-6-
ไอดอล
“ซูซือเหยียน” ชายหนุ่มที่เรียกเธอนั้นคือผู้ชายคนเดียวกับที่เจอในวันคัดเลือกชมรม หลังจากการคัดตัววันนั้นเธอก็พบว่ามีผู้หญิงเพียงแค่สี่คนที่ผ่านการคัดเลือก และดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตั้งทีมน้องใหม่ได้ นั่นทำให้พี่ต้าเฉาของทุกคนค่อนข้างเจ็บปวดหัวใจ เพราะมหาวิทยาลัย S ไม่มีทีมน้องใหม่หญิงมาหลายปีแล้ว
ผู้ชายคนนี้ชื่อหลี่เฉิงหลิน เขาเป็นเทพแห่งชมรมบาสฯ ผู้คนมักจะเรียกเขาว่าต้าเสิน แต่ว่าซูซือเหยียนมักจะเรียกเขาว่ารุ่นพี่
วันนี้หลิวอิงเพื่อนสนิทของเธอมีนัดประชุมชมรม ซูซือเหยียนจึงมานั่งดูคนในชมรมบาสเกตบอลซ้อมในตอนเย็น คิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงหลินจะมาซ้อมด้วย
“รุ่นพี่ต้าเฉาบอกว่ารุ่นพี่ไม่ค่อยมาซ้อม คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเจอ” ซูซือเหยียนยื่นน้ำให้เขา
“น่าเบื่อ ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำ” หลี่เฉิงหลินเอนหลังกับพนักพิง แขนข้างหนึ่งพาดเลยมาที่หลังของซูซือเหยียนโดยไม่รู้ตัว แต่เธอไม่ได้สนใจมันนักจึงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
“ปีสี่แล้วสมควรจะต้องทำโปรเจกต์ไม่ใช่เหรอ”
“เสร็จแล้ว” เขาว่า
ซูซือเหยียนเลิกคิ้ว รู้สึกชื่นชมในใจ หลี่เฉิงหลินเป็นหนุ่มหล่อไร้ที่ติ ทั้งความสามารถในการเรียน กีฬา ดนตรี หรือแม้แต่เรื่องครอบครัวก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงมากมายต่างก็ชื่นชอบ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ด้วยนิสัยของเธอแล้ววิธีการต่อมาคือสืบประวัติของเขา ท้ายที่สุดซูซือเหยียนก็ทราบว่าหลี่เฉิงหลินไม่ใช่คนอื่นไกล
เขาเคยเป็นพี่ชายข้างบ้านเธอในสมัยเด็ก แต่หลังจากครอบครัวของตระกูลซูย้ายกลับไปอยู่เมืองอื่น เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย
ซูซือเหยียนคิดว่าเขาคงจำเธอไม่ได้ อีกอย่างโลกของทั้งคู่ห่างไกลกันเกินไป
ดังนั้นแล้วเธอจึงชื่นชมเขาในฐานะไอดอลคนหนึ่ง และไม่เคยปกปิดสายตาชื่นชมนี้
“ทำไมมองแบบนี้”
ซูซือเหยียนอมยิ้ม “จะหาคนที่เก่งแบบรุ่นพี่ ชาตินี้เกรงว่าจะหาไม่ได้อีกแล้ว”
“หืม...” เขายื่นหน้ามาใกล้เธอ “ชอบฉันเหรอ”
ซูซือเหยียนหุบยิ้ม เธอเลียริมฝีปากแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะหัวเราะแก้เก้อ “มีใครไม่ชอบรุ่นพี่บ้างคะ อย่างพี่ต้าเฉาฉันก็ชอบ พี่เหยียนเฟิง พี่เสี่ยวอ้าว”
“หึ!” หลี่เฉิงหลินแค่นเสียงขึ้นจมูก ไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย
“รุ่นพี่เป็นอะไร” ซูซือเหยียนเหลือบมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เปล่า”
“...” ซูซือเหยียน
เขาลุกขึ้น ก่อนจากไปหันมาบอกเธอว่า “วันพุธหน้าวันเกิดฉัน อย่าลืมของขวัญ”
ซูซือเหยียนมองตามเขา อ้าปากค้างด้วยความตกใจ วันเกิดของต้าเสินแห่งมหาวิทยาลัย S แน่นอนว่าต้องเป็นข่าวใหญ่ ไม่รู้คนกี่คนต้องการที่จะเข้าร่วม เขาบอกเธอเองแบบนี้แน่นอนว่าเป็นไฟลต์บังคับให้ไป หลังจากที่รู้จักเขามาหลายเดือน ซูซือเหยียนพบว่าแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจบางความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจคือเมื่อเขาต้องการอะไรเขาจะบอกเอง
