4

1461 Words
“เพราะชอบของเน่าๆ อย่างยัยรินลดายังไงล่ะ อีตานั่นชอบแบบโบท็อกซ์ ดึงหน้า แล้วก็ซิลิโคน” ปาริชาติเบะปากอย่างแค้นเล็กๆ ที่โดนเมิน “ฮ่าๆๆ” สองสาวถึงกับระเบิดหัวเราะ เกศรามองเพื่อนตาปริบๆ เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ไม่ค่อยด่าว่าคนอื่น หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือจะไม่ค่อยหาเรื่องใครมากที่สุด แต่เวลาอยู่กับเพื่อนๆ บางทีก็หลุดโลกอยู่เหมือนกัน ส่วนฟ้าใส เห็นเงียบๆ หงิมๆ เวลาเอาเรื่องใคร คนนั้น… แหลก!!!! “นอนดีกว่า” ฟ้าใสตบที่นอนก่อนล้มตัวลงนอน เมื่อจดรายการอาหารและข้าวของที่จะซื้อเสร็จสิ้น “นี่ยัยฟ้า แกพนันกับพวกเราแล้วนะ แกต้องแย่งอีตาเทพประทานมาเป็นแฟนให้ได้นะ” “ไหนบอกว่าแค่กินข้าวไง” ฟ้าใสดักคอเพื่อน “เออๆๆ กินข้าวก็กินข้าว ฉันเชื่อในฝีมือแก” ปาริชาติหันมองสบตากับเพื่อนทั้งสามอย่างเจ้าเล่ห์ แสร้งทำเป็นรับคำเออออตามฟ้าใส ราศีมองอย่างรู้ทัน เกศรามองอย่างหนักใจ แต่ฟ้าใสรู้ว่าเพื่อนทั้งสามคิดยังไง “นี่ไม่ต้องมาทำหน้าเจ้าเล่ห์เลย ฉันรู้ทัน แต่ถ้าอยากให้ทำมากกว่านั้น ค่าพนันต้องเพิ่มขึ้นด้วย” ฟ้าใสดักคอ เธอคบกับเพื่อนมาหลายปี ทำไมจะไม่รู้ว่าเพื่อนแต่ละคนมีนิสัยเช่นไร “โห... ยัยงก” ปาริชาติผลักหัวฟ้าใสไปมา “แกนี่ ทำร้ายร่างกายหรือไง ไหนสัญญาว่าอะไรก็ให้ไง ถ้าฉันขอแกต้องให้นะ ไม่งั้นเลิกคบ” ฟ้าใสกระโดดจี้เอวเพื่อน ทั้งสี่สาวหัวเราะเสียงใสก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด บนห้องนอนกว้างที่นอนรวมกันสี่คน แต่เป็นเตียงสองชั้นที่นอนด้วยกันมานาน แม้แต่คุณหนูปาริชาติที่ร่ำรวยเองก็ไม่ค่อยกลับไปนอนบ้านนัก ...อินเทอร์เน็ตก็เหมือนดาบสองคม ถูกใช้ในทางที่ดีก็ดี หากใช้ในทางที่ไม่ดีก็เสื่อม... “โห... ยัยลิลลี่นอนหรือยังนี่” เกศราบ่นอุบเมื่อเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กในตอนเช้าก็เจอกับข้อความยาวเหยียด ล้วนแล้วแต่เป็นคำด่า! แทบทั้งสิ้น “ทำไมแก ยัยลิลลี่มันคลั่งแล้วหรือไง... ฮิฮิ” ปาริชาติเอ่ยถามก่อนจะปิดปากหัวเราะอย่างสะใจ “ยิ่งกว่าคลั่งมั้ง แกอ่านข้อความพวกนี้สิ” เกศราใบหน้าเหยเกเรียกเพื่อนมาดูหน้าจอคอม ราศีลุกจากเก้าอี้มาถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก “โอ๊ย!!! นี่ยัยลิลลี่กับยัยเพื่อนของเจ้าหล่อนขนกันมาด่าจนขึ้นโพสต์เป็นร้อยแล้ว” ราศีหัวเราะคิก ไม่ได้ทุกข์ร้อนเหมือนปาริชาติแต่อย่างใด “ไหนๆ ดูหน่อย หน็อยๆๆๆ อีนังลิลลี่ ตอบกลับไปซิ” ปาริชาติทำท่าจะจิ้มข้อความโต้กลับ “ตอบกลับอะไรของแกเล่า เห็นไหมโพสต์อะไรโดนลบหมด นี่มันหน้าบ้านยัยนั่น