พูดถึงด้านความรัก คนที่เป็นต้นเเบบในด้านนั้นก็คือตากับยายของชั้น ตั้งเเต่เล็กๆตอนที่ย้ายกลับมากับเเม่ เราก็เห็นการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งสองท่านโดยไม่ถามอะไรที่ทำร้ายจิตใจกันเลยสักคำ ทั้งสองคนยังมีความรักให้เเก่กันคอยดูเเลซัพพอร์ตกันเสมอ เเถมยังเผยเเผ่ให้คนรอบข้าง เป็นความรักที่ชั้นหวังว่าสักวันจะได้พบเหมือนอย่างพวกท่านบ้าง
..
.
"พี่เชื่อ ในความรักที่มีพร้อมกันหลากหลายคนไหมคะ" คือสิ่งที่ฮิลพูดออกมาด้วยใบหน้าเเดงซ่าน
"เอ๊ะ ยังไงนะ"
"ยกตัวอย่างคือ เหล่าหญิงสาวที่มีความรักให้กับชายเพียงคนเดียวคะ" ฮิลคิดเล็กน้อยก่อนยกตัวอย่าง
"ขอโทษทีนะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เลย"
"คือ ที่จริงเเล้วมันเป็นเรื่องของผู้ไปเกิดใหม่คนก่อนคะ"
จากที่ฮิลเล่าดูเหมือนว่า [ผู้ที่เกิดใหม่] คนก่อนได้ไปสู่โลกของฮิลได้ประสบความสำเร็จในฐานะนักรบเเละเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ เเล้วที่เป็นการกล่าวถึงด้านหนึ่งคือ เหล่าภรรยาของเขาโดยมีถึง17คนเลยทีเดียว เเถมไม่ได้มีเเค่เผ่ามนุษย์ นับเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกของฮิล ไม่ได้จำกัดว่าครอบครัวนึงต้องมีเเค่ชายหญิงคู่เดียว ไม่ว่าชายหรือหญิงก็สามารถเลือกคู่ที่ตนพอใจโดยไม่จำกัดเพศ เผ่าพันธุ์หรือเเค่คนเดียวอีกต่อไป
"เราเผลอไม่ได้เฝ้ามองโลกนั้นเเปปเดียวก็เป็นเช่นนี้ไปซะเเล้วคะ"ฮิลยังก้มหน้าก้มตาพูดอยู่
"เเล้วพี่คิดยังไงกันเรื่องนี้คะ"ก่อนจะเงยหน้ามายิงคำถามเข้าใส่
"อืม นั้นสินะ" เอาจริงๆมาถามชั้นก็ยังไงอยู่นะ ชั้นเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้านความรักเลยสักนิดเดียวเลย
"ไม่รู้สิ เเต่ชั้นเชื่อในการมีคนรักคนเดียวละมั้ง"ในเเบบของตากับยายของชั้น
"งั้นเหรอคะ" ไม่รู้ทำไมเหมือนฮิลถอนหายใจเล็กน้อยก่อนตอบรับ
"หืม มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าคะ งั้น ในตอนนี้เชิญเปิดประตูได้เลยคะ"ประตูสีขาวปรากฎอยู่ข้างตัวฮิลตรงใจกลางศาลาอีกครั้ง
"เอ๊ะ โอเค" ชั้นยืนอยู่ข้างหน้าบานประตูสีขาว เอื้อมมือไปจับลูกบิดเเต่ก่อนจะเปิดมัน
"งั้นเเปลว่า เราจะไม่ได้มานั่งพูดคุยกันเเล้วสินะ" ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ เเต่ก็ได้รู้จักกันเเล้ว ฮิลได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
"ถ้ายังคิดถึงกัน..ลองไปที่โบสถ์หลวงที่จักรรดิดูสิคะ"
"จักรวรรดิ?"
"ตอนไปถึงโลกนั้นก็คงรู้เองคะ"ฮิลพูดทิ้งท้ายก่อนโบกมือลากับตัวชั้นที่เปิดประตูกว้างเเละโดนเเสงสว่างนั้นกลืนไป
.
.
.
.
.
