6

1537 Words
“เอ่อ... งั้นดิฉันเอาเฉพาะที่พนักงานคนนั้นจ่ายไว้ก็แล้วกันค่ะ” “อ้อ... ค่ะ เห็นจะไม่ได้ค่ะ” พนักงานยังยืนยันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฟ้าใสถึงกับหน้าเหวอ “ไม่ได้ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะคะ” ฟ้าใสเอ่ยถามด้วยความงุนงง พนักงานแสนสวยยิ้มกว้างตามนโยบายของห้างสรรพสินค้าที่ต้องบริการลูกค้าเป็นอย่างดีให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด เพราะลูกค้าคือพระเจ้า ก่อนจะผายมือไปอีกด้านที่มีป้ายติดเอาไว้ว่า ...ห้ามคืนเมื่อหยิบไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินแล้ว... “แบบนี้ก็มีด้วย” ฟ้าใสได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบหุบฉับ มันมาตอนไหนนี่ ไอ้ที่ว่าห้ามคืนเมื่อหยิบไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินแล้ว “แบบนี้มันเป็นการบังคับผู้บริโภคนะคะ แล้วถ้าใส่ไม่ได้ล่ะ มันคับไปหลวมไปจะทำยังไง ดิฉันจะไปฟ้องหอการค้า ฟ้องกรมแรงงาน ฟ้องศอฉ. ฟ้องอย. หึ!” พนักงานถึงกับหน้าถอดสี แต่ยังไงเจ้านายก็สั่งเอาไว้แล้ว ถ้าเธอฝ่าฝืนจะโดนไล่ออก เธอยังไม่อยากตกงานจึงรีบยืนยันกับลูกค้าตรงหน้าอีกรอบ “ถ้าคุณไม่ชำระเงิน ทางห้างขอตั้งข้อสันนิษฐานว่าอยากจะขโมยของนะคะ” “ขโมยของ คิดได้ไงนี่” ฟ้าใสแทบบ้ากับคำพูดของพนักงานตรงหน้า “หรือไม่ดิฉันก็มีทางเลือกให้คุณอีกอย่างนะคะ” พนักงานรีบยื่นข้อเสนอทันที “อะไรเหรอคะ” ฟ้าใสถามอย่างระแวง ด้วยสมองอันชาญฉลาดเธอรู้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่เธอเสียเปรียบแน่นอน “คุณไม่ต้องจ่ายเงินในส่วนที่เหลือก็ได้ค่ะ แต่...” “แต่อะไรเหรอคะ” “ส่วนที่ถูกจ่ายเอาไว้ห้าพันบาทก็จะหมดสิทธิ์ไปด้วยค่ะ” เมื่อได้ยินพนักงานพูดเช่นนั้นฟ้าใสก็รีบคำนวณทันที ถ้าเธอไม่จ่ายส่วนต่างก็จะอดของฟรีอีกห้าพัน แต่ถ้าเธอจ่ายเงินแล้วเอาชุดชั้นในที่เหลือไปขายต่อให้เพื่อนรักทั้งสาม เธอก็จะได้กำไรกลับคืนมา คิดแล้วก็คุ้มเกินคุ้ม เมื่อคิดคำนวณเสร็จสรรพหญิงสาวก็รีบพยักหน้าทันที “ฉันตกลงจะจ่ายค่ะ” “สะดวกเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตคะ” พนักงานรีบถามเมื่อวันนี้เธอขายของได้หลายชิ้น ที่สำคัญชุดชั้นในที่ฟ้าใสเลือกมันเป็นเซตที่ทางห้างกำลังจะจัดโปรโมชั่นลดราคาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถือว่าได้จำหน่ายสินค้าในราคาที่ได้กำไรพอสมควร ไม่คิดว่าเจ้านายของเธอจะฉลาดแบบนี้ เทพประทานจ่ายเงินไปห้าพันบาทก็เท่ากับอัฐยายซื้อขนมยาย เพราะเงินจำนวนนั้นถือว่าไม่ได้จ่ายอะไรเลย แต่ราคาชุดชั้นในที่ฟ้าใสซื้อนั้นจริงๆ จะจัดราคาลด 50% อีกไม่กี่วัน