ชีจะให้ใครไปโพสต์ด่าหน้าบ้านตัวเองเล่า” เกศรารีบห้ามเพื่อน “ถ้าเราโพสต์หน้าบ้าน เราใครจะมาลบ” ปาริชาติอมยิ้มให้เพื่อน “พวกแกนี่มัวแต่โพสต์โต้ตอบยัยโบท็อกซ์อยู่ได้ เดี๋ยวก็สายหรอก” ฟ้าใสบ่นอุบรีบไปจัดการอาหารเช้าให้เพื่อน ไม่ได้สนใจคำด่าของรินลดา เธอเองก็ชอบเล่นเฟซบุ๊ก แต่รู้ว่าอะไรควรสนใจ อะไรไม่ควรสนใจ “ขี้บ่นจริงยัยฟ้า วันนี้มีอะไรกินบ้าง” ปาริชาติชะโงกมองโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน กลิ่นหอมอบอวลเรียกน้ำย่อยให้หลั่งออกมาจากกระเพาะอาหาร “วันนี้มีข้าวต้มกระดูกหมู น้ำส้มคั้นของเปรี้ยว โกโก้ร้อนของหยก แล้วก็น้ำเต้าหู้ของเกศ” ฟ้าใสปลดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวเมื่อจัดโต๊ะอาหารเสร็จ “ฟ้านี่น่ารักจังเลย รู้ใจพวกเราไปหมด” ราศีเอ่ยชมเพื่อนอย่างประจบ เธอเป็นคนที่ไม่ชอบทำกับข้าวเลยให้ตายเถอะ ถ้าไม่มีฟ้าใส เธอต้องแบกท้องออกไปทานข้างนอกแน่นอน “เดี๋ยวก่อน” ฟ้าใสรีบตีมือเพื่อนสาว “โอ๊ย! มาตีมือเราทำไม” ราศีดึงมือกลับมองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ “ไปล้างมือก่อนทุกคนเลย” ฟ้าใสกอดอกมองเพื่อนทั้งสามนิ่ง “รู้แล้วเจ้าค่ะ ยัยแม่ฟ้า” “ยายฟ้าต่างหาก... คิกๆ” สามสาวเอ่ยแซวเพื่อน ก่อนจะไปล้างไม้ล้างมือละจากหน้าจอคอมแล้วมานั่งสำรวมทานอาหารเช้า “ดีมาก ต้องล้างไม้ล้างมือก่อนทานอาหาร เพราะมือเราสกปรก ไม่รู้ไปหยิบจับอะไรมาบ้าง ทานเข้าไปอาจไม่สบายได้” ฟ้าใสทรุดนั่งลงตรงข้ามเพื่อนทั้งสาม “อร่อยจังเลยฟ้า ใครได้ฟ้าไปเป็นภรรยานี่ถือว่าโชคดีนะ” ราศีเอ่ยชม “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” ฟ้าใสว่ายิ้มๆ “อย่าให้เป็นนายเทพประทานก็แล้วกัน” ปาริชาติย่นจมูก “ก็ไม่แน่ แล้วแกจะเริ่มแผนยังไงเหรอ บอกหน่อยสิอยากรู้” เกศราเอ่ยถามด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นเอามากๆ “ไม่บอก” ฟ้าใสส่ายหน้าไปมาอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “โห... แค่นี้ก็หวงไม่ยอมบอก แต่ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยก็บอกนะ หมั่นไส้ยัยโบท็อกซ์สุดฤทธิ์” ปาริชาติเบ้ปากเมื่อนึกถึงคู่แค้นตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ราศีหัวเราะเบาๆ ค่อยๆ ทานข้าวต้มอย่างมีความสุข “แกเป็นอะไรไอ้หยก นั่งหัวเราะคนเดียว” ปาริชาติเลิกคิ้วมองเพื่อนด้วยความสงสัย “ก็หัวเราะทีหลังดังกว่ายังไงเล่า แกคิดดูสิเปรี้ยว ถ้าพวกยัยโบท็อกซ์รู้ว่าอีตาเทพประทานมากินข้าวกับยัยฟ้า ฉันไม่อยากจะคิดเลย มันแน่ๆ” ราศีอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ “แค่แกพูดฉันก็เตรียมหัวเราะให้ฟันร่วงแล้วว่ะ” ปาริชาติขยิบตากับเพื่อนอย่างถูกใจ “พวกแกน่ะมั่นใจขนาดนั้นเชียว” ฟ้าใสอดถามไม่ได้ เธอเองไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย “มั่นใจสิ เพราะแกรับปากแล้ว” สามสาวพูดพร้อมกัน ...