marry me doctor ตอนที่1.บ่แต่ง!!
intro
ประเทศญี่ปุ่น
เมื่อเจ้าของบริษัทผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนยานยนต์ สัญชาติไทย ถูกผู้ไม่หวังดีส่งยากูซ่าไปทำร้ายและข่มขู่ เนื่องจากปัญหาด้านผลประโยชน์ ที่ขัดกันมานาน รุนแรงถึงขั้นโรงงานต้องหยุดชะงัก ceoของบริษัทหนีไปซ่อนตัวชั่วคราว โดยมีลูกน้องที่ทำงานตำแหน่งทำความสะอาดในโรงงาน ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันติดร่างแหไปด้วย
เป็นเหตุให้ทั้งสองตกอยู่ในอันตรายมาก! จนต้องล่อนจดหมาย มาสั่งลาลูก ฝากฝังงานสำคัญไว้กับทายาท
ถึงขนาดนั้นเกรงว่าจะไม่มีชีวิตต่อไปได้อีกแล้ว
3เดือนหลังจากนั้น
คลินิกอายุรกรรม ในตัวอำเภอเมืองนครราชสีมา นายแพทย์หนุ่ม สิงหา พัชรพล ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกที่มีชื่อเดียวกับเขา กำลังนั่งหน้านิ่วถือสายจากทางไกล ใบหน้าคมคายในกรอบแว่นสีทอง กรอกดวงตาขึ้นลงอย่างกังวล มือขวาถือปากกาสีเดียวกับกรอบแว่น ค้างไว้กลางอากาศ กำลังพยายามทำความเข้าใจกับบทสนทนากับคู่สาย
“พ่อว่าอะไรนะ ให้ผมแต่งงาน? ”
“ใช่”
“ทำไมผมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย”
“เพื่อความปลอดภัยของเขา และตอบแทนที่พ่อเขามีบุญคุณกับพ่อ ช่วยพ่อสักครั้งนะสิงห์ อีกอย่างลูกก็เลิกกับหนูพิมพ์แล้วนี่ นะถือว่าพ่อขอ หลังพ่อมั่นใจว่าเด็กคนนั้นจะปลอดภัย แกค่อยเลิกก็ยังได้”
“พ่อไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ? ”
“ไม่มี ถ้ามีพ่อจะไม่รบกวนแกแน่ พ่อรู้ ว่าพ่อวุ่นวายกับแกเกินไป พ่อรู้ว่าพ่อไม่ค่อยมีเวลาให้แก พ่อไม่ได้เลี้ยงแก พ่อไม่ควรเรียกร้องมากไป พ่อขอโทษถ้ารบกวนมากไป แต่พ่อขอได้ไหมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว มีแต่แกเท่านั้นถึงจะช่วยพ่อได้"
มาเป็นชุด ครั้งเดียวครั้งที่ร้อย จริงๆ เลยท่านธนสิน พัชรพลเนี่ย…
“ก็ได้ หลังจากพ่อจัดการเรื่องนี้จบผมจะหย่าทันที”
“ขอบคุณมากลูก..พ่อว่าแล้วแกต้องช่วยพ่อ”
บ้านวังม่วง อำเภอเมืองนครราชสีมา
นาย ตุลา พฤศจิกายน อายุ 18 ปี 10 เดือน 25 วัน นักฟุตบอลโรงเรียน
“จดหมายหยังนิ๊ย่า” เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลาย เอ่ยถามย่าด้วยภาษาอีสานโคราชบ้านเอ็ง !
“จดหมายพ่อของหล้าตั๊ว ส่งมาแต่ญี่ปุ่น">”
“แล้วคือสิให้ผมเอาไปให้คนอื่น”
“ย่ากะบ่รู้ หลานเอาไปให้เพิ่นทะแม๊”
“หล้าบ่เห็นเข้าใจ พ่อเขียนมาว่าให้หล้าเอาไปให้เขา แม่นที่อยู่คือคลินิกในเทศบาลตัวนิ๊”
“เขี้ยวเอาไป เผื่อมีเรื่องสำคัญ”
“คั๊บ”
คลินิกแห่งหนึ่งในตัวเทศบาล
“หมอคั๊บพ่อฝากผมมาให้” เด็กนักเรียนม.ปลายคนเดิม ยื่นจดหมายให้กับนายแพทย์ สิงหา ผู้เป็นเจ้าของชื่อบนจ่าหน้าซอง
“เธออ่านหรือยัง? ”
“อ่านแล้วครับ”
“งั้นอีกสามวัน มาเจอกันที่นี่เวลา 9:00น เธอมีย่าใช่ไหม พาย่าของเธอมาด้วยนะ”
“ครับ”
สามวันต่อมา
“ห่ะ? หมอว่ายังไงนะ..แต่งงาน? ”
“ใช่ เราต้องแต่งงานกัน”
“บ่คั๊บ! ผมบ่แต่ง จั่งใด๋ๆ ผมกะบ่แต่ง”
^w^
ตุลาเด็กหนุ่มร่างสูงบาง ผิวขาวเหลือง ถึงจะกร้านเพราะตากแดดตากลมจนผิวไหม้บ้าง อันเกิดจากการซ้อมฟุตบอล เพราะเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน แต่ก็ยังดูออกว่าผิวดี อย่างกับได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอม เขาสูง168เซนติเมตร น้ำหนักประมาณโดยสายตาสัก60กิโลกรัม มีใบหน้ามนรูปไข่ จมูกได้รูปรับกับใบหน้าเป็นอย่างดี
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนใบหน้าคือคิ้วที่สวยโก่งราวกับว่าถูกวาดถูกเขียนอย่างตั้งใจ ปากสีชมพูระเรื่ออวบอิ่มหยักสวย ยิ่งตอนตากแดดซ้อมฟุตบอลตุลายิ่ง แดงทั้งหน้าจนถึงใบหู
หลังจากรับปากนัดกับหมอสิงหาวันก่อน เด็กหนุ่มก็หาเวลาว่างงดซ้อมบอลครึ่งเช้าวันอาทิตย์ เพื่อพาย่าไปพบหมอ สายๆ ตุลาก็เริ่มออกเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ฟีโน่คันปุ๊กลุก จากบ้านวังม่วงไปเทศบาล อันเป็นที่ตั้งคลินิกของสิงหา ระยะทางประมาณ6กิโลเมตร ถ้าคนไม่เคยขับก็คงคิดว่าไกล แต่สำหรับตุลาที่ขับไปเรียนทุกวันก็นับว่าปรกติ อาจจะไกลกว่าไปโรงเรียนนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย ถือว่ามาช้ามาก เพราะมีคนแก่ซ้อนท้าย ตุลาช้าบ้างเร็วบ้าง เพื่อความปลอดภัย พอเร่งเครื่องเร็วไปย่าก็บอกว่ากลัว เด็กหนุ่มเลยต้องขับช้าๆ เพื่อย่าจะได้ไม่ตกอกตกใจสั่น
หลังจอดรถไว้ที่หน้าอาคาร เด็กนักเรียนทรงผมรองหวีเบอร์สอง ในเสื้อเชิ้ตสีชมพูซีด ดึงแขนเสื้อพับครึ่งศอก จับกระชับมือย่าแล้วพาเดินเข้าไปในคลินิกที่ตนมาแล้วเมื่อวันก่อน วันนี้แอบสงสัยว่ามีงานทำบุญคลินิกด้วยหรือเปล่านะ ทำไมดอกไม้ตกแต่งสวยจังเลย สีชมพูหวาน แซมสีขาวสะอาดสะอ้าน งานมงคลแน่ๆ แต่จะงานอะไรค่อยว่ากัน
มือเรียวผิวสีแทน เปิดประตูกระจกบานใหญ่ค่อยๆ โผล่หน้าเล็กๆรูปไข่เข้าไปก่อน ก่อนจะเป็นงงเมื่อเห็นว่าการจัดแต่งด้านในไม่เหมือนวันก่อนสักนิดราวกับคนล่ะที่ ไม่มีพยาบาลประชาสัมพันธ์ ไม่มีรถเข็นคนไข้ ไม่มีแม้พยาบาลคนที่เรียกให้ไปทำประวัติ แต่มีเพียงคนแปลกหน้าหลายคนและ ผู้อาวุโสสองคน รวมคุณหมอสิงหาเข้าด้วยสักสิบคนพอดี นั่งกันเหมือนรอเขาบนโซฟาสีนวล
"อั่น...คือ คือ ว่าผมเข้าใจหยังผิดบ่คั๊บ? " ตุลาเริ่มไม่มั่นใจว่ามาถูกที่ ถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ นึกถึงวันที่หมอนัด บอกให้พาย่ามาตรวจก็วันนี้นี่ แล้วทำไมคลินิกรักษาคนป่วยถึงได้กลายเป็นงานส่วนตัวซะแล้วล่ะ
"ไม่ผิดหรอก มานั่งสิ " สิงหาในชุดเสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าอ่อนๆ ทับในเรียบร้อยในกางเกงสแล็คสีดำ นั่งรอบนฟูกที่พื้นอย่างใจเย็น เขาแตะมือใส่ที่ด้านข้างเรียกให้ตุลาไปนั่งลง ตุลาเลิ่กลั่กมาก มันอะไรกัน เขายิ่งงงมากกว่าเดิม คืออะไรให้ไปนั่งตรงนั้นแถมข้างๆ กันกับหมอสิงหาเนี่ย
"ผมมาบ่ผิดว่าติคั๊บ? ละละแล้วนี่มันอิหยังครับ! ผมงง " เสียงเริ่มสั่น จับมือย่าแน่นจนเหงื่อชุ่ม มองหน้าทุกคนในนั้น ในหัวมีแต่คำถามว่าอะไรเกิดขึ้นตลอดเวลา
"งานแต่งของเราไง! " หมอสิงหาตอบเสียงเรียบ หน้าคมหล่อเหลา เม้มริมฝีปากนั่งนิ่งเฉยราวกับไม่ทุกไม่ร้อน เหมือนรอสั่งก๋วยเตี๋ยวกินแบบหายห่วง แต่ไม่ใช่กับตุลา เขาเบิกตาโตหน้าซีดแทบสติหลุด ใครมาแกล้งอำกันมันใช่อย่างที่ไหน อย่างน้อยไม่ควรล้อเล่นบ้าๆ แบบนี้ งานแต่งงานนะไม่ใช่งานบวช
"แต่งงานบ้าติหมอ ฮ่วยบ่แม่นให้ผมพาย่ามาหาหมอติ แล้วแม่นหยังนิ๊ ผมเสียเวลาเด้ สิตรวจกะตรวจ ถ้าบ่ตรวจผมสิได้พาย่าผมกลับ" เสียงดังฟังชัดภาษาอีสานทุกคำ
ตุลาดึงมือย่ารวบแน่นปุ๊บ ก็รีบเลี้ยวกลับทันที ทั้งโมโหทั้งเริ่มโกรธ หมอบ้ามาหยอกกันเล่นเกินไปแล้ว เสียเวลาซ้อมฟุตบอลกับเพื่อน
"ก็แต่งงานเรานี่แหละ ฉันพูดจริงๆ ฉันถามนายวันก่อนได้อ่านจดหมายหรือยัง นายตอบว่าอ่านแล้ว แล้วไม่รู้ได้ไงว่างานนี้งานอะไร"
ตุลาถึงกับไปไม่เป็น ก็อ่านแล้ว แต่ไม่เห็นบอกตรงไหนนี่ว่าแต่งงาน
"ก็จดหมายที่เอามาให้ฉัน มันคือจดหมายจากพ่อนายกับพ่อฉัน สั่งให้เราแต่งงานกันให้เร็วที่สุดไง นึกว่าเข้าใจแล้วซะอีกถึงได้ตกลง"
"ผมตกลงตอนใด อย่ามาปรักปรำผมนะ"
"ถ้าไม่ตกลงทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ"
จริง ! แต่ที่ไม่ปฏิเสธนั่นก็เพราะไม่รู้ ก็จดหมายนั่นจ่าหน้าถึงหมอนี่น่า จะรู้ได้ไงว่าเกี่ยวข้องกับตัวเอง.
^w^
พูดเล่นเหมือนพูดจริง แต่ที่แน่ๆ เหมือนพูดจริงไม่ได้พูดเล่น ตุลาเงียบอึ้งไปดวงตาไหวระริก กว่าจะหาคำมาตอบหมอสิงหาได้
"บ่เซื่อคั๊บ...จั่งใด๋กะบ่เซื่อเด็ดขาด "ปฏิเสธเสียงแข็งกำมือย่าแน่น แล้วเด็กหนุ่มก็เดินออกไป แต่จู่ๆ หมอคชาเพื่อนของสิงหาก็พูดขึ้น
"แค่วันแรกก็ส่อปัญหาแล้วไอ้สิงห์ มึงยังยืนกรานจะแต่งจริงๆ เหรอ ขนาดน้องมันยังไม่แต่ง กูว่ามึงก็ยกเลิกเลยเหอะว่ะ เด็กอ่ะแต่งไปก็คงจะงี่เง่าเอาแต่ใจน่าปวดหัวแทน"
คำพูดว่าเด็กงี่เง่าเอาแต่ใจ ทำให้ตุลาหยุดกึกหันมามองค้อนใส่คชาอย่างไม่พอใจ ไม่รู้จักเขาสักหน่อยทำไมมาว่ากันได้
"ผมบ่ได้งี่เง่าคั๊บอยู่ๆ ให้ผมมาแต่งกับใผกะบ่รู้ เป็นใผสิเฮ็ดใจได้ทัน ผมเป็นผู้ชายเด้คั๊บ !" จะมาแต่งกับผู้ชายเนี่ยมันใช่หรือไง ตุลาตอบกลับอย่างหัวเสีย เป็นใครกันถึงมาแกล้งเล่นขนาดนี้
"ฉันไม่ใช่ใครไม่รู้...แต่ถามแล้วนะว่าเธอได้อ่านจดหมายหรือยัง เธอก็ตอบแล้วนี่ มันแปลว่าเธอก็รับรู้ ว่าจะมีงานแต่งวันนี้ ถ้าไม่เชื่อก็เปิดอ่านอีกทีซิ"
สิงหาลุกจากที่นั่งแล้วก็เดินเอาจดหมายน้อยต้นเหตุของเรื่องทั้งปวงมาเปิดให้ตุลาอ่าน เด็กหนุ่มถ่างตาอ่านอยู่หลายรอบแต่แล้วก็จบท้ายด้วยคำว่า 'หลังได้รับจดหมายให้คนทั้งสองจัดงานแต่งภายในสามวัน...'
"บ่แต่งคั๊บ...จั่งใด๋กะบ่แต่ง !!" กรีดร้องอย่างตกใจ ตอบเสียงดังชัดทุกถ้อยคำ แล้วตุลาก็รีบเดินไปจูงมือของย่าที่ก็ไม่เข้าใจเรื่องอะไรด้วย ตรงไปที่มอเตอร์ไซค์คันน้อยสีชมพู กลับบ้านให้จบๆ เสียเวลา
"กลับไม่ได้นะตุลา เราต้องมาแต่งงานก่อน ต้องทำตามคำสั่งพ่อเธอแล้วก็พ่อฉัน ไม่งั้นมันจะยุ่งยากมากนะ"
"ยากกะซ่างหัวมันเถาะหมอ ผมบ่สน ผมเป็นผู้ชาย เห็นบ่นิ๊"ตุลากระเด้งเอวใส่ ให้หมอได้เห็นหลักฐานว่า ใต้ผ้านี่มีตุลาน้อยนอนอยู่นะ " ผู้ชายคือกัน บ้าบ่สิมาแต่งงาน บ่เอานำดอกครับ เชิญหมอแต่งไปคนเดียวเลย ...ขึ้นรถคับย่า!"
ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ตุลาก็สตาร์ทมอเตอร์ไซค์จะขับออก สิงหาที่ไม่มีวิธีไหน จึงเอาตัวไปยืนขวางด้านหน้าแล้วดึงย่าจันทร์ลงมา ก่อนที่คนตัวสูงจะรีบใช้มือเพียงข้างเดียวแย่งดึงเอากุญแจมอเตอร์ไซค์ตุลาออกมาใส่กระเป๋ากางเกงไว้
"ลงมาคุยกันก่อน "สิงหาว่าเรียบๆ ก่อนจะพาย่าจันทร์เดินเข้าข้างใน ทำตุลาถึงกับอารมณ์ขุ่น สุดท้ายแทนที่จะได้กลับบ้านไปซ้อมบอล เขาตัดสินใจเดินกลับเข้าไปต่อรองกับสิงหาดีๆ ไม่แต่งได้ไหม มีวิธีแก้อื่นหรือเปล่า ให้เขาทำอะไรให้ก็ได้ แต่ไม่แต่งงานกัน มันไม่ใช่ ขืนแต่งจริง นักกีฬาโรงเรียนเลยนะเสียศูนย์แน่ๆ ยิ่งถ้ารู้ถึงหูเพื่อน ถึงโรงเรียน ถึงครูบาอาจารย์จะมองตุลายังไง โรงเรียนชายล้วนนะเฮ้ยมันย่อมต้องยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้ามีใครรู้ว่าเขาแต่งงานกับผู้ชายจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเพื่อน
"บ่แต่งคั๊บ บ่ได้เด็ดขาด"
"ไม่แต่งไม่ได้ ต้องแต่งจนกว่าพ่อของเรากลับมาเรื่องนี้จะจบลง " สิงหาว่าบอก
ตุลาไม่ยอม ไม่มีทางยอม หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม
"หล้ากะเฮ็ดตามพ่อบอกสา...ย่าคิดว่าพ่อคงมีเหตุผล" ยังไงพ่อกลับมาทุกอย่างก็คงจบ อย่าจันทน์ว่าเสริม พร้อมกับเอามือลูบหลัง ตุลาอย่างเห็นอกเห็นใจ
"อีหลีติย่า หล้าต้องแต่งอีหลีติ !"
"ถ้ามันเป็นความปลอดภัย หมอเพิ่นสิได้ปกป้องหลานได้"
ตุลาแทบตัวแข็งมองดูผู้คนโดยรอบ นึกว่าตัวเองฝันไปก้มกอดย่าตน เมื่อวานนี้ยังได้คุยกับเพื่อนว่าเรียนจบค่อยมีแฟน...ไม่อยากเชื่อว่าตื่นมาจะได้แต่งงานเลย
"แค่แต่งหลอกๆ มันสิบ่มีหยังเกินนี่..หมอรับปากบ่ ? "
"รับปาก "
"เราจะแยกห้องนอนแม่นบ่?"
"แยก"
"หมอสิปิดเรื่องของเราเป็นความลับแม่นบ่คั๊บ?"
"ได้...เรื่องแต่งงานของเราจะเป็นความลับ"
สบายใจไปหนึ่งเปลาะจากนั้นตุลาก็ทำใจ ผ่อนคลายลง แต่ฝั่งคนที่กำลังได้รับความกดดันกลับเป็นฝั่งหมอสิงหาแทน
หมอคชาพยายามโน้มน้าวให้เขาเลิกล้มงานแต่ง เพราะการจะปกป้องคนมันมีตั้งหลายวิธี แถมเพิ่งเลิกกับแฟนสาว อาจจะเพราะอยากประชดรัก แต่ถ้าทำใจได้อยากคืนดี คชาห่วงว่าเพื่อนจะมาเสียใจทีหลังได้
"มึงจะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ ถ้าพิมกลับมาง้อมึงล่ะ มึงจะทำยังไง" สิงหาเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ
"กูตัดสินใจแล้วว่ะคชา ถึงตอนนั้นก็ช่างหัวมัน"
" กูนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าพวกมึงจะอยู่กันยังไง "
" ก็คนแต่งงานกันใช้ชีวิตยังไง กูกับน้องมันก็คงใช้กันแบบนั้น "
"เชรดดด...มึงพูดจริงนะว่าผ่านการคิดแล้ว "
"ต้องคิดอะไรอีกวะ พิมก็เลิกกับกูแล้ว ไม่มีอะไรต้องคิด กูสบายๆ พ่อกูกลับมาก็เลิกกันแล้ว"
"น้องมันหน้าตาออกสวย หวานมึงแน่ใจเหรอถึงตอนนั้นจะเลิกได้ตามที่พูด"
"ไอ้อกุศล น้องมันเป็นผู้ชายเว้ย"
"ที่มึงกำลังจะแต่งอยู่เนี่ย ไม่คิดใช่ไหมว่าน้องมันเป็นผู้ชาย"
^w^
ในที่สุดตุลาก็ยินยอมเข้าพิธี ฤกษ์งามยามดีเวลา09:00น.ตามที่หมอสิงหา บอกไว้เป๊ะ !
คชาได้แต่อดไม่ได้จะด่าเพื่อน มันบอกว่าแต่งเล่นๆ แต่งหลอกๆ ทั้งฤกษ์เข้าพิธี ทั้งเตรียมจัดซุ้มดอกไม้ ไม่มีอะไรสักอย่างที่ทำให้คชาคิดว่าสิงหาแต่งเพราะถูกพ่อบังคับ นี่มันเสมือนจริงจนเขาอดใจหายไม่ได้
จากนั้นพิธีสู่ขวัญแต่งงานแบบประเพณีทางอีสานก็เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่าย..มีบายศรีตั้งบนพานเบื้องหน้าคู่บ่าวสาว ตั้งด้านหน้าญาติผู้ใหญ่อีกที ฝ้ายขาวที่ผูกใส่ก้านมะพร้าวห้อยระย้าลงรอบตัวพาน ไว้สำหรับผูกข้อคู่สมรสสมปอง
ตุลานั่งข้างสิงหามือยื่นเขาแตะใส่พานอย่างไม่เต็มความยาวแขน ด้วยว่าไม่ได้เต็มใจจะแต่ง มันเหมือนงานแต่งจริงๆ ในใจเด็กหนุ่มจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้านกระวนกระวาย ไม่เชื่อ และคิดว่ามันบ้าเกินกว่าวัยม.ปลายจะรับได้
ฐานของพานบายศรีถูกรองด้วยข้าวสาร รอบๆ พานยังถูกจัดวางด้วยไข่ ที่เชื่อว่าจะช่วยเรียกขวัญของคนทั้งสองมารอบรวมในวันนี้ มือสิงหาประคองฝ่ามือน้อยของตุลาจากด้านล่าง ทั้งสองแตะปลายมือไปที่พานบายศรีบ่าว-สาวพนมมือข้างซ้ายจรดขึ้นเหนือคิ้ว ก้มหัวที่องศาเล็กน้อย
เมื่อเสียงเรียกขวัญค่อยเปล่งดังขึ้น ยิ่งทำตุลาขวัญหนีดีฝ่อ มันเรื่องจริงใช่ไหม นี้งานแต่งเขาจริงๆ หรือเปล่า เด็กหนุ่มราวกับมีสองจิตรข้างใน ตีกันบ้าระห่ำ ไม่ยอมรับทั้งยังอยากวิ่งหนีไปไกลๆ
ต่างจากสิงหาที่นิ่งสงบ สุขุม และเก็บอารมณ์ได้ดี สายตาไม่ไหวระริกใดๆ เหมือนยอมรับและเต็มใจ ทำตามประเพณีทุกข้อ ยิ่งตอนหมอทำขวัญเปล่งเสียงเรียกขวัญดังขึ้น สิงหาก้มหัวลงราวกับน้อมรับขวัญที่กำลังมาสู่ร่างกายคนหนุ่ม จรดมือประนมเหนือคิ้ว ท่าทางสงบสง่างาม เหมือนคู่บ่าวสาวในพิธีทั่วไป
จบงานไปแบบงงๆ ตุลาเดินออกมาแบบทำตัวไม่ถูก ฝ้ายผูกแขนที่อยู่ตรงข้อมือ ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับมองแล้วซึมเหมือนผีเข้า เดินประคองกันกับย่าออกจากคลินิกต่างคนต่างไม่พูดอะไร
เมื่อสถานะเปลี่ยนสิงหาก็ย่อมต้องเปลี่ยนตามในฐานะที่ตนเป็นผู้ใหญ่มากกว่า และถูกมอบหมายมาให้ดูแลเด็กคนนี้โดยตรง เขาอาสาจะไปส่งตุลากลับบ้าน
"ผมสิกลับเอง...หมอบ่ต้องห่วง บ่ต้องยุ่งกับผมแล้ว"
"ไม่ได้จะยุ่ง แค่จะบอกว่า หลังจากแต่งงานแล้ว ฉันต้องดูแลนาย และนายต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านฉัน"
"ผมบ่ต้องการคั๊บ ผมดูแลตัวเองได้ "
"นายไม่ต้องการ แต่มันเป็นคำสั่งของพ่อนายให้สิทธิ์ฉันดูแลนายเป็นอย่างดี"
"ผมก็ไม่ไป "
"แต่พ่อนายสั่ง...ฉันไม่ทำตามไม่ได้"
"เอะอะก็พ่อสั่ง เอะอะกะพ่อคุณหมอสั่ง แล้วทุกคนนึกถึงใจผมบ่ ผมไม่ต้องการคั๊บ ไม่รู้ว่าให้ผมอยู่กับใคร เช้าแต่ง เย็นย้ายมาอยู่กับหมอ ผมรับไม่ได้ ผมไม่ใช่หมอ จะปรับตัวได้ทุกอย่าง บ่ต้องตามมานะครับ ผมอย่างอยู่เงียบๆ บ่อยากปวดหัวกับเรื่องบ้าๆ ของหมออีก "
สิงหาได้แต่เงียบ จะว่าไปก็จริงของตุลา เขายังพอรับได้ ว่าแต่งหลอกๆ แต่เด็กนี่สิ คงจะตกใจพอสมควร
"ผมสิกลับแล้ว หมออย่าตามมานะ"
ตกเย็นวันเดียวกัน ถึงแม้ตุลาจะปฏิเสธไม่ยอมย้ายมา แต่สิงหาก็ยังมาจัดเตรียมข้าวของ เตรียมห้องไว้ให้อย่างยิ่งใหญ่ เหมือนกับว่ายังไงๆ เด็กหนุ่มก็ต้องย้ายมาในสักวัน ไม่มีทางหนีพ้น
"นี่มึงยังจัดเตรียมห้องไว้ให้น้องมันเลยเหรอ...เตรียมการพร้อมมากเพื่อนกู"
หมอคชาอึ้งแดก พอได้เห็นห้องหับ สุดหรู ถูกเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์อย่างประณีต ทุกชิ้นตั้งแต่เตียง โต๊ะ ตั่ง ทีวีหรือกระทั่ง ผ้าห่ม สิงหาคัดสรรมาอย่างดี ด้วยความใส่ใจ
"ฐานะเมียหมอสิงห์ มันก็ต้องไม่ธรรมดา พ่อกูสั่งมาว่าให้ดูแลอย่างดี กูเลยไม่ขัด"
^w^
วันต่อมาหลังจากเลิกซ้อมบอลกับเพื่อน ตุลากลับมาถึงบ้านมันเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ไฟในบ้านยังปิดอยู่ ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก ธรรมดาเวลานี้ ย่าจันทน์น่าจะนอนดูทีวีบนแคร่ไม้ไผ่สบายๆ แต่กลับพบว่าบ้านเงียบจนผิดปกติไม่มีแม้แสงไฟสักดวง มันเกิดอะไรขึ้น ลักษณะบ้านเป็นบ้านสองชั้นที่ข้างบนเป็นไม้ ข้างล่างเป็นส่วนที่ถูกต่อเติมด้วยปูน จอดรถได้ตุลารีบเปิดเข้าไปหาผู้เป็นย่าด้านในทันที
"หล้ากลับมาแล้วคั๊บ ย่าอยู่ใส่นิ๊ "เขาส่งเสียงเรียกแต่ก็ไม่เจอ ตุลาแปลกใจมาก ทั้งเป็นห่วง ขายาวๆ ก้าวออกไปดูทางในครัวก็ไม่มี หรือว่าย่าจะไปวัดก็ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าไปคงบอกตุลาก่อนแล้ว" คนเป็นห่วงนะเนี่ย" บ่นๆ ทิ้งในครัวก็กลับเข้ามาในตัวบ้าน ก่อนจะได้สังเกตเห็นว่ามีบุคคลปริศนาตะคุ่มๆ บนแคร่ไม้ไผ่ที่ประจำของย่าแทน
"ฮ่วย! ผีหลอก ! " ตุลาอุทานออกมาเสียงดัง ก่อนจะโวยวายตกใจตามสัญชาตญาณ ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เข้ามาในบ้านเขาได้ยังไง พอลืมตาเห็นว่าเป็นสิงหา ตุลาก็ยืนลูบอกป้อยๆ นึกด่าสารพัดคำในใจ
"หมอเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง"
"บ้านเปิดอยู่"
"แล้วมาทำไม ย่าผมไปไหน"
"ฉันก็มารอรับนายนั่นแหละ ไปอยู่กับฉันนายเห็นใช่ไหมว่าบ้านนายไม่ปลอดภัย ใครจะเข้าจะออกก็ได้ เพราะงั้นมันอันตรายมากที่นายจะอยู่คนเดียว ยิ่งอันตรายมากกว่าที่จะทิ้งคนแก่ให้อยู่คนเดียวทุกวัน"
"หมอกำลังจะบอกอะไรกับผมกันแน่? "คนตากลมตกใจยังจับต้นชนปลายไม่ถูกช้อนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ เพื่อรอคำอธิบายเรื่องที่ว่า
"ฉันกำลังจะบอกให้นายไปเก็บของไปอยู่กับฉัน ไปซะ มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวย่านายจะรอนาน"
"รอนาน? หมายความว่า หมอเป็นคนพาย่าผมไปด้วยเหรอ? หมอจะบ้าหรือไง หมอบ้าเรอะ ทำไมไม่บอกผมก่อน หมอทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
"พ่อนายให้สิทธิ์ฉันเติมที่ อีกทั้งเราก็แต่งงานกันแล้วนะ นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไปเก็บของซะ ก่อนที่ฉันจะอุ้มนายไปทั้งอย่างนี้"
"ผมไม่ไป ไม่ไปไหนทั้งนั้น นี่บ้านผม ผมจะอยู่ที่นี่" ตุลาดื้อและมึนทำหน้างอง้ำ มองหมอแบบเคืองๆ
"ถ้านายพูดอีกที ฉันจะอุ้มนาย"
"กี่ทีก็คือไม่ไป! "
"งั้นไม่มีทางเลือกฉันคงต้องอุ้ม " สิงหาย่อตัวลง ทำมือเหมือนจะช้อนอุ้มจริงๆ ทำตุลาตกใจร้องห้ามอย่า พูดจริงทำจริงจนเด็กหนุ่มหน้าตา ตื่นกลัวว่าจะถูกสิงหาอุ้มจริงๆ
"ผมเดินเองได้ครับ"
"งั้นรีบไปเก็บของก่อนฉันจะเปลี่ยนใจอุ้มนายจริงๆ "
หันหลังได้ เจ้าคนตัวบางก็ถอยตัวเลี่ยงๆ เดินขึ้นบนบ้านชั้นสองไปเก็บของ แม้จะยังไม่พอใจ แต่ก็ต้องไปจริง หมอบ้าดันพาย่าไปเป็นตัวประกันก่อนนี่ แต่ด้วยความที่ตุลาขี้ระแวงเป็นทุนเดิม ไม่สนิทใจที่จะเชื่อคำสิงหา อย่างน้อยถ้าเขาและย่าหายตัวไป ก็ต้องมีใครสักคนรู้เรื่อง และเอาผิดถูกคนได้ ว่าแล้วมือเรียวผิวสีแทนเพราะผลจากการโดนแดดก็ค่อยๆ หยิบมือถือรุ่นเก่าเก็บออกมากดโทร.ต่อสายหาเพื่อนสนิทที่ชื่อว่ารัน บอกให้เขารับรู้สถานการณ์ตนเองไว้ก่อน
"ถ้ากูหายตัวไป..มึงไปแจ้งความเลยนะว่ากูไปกับหมอ" กรอกเสียงเคร่งเครียดลงในสายท่าทางลนลาน
"คือสิหาย อ้ายหมอคือคนที่มึงแต่งงานกับเขาวันก่อนน่ะแม่นติ๊"
"บ่แม่น กูบ่ได้แต่งกับเขา เขาต่างหากแต่งกับกู! " ยังไม่ยอมรับง่ายๆ หรอก ยังไงเสียก็ไม่ได้เต็มใจมันแค่แต่งหลอกๆ เด็กหนุ่มปฏิเสธคอเป็นเอ็น
"หึ...เขาแต่งกับมึง กับมึงแต่งกับเขา มันบ่เท่ากับมึงกับเขา แต่งงานกันติบ่! "ปลายสายจากเพื่อนคงจะมึนน่าดู แต่ถึงยังไงก็แต่งกันไปแล้ว
"มึงก็ไปเลย...อ้ายหมอคงบ่มีหยังดอก"
"กูซิถึกหลอกบ่สู"
ตุลายิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ถ้าหมอทำมิดีมิร้ายต้องตายแน่ๆ
"กูย้านแม๊...เฮ็ดจังใดดี"
"ไปโลด หมอมึงหล่อออกปานนั้น...อีกอย่างพ่อมึงบ่แม่นติให้แต่งกันนะ"
"กะแม่น...แต่กูก็กะบ่เซื่อใจหมอแม๊"
เสียงเบาหวิวแทบจะเป็นแค่ลมเปล่งออกมาถูกส่งไปยังสายของเพื่อนอย่างระมัดระวัง นั่นก็เพราะว่าตุลากลัวว่าหมอหนุ่มหลอกไปฆ่ายัดถุงปุ๋ยเหมือนเห็นตามข่าว ถ้าตายไปความฝันอยากเป็นนักบอลทีมชาติคงจบหมดพอดี
"เอาจั่งใดวะรัน...กูบ่อยากไป"
"เขาเป็นผัวมึงแล้ว บ่อยากกะต้องไป พ่อมึงมั่นใจเขานี่"
^w^
หลังจากโทรไปคุยกับเพื่อนเพื่อจะฝากให้ช่วยแจ้งตำรวจให้ ถ้าเกิดว่าหลังจากนี้แล้วตุลาหายตัวไป
เด็กน้อยขี้กลัวจนในหัวสมองเอาแต่จินตนาการถึงคดีฆาตกรรมมากมายที่เคยเห็นในข่าว
จะโดนจับถ่วงน้ำเปล่าเนี่ย?
จะโดนทรมานหยดน้ำตาเทียนใส่ตุลาน้อยเหมือนในหนังซาดิสต์ไหมนะ
หรือกระทั่งกลัวถูกรังแกแบบกักขัง สารพัดที่ตุลาพอจะนึกออกหลอกสมองให้ตัวเองไม่เชื่อในตัวคนแปลกหน้า อย่างคุณหมอที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อวาน แทบอยากสั่งเสียต่อไปถึงเพื่อนทุกคนจนกว่าจะครบทั้งทีม ถ้าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นเอาตำรวจไปช่วยเขาด้วย
สิงหาที่ยืนฟังอยู่ด้านล่างได้ยินแล้วไม่รู้จะขำ หรือจะโกรธที่ตนถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตวิตถาร ขนาดนั้น หรือควรอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจถูกต้องก่อน ว่าเขาเป็นคนดี ถึงจะหื่นกามบ้างบางทีตามแต่ช่วงอายุวัย แต่ก็ไม่เคยเที่ยวไปหยดน้ำตาเทียนใส่ใครต่อใครเหมือนอย่างตุลาว่า
กระทั่งเด็กน้อยลงจากห้องมา ภาพหมอหน้าโหดในโมทคนดี จากหนังโรคจิตต่างๆ ที่ตุลาเคยดูก็ถูกนำมายัดเยียดให้สิงหาเป็นตัวละครสมมุติทางสายตา เขาไม่แม้จะเฉียดเดินเข้าใกล้
แต่ในความขี้ขลาดหวาดระแวง ตุลากับดูน่ารักไปอีกแบบ ทำให้สิงหาแอบรอบยิ้มในความขลาดนี้หลายหน
"พร้อมแล้วเหรอ"
"คั๊บ "
"งั้นไปเลยนะ"
"คั๊บ"
เห็นท่าทางตุลาตอนนี้ สิงหาเกิดรู้สึกเป็นห่วง ห่วงว่าตัวเขาจะหลุดหัวเราะความเด๊อด๊าของเจ้าแมวตัวนี้เข้า ยืนกอดกระเป๋าตัวสั่น สีหน้าซีดเซียวอย่างกับว่าถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารประจำชายแดน ก้มหน้างุดๆ เดินนำหน้าสิงหาไปก่อน เขาก็เพิ่งเคยเห็นคนกลัวหมอที่รักษาคนไข้ราวกับกลัวฆาตกรฆ่าหั่นศพนี่แหละ เป็นตุลาคนแรก และน่าจะเป็นคนเดียว
"ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก"
"ผมยังบ่ชินคั๊บ" แก้ตัวเสียงสั่นๆ
"ไปกันเถอะ! " สิงหาเผลอเอามือมาแตะไหล่ ตุลาก็รีบสะบัดตัวออก ทันที
"ฮ่วย! สิเฮ็ดหยังคั๊บ! "พร้อมหันมามองตาขวาง
"ฉันขอโทษ คราวหลังจะไม่แตะตัวเธออีก"
"ดีคั๊บ"ตอบทั้งตกใจ สิงหาเองก็ตกใจไม่ต่าง กับสีหน้าอาการคนตรงหน้าเป็นเลิ่กลั่กอย่างกับเขาจะกินเลือดกินเนื้อ
ตกลงกันได้จึงได้พาตุลาออกเดินทางจากบ้านวังม่วงเข้าสู่ถนนหมายเลขสอง ปลายทางคือหมู่บ้านเอสเอสวิลล่าซึ่งเป็นบ้านของหมอ ระยะทางหกกิโลเมตรโดยประมาณ ตลอดทางตุลาไม่ส่งเสียงคุยกับสิงหาเลยสักคำ เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ อันทำให้สิงหาเหมือนไร้ตัวตนไปโดยปริยาย ทว่าคนจะอยู่บ้านเดียวกัน ถ้าทำแบบนี้ก็คงอึดอัดตายห่า สิงหาจึงเป็นฝ่ายสร้างพันธมิตรก่อน
"เธอเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว"
"ชั้นม.6 คั๊บ"
"ใกล้จะจบแล้วนี่ วางแผนไว้หรือยังว่าอยากเรียนต่ออะไร "
"บ่รู้คั๊บ"
ที่จริงอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หลังจากนั้นค่อยหาแฟนสักคน แต่งงาน มีลูก สร้างอนาคตด้วยกันเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่อยากบอกให้สิงหาฟัง อีกอย่างตอนนี้ดูเหมือนว่าข้อนั้นจะเป็นไปได้ยาก ในเมื่อเขาดันแต่งงานกับหมอแล้ว จะมีสาวอำเภอไหนมาสนใจคนเคยแต่งงานกับผู้ชายเมืองกรุงฯ อย่างเขาบ้าง ยิ่งกลัวถ้ามีเพื่อนโรงเรียนรู้ หากเป็นแบบนั้น เขาจะทำยังไง จะเอาหน้าน้อยๆ นี้ไปมองหน้าสาวไหนได้อีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกกลัวจนบอกไม่ถูกแล้ว
"จริงๆ ก็ควรจะลองหาอะไรที่ชอบทำนะ หลังจากจบแล้วเธอจะได้ต่อเลยไม่ต้องเสียเวลา" สิงหาค่อยๆ เบนสายตาคมคายมามองพลางพูด แต่ตุลาเฉยแถมยังถอนหายใจยาวๆ เป็นคำตอบให้แทน
กระทั่งรถบีเอ็มคันเดิม วิ่งเลี้ยวเข้าซอยบ้าน เด็กหนุ่มจึงกล้าพูดราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน
"ผมอยากมีแฟน ผมวางแผนไว้อย่างเดียวคือเรียนจบแล้วจะมีแฟนสักคน" พลางทำหน้าจริงจังจนสิงหาหลุดขำ
"ขำผมทำไม ผมอยากมีแฟนผิดเหรอครับ"
"ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่ขำที่เธอจะมีแฟนหลังเรียนจบ ถ้าหลังเรียนจบเธอน่าจะยังไม่ถึง20ปี นี่วางแผนจะมีเมียตั้งแต่อายุอ่อนๆ เลยเหรอ"
"ทำไมจะไม่ได้ ตอนนี้ผม18ปี ยังแต่งกับหมอแล้วเลย ถ้าจะมีเมียตอนอายุไม่ทันถึง20ปีมันก็ไม่เป็นไรหรอก"ตอบกลับแบบเหวี่ยงๆ หนำซ้ำยังทำหน้างอไม่พอใจ ที่สิงหาว่าตนแบบนั้น
หมอหนุ่มถึงกับเงียบ เหมือนเขาผิดที่รวบรัดตัดตอนบังคับตุลา จะว่าไปถึงแต่งกับเขาแค่อายุ18ปี แต่ก็ไม่ได้แต่งกันจริงๆ สักหน่อย ตุลาจะโกรธเขาอีกทำไม หรือว่าเด็กนี่จะนับการแต่งงานครั้งนี้ไปด้วย
" เราแต่งกันแค่หลอกๆ เธอนับฉันเป็นคู่แต่งงานของเธอด้วยเหรอ "
กลายเป็นตุลาที่ถึงกับอึ้งแทน ใบหน้าเล็กๆ เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจนถึงใบหูเพราะความอับอาย ให้ตายเถอะแทบอยากโดดลงจากรถ เขาเผลอนับการแต่งงานปลอมๆ นี้ไปด้วยจริงๆ แหละ
"อ้อติคั๊บ...แม๊ผมกะ ผมกะ กะบ่ได้นับจริงหรอกคั๊บ แต่ว่ามันก็คล้ายคือ...เข้าพิธีจริงๆ มันเลยหลอกหลอนความคิดผม" แก้ตัวตะกุกตะกัก ดิ้นไปน้ำขุ่นๆ
"แล้วไป ฉันเกือบคิดว่าเธอนับฉันเป็นสามีจริงๆ " สิงหายิ้มกะล่อน
"บ่คั๊บ บ่นับคั๊บ"