สี่วันหลังจากนั้นซูซือเหยียนก็ลาชมรม เธอไม่รู้ว่าวันเกิดของคนดังแบบนี้คนส่วนใหญ่จะให้อะไรเป็นของขวัญ แต่สำหรับเธอแล้วทุกครั้งที่เป็นวันเกิดของคนที่เธอใกล้ชิด หญิงสาวมักจะทำของขวัญให้ด้วยตัวเอง
และเป็นครั้งแรกที่ซูซือเหยียนวาดรูปให้กับคนอื่น
หลี่เฉิงหลินเหมือนเป็นความฝันสำหรับสาวๆ มากมาย เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในสายตาของผู้คน ซูซือเหยียนเก็บไปคิดทั้งคืน สุดท้ายคืนหนึ่งเธอก็ฝันเห็นผีเสื้อ
ในความฝันนั้นเธอเห็นว่าตัวเองเป็นผีเสื้อตัวหนึ่งที่บินตามกลิ่นหอมไปในดินแดนลึกลับ
ดินแดนแห่งนั้นเต็มไปด้วยสีสันมากมาย เธอบินเข้าไปในห้องหนึ่ง พลันเห็นว่าต้นกำเนิดของกลิ่นหอมเป็นร่างหนึ่งที่นอนอยู่ในความเงียบ ความสมบูรณ์แบบเสมือนเป็นที่รักของพระเจ้าทำให้ผีเสื้อรู้สึกหลงใหล มันค่อยๆ กระพือปีกแล้วบินลงไปเกาะที่ริมฝีปากของชายคนนั้น แอบขโมยรสชาติของเขา
ทันใดนั้นมันก็ตกใจเพราะชายคนนั้นลืมตาขึ้น ผีเสื้อขยับปีก น่าเสียดายที่มันบินไปติดใยแมงมุม ผีเสื้อตัวน้อยพยายามดิ้นรนจนหมดแรง มันเห็นปลายนิ้วของชายคนนั้นเลื่อนเข้ามา สุดท้ายผีเสื้อหลับตาลงอย่างไม่เต็มใจ
ซูซือเหยียนลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก หญิงสาวสำรวจร่างกาย เมื่อพบว่าเป็นแค่ความฝันก็โล่งใจ เธอจำหน้าตาของชายคนนั้นไม่ได้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจวาดรูปผีเสื้อให้กับเขา
หญิงสาวมอบภาพวาดให้เขา หลี่เฉิงหลินมองอย่างประหลาดใจ แต่ว่าเขาไม่ได้เปิดดูในตอนแรก หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดในคืนนั้นเขาก็ประกาศว่าชอบเธอ
มันเป็นความฝันที่ผู้หญิงทุกคนต้องการไขว่คว้า แต่ว่าซูซือเหยียนเหมือนคนบ้า เธอตกใจและหลบหน้าเขา
หลังจากนั้นมาเธอก็พยายามรักษาระยะห่าง ก่อนที่จะปิดเทอมสุดท้ายของปีหนึ่ง เธอได้รู้จักกับเว่ยเสวี่ยหลิน
เขาเป็นคนดีมาก
เว่ยเสวี่ยหลินเป็นหนุ่มหล่อในคณะบริหารธุรกิจ มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง แต่กลับมีความสามารถจนผู้คนยอมรับ หลังจากที่หลี่เฉิงหลินเรียนจบไป เขาก็กลายเป็นดาวเด่น ซูซือหลินเป็นเพื่อนกับเขาจนขึ้นปีสี่ ในที่สุดเขาก็ขอคบกับเธอ
ซูซือเหยียนค่อนข้างตกใจ แต่เธอโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนปีหนึ่ง ในวันรับปริญญาหญิงสาวจึงตัดสินใจคบกับเขา ด้วยความหัวโบราณของครอบครัว ซูซือเหยียนจึงแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มมากนัก อีกอย่างทั้งคู่ต่างก็ทำงานคนละบริษัท โชคดีที่หลิวอิงทำงานที่เดียวกับเว่ยเสวี่ยหลิน ซูซือเหยียนจึงไม่ได้คิดอะไร
ก่อนวันครบรอบราวๆ หนึ่งเดือนซูซือเหยียนตั้งใจเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่ม เธอลาออกจากบริษัทเดิมแล้วสมัครงานที่เดียวกับเขา หลังจากคืนวันครบรอบแล้วเธอจะทำตามที่เขาบอก นั่นคือย้ายมาอยู่ด้วยกัน
แม้ว่าครอบครัวของเธอจะหัวโบราณ แต่ซูซือเหยียนยังมีความคิดแบบสมัยใหม่ พ่อแม่ของเธอไม่สามารถบังคับเธอได้หลังจากทำงานแล้ว
ความคิดไร้เดียงสากลายเป็นเรื่องตลกเมื่อความจริงเปิดเผย...
เธอเจ็บปวด...
ซูซือเหยียนรู้สึกปวดหัวใจเหมือนถูกบีบ ร่างกายของเธอร้อนลวกราวกับเส้นเลือดเต็มไปด้วยลาวา เธอกัดริมฝีปากแน่น ลำคอแห้งผากเหมือนถูกเผาไหม้ ความรู้สึกปวดร้าวราวกับจะฉีกกระชากวิญญาณนี้ทำให้เธอหายใจติดขัดเหมือนคนกำลังจะตาย
เธอกำลังจะตาย...
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงความเย็นของน้ำ กลิ่นหอมหวานรอบตัวทำให้จิตใจของซูซือเหยียนสงบลง ร่างกายที่กำลังเดือดของเธอถูกน้ำเย็นดับกระหาย แต่ความรู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำเข้ามาแทนที่ หญิงสาวพยายามหาหลักยึด กระทั่งคว้าอะไรบางอย่างได้จึงยึดแน่นไม่ปล่อย
เธอรู้สึกกระหายเมื่อได้กลิ่นหอม ลิ้นเล็กเลียออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อสัมผัสถึงรสชาติที่ถูกใจก็เหมือนสัญชาตญาณในร่างกายกำลังหลุดจากการควบคุม เธอกัดมัน ดูดกลืนอย่างตะกละตะกลาม
ในอ่างซึ่งเต็มไปด้วยของเหลวสีแดง ใต้กลีบกุหลาบสีแดงคือร่างเปลือยเปล่าสองร่าง ผิวขาวของทั้งคู่เมื่อสะท้อนแสงจันทร์ดูแวววาวราวกับไข่มุก ท่าทางคลุมเครือราวกับกำลังพัวพันกันอย่างมีความสุข
หลี่เฉิงหลินนอนแช่ในอ่าง บนร่างของเขาคือซูซือเหยียนที่ไร้สติ เธอหลับตาสนิท ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน ขนตาหนาสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเธอขยับตัว ผมของเธอเปียกชื้นแนบติดกับลำตัว ริมฝีปากแนบชิดบนลำคอของหลี่เฉิงหลิน เขี้ยวขาวของเธอฝังอยู่บนคอของเขา ดูดกลืนโลหิตที่ไหลออกมาอย่างตะกละตะกลาม
บนตัวของซูซือเหยียนเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋ว ชุดเดรสสีดำสนิทถูกเธอทำลายทิ้งไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ หลังจากที่เริ่มเปลี่ยนไขกระดูกร่างกายของเธอก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เล็บที่ยาวขึ้นคมกริบราวกับใบมีดสามารถทำลายเสื้อผ้าได้ในพริบตา
ร่างกายของหลี่เฉิงหลินไม่ได้มีสภาพที่ดีนัก ผิวเปลือยเปล่าของเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนที่มีสาเหตุมาจากคนในอ้อมแขน เขาต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะจับเธอมาแช่ในน้ำยาพิเศษของตระกูลเพื่อคลายความเจ็บปวดในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงได้
หลี่เฉิงหลินข่มความเครียดเกร็งในร่างกายเพื่อให้เธอผ่านมันไปอย่างราบรื่น
เขารู้ว่าการบังคับให้เธอทำสัญญาเป็นเรื่องน่ารังเกียจ แต่เขาพร้อมจะรับผลที่ตามมาเมื่อเธอได้สติ
ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลโบราณที่สืบทอดมาหลายพันปี เขาเป็นทายาทคนเดียวในรอบหลายร้อยปีที่เกิดขึ้นมาจากพ่อแม่ ด้วยความพิเศษของเผ่าพันธุ์ทำให้แต่ละรุ่นมีทายาทยากมาก เขานับเป็นพรที่สวรรค์ประทานให้กับตระกูลหลี่ ความลับของตระกูลเมื่อได้ยินถึงคนนอก หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องของแวมไพร์แบบในนิยาย แต่ความจริงแล้วชีวิตของพวกเขาไม่ได้มีอะไรแตกต่างกับมนุษย์ทั่วไปนัก นอกเสียจากว่าพวกเขาเป็นอมตะ
ปกติแล้วเลือดของตระกูลหลี่จะตื่นขึ้นเมื่ออายุครบยี่สิบห้า แต่สำหรับหลี่เฉิงหลิน เลือดของเขาตื่นขึ้นเมื่อพบกับเธอ
ซูซือเหยียน...
หลายคนไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา แต่ในความฝันก่อนอายุครบยี่สิบสองปีสัญญาณของการตื่นขึ้นทำให้คนในครอบครัวตกตะลึง
ตระกูลหลี่มีอายุยืน ดังนั้นจึงเปลี่ยนอัตลักษณ์ไปในทุกช่วงอายุ ในประเทศ C มีตระกูลหลี่มากมาย พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไร ขอเพียงพวกเขาไม่สร้างหายนะให้กับประเทศ แม้แต่ผู้นำประเทศก็ไม่สามารถทำอะไรได้
หลี่เฉิงหลินทำอะไรไม่เคยคิดกลับมาเสียใจทีหลัง ในใจของเขาต้องการให้ซูซือเหยียนอยู่ข้างกาย แน่นอนว่าเธอก็ต้องมา
มนุษย์มีความปรารถนาอันดำมืดเสมอ ไม่มีใครสามารถหลีกหนีได้ เขาใช้ความทะเยอทะยานของเว่ยเสวี่ยหลินเป็นกุญแจสำคัญ
รสชาติหอมหวานของอำนาจและความมั่งคั่งทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปเสมอ
เขาจะยอมให้ซูซือเหยียนอยู่กับคนแบบนั้นได้ยังไง
หลี่เฉิงหลินมองกลุ่มผมที่แนบติดกับเรือนร่างงดงามของเธออย่างมีความหมาย มือเรียวเกี่ยวเส้นผมของเธอขึ้นมาสูดดม ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นของซูซือเหยียนเลียคอของเขาเบาๆ เขาเหยียดยิ้มอย่างพอใจ กระซิบเสียงพร่า “ซือเหยียน”
“อืม...” เธอครางรับโดยไม่รู้ตัว ซุกใบหน้าเข้ากับคอของเขา
หลี่เฉิงหลินมองผิวขาวกระจ่างที่มีสีชมพูน้อยๆ จากน้ำสีแดงในอ่าง จูบลงบนไหล่บางเบาๆ “ซือเหยียนตื่นเถอะ”
หญิงสาวไม่ตอบ ทว่ากอดเขาแน่นขึ้น
หลี่เฉิงหลินถอนหายใจ ปลดบราเซียร์ของเธอ สายตาเลื่อนมองยอดเขาหิมะที่แนบชิดอกแกร่งแล้วกดอารมณ์คุกรุ่นในอกอย่างรวดเร็ว
เขาอุ้มเธอขึ้นจากน้ำยาแล้วล้างตัวให้เธออย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นจึงพาเธอไปที่เตียงอย่างใจเย็น
ซูซือเหยียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เธอยังกอดคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนอนจึงขยับเพื่อหาท่าที่สบาย
เธอกำลังเล่นกับความอดทนของเขา “ซือเหยียน ตื่นได้แล้ว”
“...”
“ซูซือเหยียน ถ้าไม่ตื่นฉันจะทำ” เสียงของเขาดุดันกว่าที่เคย
ทันใดนั้นซูซือเหยียนก็ลืมตาโพลง ดวงตาของเธอมีประกายสีทองจางๆ เมื่อมองเห็นแผงอกของผู้ชายเธอก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเมื่อมองเห็นว่าผู้ชายที่เธอกำลังกอดอยู่คือหลี่เฉิงหลิน
“นี่...”
เธอคว้าผ้าห่มแล้วขยับหนี ก้มมองสภาพตัวเองด้วยความตกใจ
เปลือยเปล่า...
ใบหน้าของซูซือเหยียนแดงก่ำ มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “รุ่นพี่ นี่เรานอนด้วยกันแล้วเหรอ”