เท่ากับฟ้าใสซื้อชุดชั้นในที่กำลังจะลดราคาในราคาที่สูงพอสมควรเมื่อหักจากห้าพันบาทไปแล้ว ได้ขายทั้งเสื้อชั้นใน ได้ทั้งกำไร นี่แหละเทพประทาน!!! “ขอชำระเป็นเงินสดนะคะ ไม่ทราบว่าทางห้างรับเหรียญใช่ไหมคะ” ฟ้าใสนำเงินที่หยอดกระปุกจะนำไปฝากธนาคารออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ เธอกะว่านำชุดชั้นในไปขายเพื่อนสาว ก็ได้เงินกลับมานำไปฝากธนาคารเหมือนเดิม ที่เหลือจะไปซื้อกองทุน ลงทุนอีกหลายอย่างเพื่อให้เงินสะพัดในบัญชี ดวงตาสวยใสเห็นแต่แบงก์ดอลลาร์ในสมอง “ได้ค่ะ” พนักงานรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยังไงการทำทุกวิถีทางเพื่อจะดึงเงินในกระเป๋าลูกค้ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมไปเลย จะเงินอะไรก็เงินเหมือนกัน อีกฝ่ายถามว่ารับเหรียญหรือเปล่า เธอคิดว่าคงมีเหรียญไม่กี่ร้อย ที่เหลือคงเป็นแบงก์แน่นอน นับเหรียญนิดหน่อยแต่ได้ยอดขาย มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แต่... ครึ่งชั่วโมงผ่านไป พนักงานที่รับเงินสดจากฟ้าใสถึงกับปาดเหงื่อทีเดียวเชียว “นับเร็วๆ กว่านี้หน่อยได้ไหมคะ ฉันรีบ” ฟ้าใสเร่งพนักงานคนสวยที่นับเหรียญเธอช้ามาก ทั้งๆ ที่เธอยืนยันมาแล้วว่านับมาครบทุกบาททุกสตางค์ไม่เคยขาด ยังไม่เชื่อใจกันอีก เธอเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เธอไม่ใช่คนขี้โกง เหรียญที่เธอนับมาอย่างดีรับรองไม่มีพลาด แต่พนักงานซื่อบื้อคนนี้กลับลงทุนมานั่งนับเหรียญเธออีก และวิธีการนับก็ทำให้เธอต้องยกมือตบหน้าผากหลายต่อหลายครั้ง “เอ่อ... ทำไมเหรียญหนึ่งบาทเยอะจังคะ” พนักงานหันไปถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเหรียญหนึ่งบาทเยอะมากหลายถุงถูกนำมาวางตรงหน้า “ก็ฉันหยอดกระปุกเอาไว้หลายเดือนเลยนะคะกว่าจะได้เหรียญบาทหลายพันบาทแบบนี้ รีบนับๆ ไปเถอะค่ะ ยังไงก็เงินเหมือนกัน ก็ถ้าคุณไม่เชื่อใจว่ามันครบตามจำนวน” ฟ้าใสกอดอกอย่างภาคภูมิใจ อดประชดพนักงานคนดังกล่าวไม่ได้ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งซื่อ เซ่อหรือเป็นแบบนั้นจริงๆ เธออุตส่าห์ชี้นำทางให้ ก็ยังไม่เกิดปัญญาอีก เธอล่ะปวดใจจริงๆ “ค่ะ” พนักงานสาวถึงกับหน้ามุ่ย แต่ก็ยังขอต่อรอง “คุณจ่ายเป็นธนบัตรไม่ได้เหรอคะ คือว่าดิฉันต้องไปขายของลูกค้าคนอื่นอีกนะคะ” จันทร์ฉายพูดอย่างเกรงใจ เห็นเพื่อนๆ พนักงานรีบต้อนรับลูกค้ากันใหญ่ ก็เซ็งขึ้นมาทันที ถ้าเธอมัวแต่นับเงินอยู่แบบนี้ วันนี้ยอดขายต้องตกเป็นแน่ เพราะเงินตั้งหลายพันก็ดูไม่เยอะ แต่ที่เยอะมันคือเหรียญ แล้วถ้าหากเธอรับๆ ไปไม่นับ ถ้าเงินขาดล่ะ เธอต้องชดใช้ เงินเดือนก็ชักหน้าไม่ถึงหลังกันพอดี ตายแน่ๆ เลย อยากขายก็อยากขาย ไม่อยากขายก็ไม่อยากขาย ถ้าทำให้ลูกค้าคนนี้หลุดมือไป มีหลักโดนเทพประทานหักเงินเดือนเป็นแน่แท้ จันทร์ฉายคิดว้าวุ่นใจอยู่คนเดียว หน้านิ่วคิ้วขมวดนั้นทำให้ฟ้าใสเกิดอยากแกล้งยัยน้องคนนี้ขึ้นมาตงิดๆ “ธนบัตรจะเอาออกมาเป็นลำดับสุดท้ายค่ะ คุณนับเหรียญบาทให้ครบสองพันก่อนนะคะ เดี๋ยวเหรียญห้ากับเหรียญสิบจะตามมา” ฟ้าใสยิ้มแฉ่งบอกพนักงานคนสวยอย่างเป็นมิตรและอารมณ์ดีสุดๆ รู้จักเธอน้อยไปแล้ว ถ้าแม่นี่บอกว่าไม่ยอมนับเหรียญเธอก็ไม่เห็นจะแคร์ แต่เธอจะต้องเอาชุดชั้นในแบรนด์เนมพวกนี้กลับบ้านให้จงได้ “ฮะ!” จันทร์ฉายอุทานเสียงดังจนพนักงานขายคนอื่นๆ และลูกค้าในร้านหันมามองอย่างตกใจ “ขะ... ขอโทษค่ะ” เธอหันไปขอโทษขอโพย ก่อนจะถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ถือ คุณคงตื่นเต้นล่ะสิคะ คงไม่เคยนับเงินเหรียญมากมายขนาดนี้ และตอนนี้คุณก็คงกำลังชื่นชมความสามารถของฉันอยู่ที่สามารถเก็บสะสมเงินออมเป็นเหรียญได้เยอะขนาดนี้... ฮ่าๆๆ ไม่ต้องชื่นชมกันออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันรู้ตัวเองดี แล้วก็เขินคุณด้วย” ฟ้าใสพูดอย่างอารมณ์ดี ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง เธออมยิ้มขบขันเมื่อเห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่าย จันทร์ฉายทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้เสียให้ได้ ใครจะไปชื่นชมเธอยะ ผู้หญิงอะไร สวยก็สวยงกยังกะอะไรดี เกิดมาจากเกลือในมหาสมุทรหรือเปล่านี่ “เอ่อ... ดิฉันขอนับธนบัตรก่อนพลางๆ ได้ไหมคะ” จันทร์ฉายเอ่ยบอกอีกครั้ง “ได้สิคะ แต่ฉันเห็นคุณนับไม่ทันก็เลยเอาเงินออกมาทีละนิดให้คุณได้นับสะดวกไม่มึนค่ะ” ฟ้าใสบอกยิ้มๆ ก่อนจะควักเงินธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมาปึกใหญ่ “ฮะ! คุณไม่มีแบงก์พันเหรอคะ” จันทร์ฉายมองธนบัตรใบละยี่สิบบาทตาแทบถลน “เอ๊ะ! คุณนี่ยังไงคะ ถามว่าฉันสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต ฉันก็สะดวกเป็นเงินสด พอเอาเหรียญออกมา คุณก็ขอธนบัตร พอเอาธนบัตรใบละยี่สิบออกมาจะขอธนบัตรใบละหนึ่งพันอีก คุณรู้ไหม ธนบัตรใบละพันนี่มันจ่ายยากมาก ส่วนมากพ่อค้าแม่ค้าเค้าจะบอกไม่มีเงินทอน ฉันก็ตอบสนองความต้องการของคนขายแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะคะ หรือถ้าคุณขี้เกียจนับ คุณก็หยิบของใส่ถุงให้ฉันแล้วก็หยุดนับ ฉันเอาของไปตามนี้ ไม่ต้องจ่ายเงิน คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลานับแต่แรก แล้วไปรับลูกค้ารายอื่น คุณจะได้มียอดขายในวันนี้ โอเคไหมคะ” ฟ้าใสทำเนียนสุดๆ เห็นซื่อๆ เซ่อๆ เธอก็อยากแกล้งเท่านั้นเอง 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD