับตนเอง เธอตั้งใจแล้วชีวิตนี้จะอยู่คนเดียว สวย รวย โสด คือสโลแกนที่คิดมาตั้งแต่แตกเนื้อสาว
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะผู้กองสำหรับอาหารเที่ยง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”
“ไหน ๆ ก็อยู่ตามลำพังแล้ว ฉันขอพูดตรง ๆ นะคะผู้กอง”
“ครับ เชิญคุณขนมหวานพูดได้เลย”
“คุณผู้กองอย่าเสียเวลามาจีบฉันเลยค่ะ”
“ทำไมครับ หรือคุณขนมมีคนที่ชอบแล้ว”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีครอบครัว ผู้กองจีบฉันไปก็เสียเวลาเปล่า”
“คุณยังไม่ได้ให้โอกาสผม โอกาสตัวเองเลย ไม่แน่คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ครับ”
“ฉันแน่ใจค่ะ ความคิดของฉันไม่เปลี่ยนง่าย ๆ แน่นอน”
“ถ้างั้นผมขอเป็นเพื่อนกับคุณขนมได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ ฉันยินดีเป็นเพื่อนกับผู้กอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักในฐานะเพื่อนใหม่ครับ ผมโชติกรณ์ หรือ โชกุน”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ฉันขนมหวานค่ะ”
สองหนุ่มสาวยื่นมือมาจับกันก่อนจะโดนอาเรสที่ยืนแอบดูอยู่สักพักมาดึงออก ประหนึ่งไม่พอใจที่มือนุ่ม ๆ ของเลขาโดนมือของโชติกรณ์สัมผัส เขาทำเป็นมึนบอกเพื่อนว่ามีงานด่วน ต้องแยกกันตรงนี้เลย จากนั้นก็จูงมือขนมหวานออกจากร้านอาหารทันที
ผู้กองโชติกรณ์ไม่ได้เปลี่ยนใจ แต่จะใช้ความเป็นเพื่อนเข้าไปจีบขนมหวานต่างหาก เขาเชื่อว่าสักวันเธอต้องใจอ่อนตอบตกลงมาเป็นแฟนของตนเอง เพราะตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก หล่อ รวย นิสัยก็โอเคอย่างเขามีเหรอที่ผู้หญิงจะเมิน ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองหลังจากที่อาเรสพาขนมหวานออกจากร้านได้ไม่นาน
ทางด้านเจ้านายกับลูกน้องหลังจากเดินเข้ามาในตึกทำงานก็ได้แวะที่ร้านสะดวกซื้อ อาเรสพาขนมหวานมาซื้อของกิน เพราะเห็นเธอไม่ค่อยเจริญอาหาร กินข้าวอย่างกับแมวดม เขากลัวว่าขึ้นไปทำงานแล้วเดี๋ยวเลขาจะหิวข้าวต้องเสียเวลาลงมาซื้อข้าวอีก
“อยากกินอะไรก็ซื้อเถอะ ผมเลี้ยงเอง ทดแทนที่เพื่อนของผมทำให้คุณลำบากใจจนกินข้าวไม่ลง”
“บอสสสสส ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาก็มีครั้งนี้แหละที่ฉันรู้สึกว่าบอสเป็นคนฉลาดมาก”
“ขนมหวาน คุณนี่น่ะ ยอม ๆ ผมบ้างก็ได้ เอาคืนทุกครั้งเลย”
“ทีใครทีมันค่ะ ด่ามาด่ากลับไม่โกง”