มนุษย์เรานั้นการได้โต้ตอบคนที่หมั่นไส้ก็เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าหากว่าการโต้ตอบนั้นทำให้คนอื่นเดือดร้อน เราควรพิจารณาให้ดีว่าควรหยุดเสียบ้างน่าจะดี... เธอคือฟ้าใส (ไม่ได้งก แต่ประหยัด) “สวัสดีค่ะคุณเทพ” พนักงานห้างสรรพสินค้ายกมือไหว้ชายหนุ่มสุดหล่อทายาทคนเดียวของตระกูลดัง ชายหนุ่มเป็นที่สนใจของสาวๆ ที่ตามติดกระแสหนุ่มไฮโซตระกูลผู้ดีเก่าและร่ำรวยติดอันดับเศรษฐีของเมืองไทย เงินทองใช้อีกกี่ชาติก็ไม่หมด มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมายมหาศาลและเป็นเจ้าของห้าง รีสอร์ท โรงแรมหรูอีกมากมาย เทพประทานพยักหน้ารับด้วยใบหน้านิ่งๆ ดวงตาเรียบเฉยกวาดมองรอบกายเพื่อสำรวจห้างสรรพสินค้าไปในตัว “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” ฟ้าใสกล่าวขอโทษเมื่อชนกับร่างสูงสง่าของเทพประทาน หญิงสาวถึงกับอ้าปากกว้าง ดวงตาเบิกมองชายหนุ่มรูปร่างสูง หล่อลากไส้ ผิวขาว สมาร์ทสุดๆ ไปเลย แต่หน้าตาเขายังเรียบเฉยสุดๆ ดวงตาที่มองสบกับเธอดูเฉยชา แต่แฝงลึกด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจสาวสั่นระรัว เธอเจอเขาอีกแล้วเหรอนี่ เขามาทำอะไรที่นี่นะ? ทำไมโลกมันถึงได้กลมแบบนี้ อยากจะกรี๊ดให้คนทั้งโลกรับรู้ว่าเธอเจอผู้ชายที่หล่อสุดๆ คนนี้ของเธออีกแล้ว ถ้าเพื่อนสามสาวอยู่ เธอจะบอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อกว่าอีตาเทพประทานเป็นไหนๆ จะได้เลิกหลงใหลหมอนั่นสักที “ไม่เป็นไร คราวหลังเดินดูด้วยแล้วกัน” เสียงขรึมที่ตอบกลับมาดูไว้ตัวชะมัด เขาไม่ได้ตำหนิอะไรเธอแรงๆ แต่สายตาตำหนิเธอสุดๆ ไปเลย ผู้ชายอะไรพูดด้วยสายตาก็เป็นด้วย ...และที่เธอขาดความมั่นใจสุดๆ ก็คือ เขาดันจำเธอไม่ได้อย่างนั้นเหรอ คนที่เขาช่วยเอาไว้ตอนจักรยานล้มไง ถึงแม้จะแกล้งหกล้มก็เถอะ... เทพประทานเองไม่อยากตำหนิลูกค้า ทั้งๆ ที่เขานึกไม่ชอบใจในความซุ่มซ่ามของเจ้าหล่อน ที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ สายตาคมกริบแฝงด้วยแววเฉยเมยเย็นชาเป็นนิตย์ สแกนเรือนร่างบอบบางอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้รูปร่างจะบอบบางแต่สัดส่วนของวัยสาว อกเป็นอก เอวคอดกิ่ว สะโพกผายรับกันเหมาะเจาะ ช่วงขาเพรียว เธอเป็นคนค่อนข้างสูง ใบหน้าอยู่ระดับปลายคางของเขา ขณะที่เธอกำลังจ้องมองเขาอย่างสำรวจตรวจตราไม่ต่างกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD