อาเรสพาขนมหวานไปที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านสุขุมวิท หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็เดินนำเธอไปที่ร้านประจำ ซึ่งมีชุดหลากหลายแบบให้เลือกและมีบริการแต่งหน้าทำผมให้อีกด้วย
ขนมหวานเข้าไปลองชุดอยู่หลายตัวหลายแบบ แต่ไม่มีตัวไหนผ่านเลยสำหรับอาเรส ถ้าไม่เปิดบนก็เปิดล่าง ถ้าไม่เว้าหลังก็แหวกหน้าเขาไม่ชอบจริง ๆ จนเธอถึงกับถอนหายใจออกมาหลังจากลองชุดสุดท้าย
“เฮ้อ ฉันจะใส่ชุดนี้แหละ ไม่ลองแล้วเหนื่อย”
“ชุดนี้? แน่ใจนะคุณ มันดู”
“มันดูยังไงคะ ไม่สวยเหรอ ฉันว่าดีกว่าชุดก่อน ๆ อีก ดูสิอกเป็นอกเอวเป็นเอวเลย”
“ไม่เอา ๆ ผมว่าชุดนี้ดีกว่า”
อาเรสส่ายหน้าไม่ยอม เพราะชุดที่ขนมหวานใส่เน้นสัดส่วนจนเกินไปเห็นแล้วรู้สึกขัดตา ตาคมจึงหันไปมองบนราวอีกครั้ง บังเอิญเห็นชุดเดรสสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย สีสดใสดูเหมาะกับขนมหวานจึงหยิบให้เธอไปลอง หญิงสาวแสดงท่าทีอิดออดเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะโดนเขาขู่
‘คุณอยากจ่ายเงินเองใช่ไหม’
ได้ยินแบบนี้มีเหรอขนมหวานจะยอม
ทันทีที่ออกมาจากห้องแต่งตัวเธอก็เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าอาเรสซึ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกตะลึงราวกับพระเอกในละครเวลาเจอนางเอกแต่งตัวสวยไม่มีผิด ดวงตาทั้งสองข้างของเขาไม่กะพริบสักวินาทีเดียว
ขนมหวานจึงหมุนตัวไปมาพลางตั้งคำถาม แต่ชายหนุ่มกลับมองนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ โต้ตอบนอกจากจ้องที่รูปร่างของเธออย่างเดียว
“ชุดนี้โอเคหรือยังคะคุณบอส”
“…”
“บอส บอส บอส”
“…”
“คุณอาเรส”
เธอขยับเข้าไปใกล้เขาก่อนจะเรียกเสียงดัง ๆ ทำให้อาเรสสะดุ้ง สติที่หายไปกลับเข้าร่างแทบไม่ทันเมื่อเจอสายตาเจ้าเล่ห์ของเลขา
“อะไรของคุณ เรียกเสียงดังเชียว”
“ฉันเรียกบอสหลายครั้งแล้วนะคะ เป็นอะไรไปคะ”
“เปล๊า ผมไม่ได้เป็นอะไร”
ปฏิเสธเสียงสูงแถมยังไม่ยอมสบตาเธออีกแบบนี้มีพิรุธ หญิงสาวคิดในใจ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาหลังจากที่คิดว่าเขากำลังตะลึงในความสวยของเธอ
“ไม่เชื่อ บอสกำลังตะลึงในความสวยของฉันใช่ไหม”
“ใครว่า คิดไปเองแล้วคุณ ผมก็แค่... ก็แค่กำลังตกใจ”
โกหก เขาตกตะลึงจริง ๆ ต่างหาก ใครจะไปคิดว่าเลขาแม่ชีจะแต่งตัวออกมาได้สวยราวกับนางฟ้าอย่างนี้ แต่เขาพูดแบบนั้นไม่ได้เดี๋ยวขนมหวานรู้
“ตกใจ? ตกใจเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้ ตอนนี้มีเรื่องอะไรให้เจ้านายตกใจ นอกจากได้เห็นความสวยของเลขาอย่างเธอ นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งหน้าทำผมเขาก็มองตาไม่กะพริบ ถ้าได้แต่งหน้า ม้วนผมสวย ๆ รับรองอาเรสต้องถอนคำพูด คนที่ต้องมองเธอจนเหลียวหลังคนแรกก็คือเขา
“เรื่องของผมไม่เกี่ยวกับคุณ เอาเป็นว่าซื้อชุดนี้”
“ค่ะ เอาชุดนี้แหละ เพราะมีคนตะลึง”
“ไม่ใช่ผม คุณพนักงานครับฝากแต่งหน้าทำผมให้ผู้หญิงคนนี้ด้วยนะครับ”
เขาปฏิเสธก่อนจะหันไปบอกพนักงานหญิงสองคนที่ยืนอมยิ้มให้ลูกค้าที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้อง
“ได้เลยค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้ค่ะ”
“แล้วบอสจะไปไหน”
“ผมจะไปเปลี่ยนชุดเหมือนกัน เดี๋ยวผมมารับ”
ขนมหวานพยักหน้าก่อนจะเดินตามพนักงานของร้านไปยังโซนแต่งหน้าทำผม ส่วนอาเรสก็เดินไปโซนเสื้อผ้าผู้ชาย
เขาเลือกไม่นานก็เจอชุดที่ถูกใจ แต่ดูเหมือนสีจะเข้าคู่กับเลขาด้วยเขาจึงเอาชุดนี้เลย คนตัวโตเปลี่ยนชุดทำผมเสร็จก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟาตัวเดิมเพื่อรอเธอ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาขนมหวานก็แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ความตะลึงของอาเรสเพิ่มขึ้นทวีคูณ
“เรียบร้อยแล้วนะคะคุณลูกค้า”
“…” ชายหนุ่มนิ่งไม่ตอบ ดวงตาจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเลขา
“คุณลูกค้าคะ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เอ่อ ครับ ๆ ขอบคุณมากครับ”
คนตัวโตพยักหน้าแก้เก้อก่อนจะควักบัตรเครดิตให้พนักงานเอาไปรูด ในขณะที่หญิงสาวกำลังถ่ายรูปตัวเองอยู่ในกระจกบานใหญ่
นาน ๆ ครั้งที่เธอจะได้แต่งหน้าทำผมและใส่ชุดสวย ๆ อย่างนี้จึงขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
“ไปเถอะคุณเดี๋ยวรถติด” หลังจากเก็บบัตรเครดิตเรียบร้อยอาเรสก็หันไปบอกขนมหวาน
“บอสคะ ฉันขอใส่รองเท้าผ้าใบเดินไปได้ไหม”
“ทำไม คุณไม่ชอบเหรอ”
“เดินกับรองเท้าส้นสูงแบบนี้มันเหมือนจะล้มเลย”
“งั้นซื้อรองเท้าใหม่ เป็นรองเท้าส้นเตี้ย”
“ไม่เอา ๆ นี่ก็หลายบาทแล้ว ฉันใส่ก็ได้ค่ะ”
ขนมหวานปฏิเสธด้วยความเกรงใจ แม้เธอจะงกแต่ก็พอมีมารยาทอยู่บ้างจึงหน้ามุ่ยเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหลังเจ้านายออกจากร้าน
แต่หญิงสาวไม่ถนัดใส่รองเท้าส้นสูงจริง ๆ จึงเดินเหมือนจะล้มจนชายหนุ่มต้องเข้ามาประคอง และอนุญาตให้เลขาเกาะแขนของตนเองได้ กว่าจะเดินมาถึงรถทำเอาหญิงสาวน้ำตาซึมเพราะเท้าเจ็บไปหมดทั้งสองข้าง
“ขอไปนั่งด้านหลังได้ไหมคะ ฉันเจ็บเท้ามากเลย”
“เจ็บมากเลยเหรอ ไหนผมขอดูหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรารีบไปกันเถอะ”
“เรื่องงานช่างมัน ดูเท้าคุณก่อน”
อาเรสพูดจบก็นั่งยอง ๆ กับพื้นจากนั้นก็ค่อย ๆ ยกเท้าของขนมหวานขึ้นมาหนึ่งข้างแล้วถอดรองเท้าส้นสูงออกเพื่อดูอาการเจ็บ หญิงสาวต้องเอามือยันไปที่ไหล่ของชายหนุ่มเพื่อไม่ให้ล้มและอดปลื้มใจไม่ได้ที่เขาใส่ใจเธอขนาดนี้
“ผมว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า ไม่ต้องไปงานแล้ว ส้นเท้าคุณแดงมากเลยนะ” ส้นเท้าของหญิงสาวแดงจนน่ากลัวทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ หากเขายอมให้เธอใส่รองเท้าผ้าใบก็คงไม่เป็นอย่างนี้
“เอางี้ดีกว่าค่ะ บอสไปงานคนเดียว ส่วนฉันกลับไปทายาที่หอ สภาพเท้าตอนนี้ฉันว่า ฉันเดินไม่ไหวแน่”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวผมให้คนขับรถมารับคุณที่นี่ คุณไม่ต้องกลับเอง” เพราะเจ็บเท้ามากขนมหวานจึงไม่ปฏิเสธเจ้านาย
สักพักใหญ่ ๆ รถอีกคันก็มารับขนมหวานไปส่งที่หอ ส่วนอาเรสก็เดินทางไปงานเลี้ยงเพียงลำพัง แต่ใจของเขาเหมือนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวถึงได้จ้องแต่โทรศัพท์
“เป็นอะไรวะมึง กูเห็นจ้องแต่โทรศัพท์” ผู้กองโชกุนถามขึ้นมาหลังจากเห็นเพื่อนเงียบไป งานเลี้ยงวันนี้เขาก็ได้รับเชิญให้มาร่วมงานเหมือนกันในฐานะไฮโซท่านหนึ่ง
“ก็คุณเลขาแม่ชีของกูนะสิ เจ็บเท้า ไม่รู้ถึงห้องยัง” เขาบอกเพื่อนอย่างลืมตัว
“เลขาแม่ชีของมึงเหรอ ไหนบอกสมภารไม่กินไก่วัดไง” โชติกรณ์หันมามองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิด กูหมายถึงเขาเป็นเลขาของกู เหมือนที่พี่ตันเป็นเลขาของกู”
“งั้นก็ดี เพราะกูจะจีบคุณเลขาแม่ชีของมึง”
“อะไรนะ! มึงจะจีบขนมหวาน”