ชั้นได้เกิดมาในหมู่บ้านกลางป่าเเห่งหนึ่งไม่สิถ้าจะให้พูดก็เป็นเหมือนชนเผ่ามากกว่าเพราะที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นเต๊นท์ขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยไม้ หนังสัตว์เเละก็ไม้จักสาน เท่านั้น เเละดูเหมือนพวกเราจะไม่ใช่มนุษย์ ถึงจะมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ เเต่เราก็มีหูที่เรียวยาวมากกว่าเเละถูกเรียกจากเผ่าพันธุ์อื่นๆว่า [เผ่าเอลฟ์]
"รีน!! เอลมารีน!!" เสียงตะโกนขานชื่อ ดังไปทั่วจนชั้นต้องขานรับ ใช่ในโลกนี้ชั้นได้ชื่อใหม่ว่า เอลมารีน ดูเหมือนโลกนี้ ผู้ที่มีนามสกุลส่วนใหญ่จะต้องเป็นขุนนางหรือเป็นนามสกุลที่พระราชาเป็นคนประทานให้เท่านั้น คนธรรมดาก็จะมีเเค่ชื่อประจำตนเท่านั้น
"โธ่มานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่เอง" เธอเดินเข้ามาหยิบหนังสือที่กองอยู่ข้างตัวชั้นออกเเล้วนั่งเเทนที่หนังสือนั้น เธอชื่อ เซลาฟีม ผู้มีดวงตาสีส้ม เเละผมสีเเดงที่ถูกมัดด้วยเถาไม้หอมในทรงหางม้าด้านหลัง เพื่อนที่รุ่นราวเดียวกันของชั้นในโลกนี้
"เซล่า มีอะไรหรอ" ชั้นเรียกอย่างสนิทสนมขณะที่บิดตัวไปมา ด้วยชั้นนั่งอ่านหนังสือมาหลายชั่วโมงเเล้ว
"พรุ่งนี้เเล้วสินะ พิธีทำนายพรน่ะ"
"นั้นสินะ" พิธีทำนายพร คือพิธีที่เหล่าเอลฟ์ที่อายุถึง50ปี จะได้รู้ทักษะของตัวเองทั้งหมดเพื่อการฝึกฝนตนเองต่อไป เเละใช่พรุ่งนี้ก็ครบรอบ50ปีที่ชั้นมาอยู่ที่โลกนี้ ตอนเเรกชั้นก็ตกใจเหมือนกันดูเหมือนเผ่าเอลฟ์นี่จะมีอายุไม่ต่ำกว่า500ปีเป็นขั้นต่ำ คุณยายที่เป็นผู้นำหมู่บ้านก็ดูเหมือนท่านจะอายุได้1,000ปีได้เเล้ว ถึงชั้นจะขอฮิลไว้ว่าให้อายุยืนๆหน่อยเเต่ไม่นึกว่าขนาดนี้นะเนี่ย
ในตอนที่ชั้นกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เซลาก็พิงหัวมาที่ไหล่ของชั้นเป็นการเรียกสติชั้นกลับมา
"กังวลหรอ" ชั้นหันมาคุย
"อือ" เซล่า ตั้งเป้าอยากเป็นนักผจญภัย เธอเลยหวังให้มีทักษะที่ใช้ต่อสู้ได้บ้างในวันพรุ่งนี้
"ไม่ต้องห่วงหรอก เเม้จะไม่ได้ทักษะต่อสู้เเต่เซลาก็ฝึกฝนการใช้ธนูมาตลอดเลยใช่ไหมล่ะ"
"ก็จริง เเต่ถ้าไม่ได้ทักษะต่อสู้มาบ้างก็เก่งยากใช่ไหมล่ะ"เเขนสองข้างกอดเข้าหากันเเน่น
ก็อย่างที่เซล่าว่า มีช่องว่างบางอย่างสำหรับการเกิดมามีทักษะต่อสู้เลยกับคนที่ฝึกฝนจากศูนย์
เเถมเผ่าเอลฟ์นั้นไม่ยอมให้เด็กๆได้ฝึกฝนอะไรจนอายุได้50ปี เเละต้องอายุ100ปีขึ้นไปถึงจะออกจากหมู่บ้านได้ สิ่งที่เซล่าทำได้เลยมีจำกัดมากขึ้นไปอีก
"ชั้น ไม่รู้หรอกว่าเซล่าจะได้ทักษะต่อสู้ไหม" "เเต่ชั้นเชื่อในความพยายามของเซล่านะ" ภาพของเด็กเอลฟ์เเบกธนูที่สูงเกือบเท่าตัวที่ป่าวประกาศว่าตนเองจะเป็นนักผจญภัย ในตอนนั้นยังตราตรึงในใจ
"รีน" เซล่ามองหน้าชั้นพร้อมกับกำลังใจที่น่าจะเพิ่มสูงขึ้น
"นั้นสินะ ชั้นจะมายอมเเพ้ไม่ได้ รีนเองก็เป็นกำลังใจให้ชั้นด้วยนะ"
"เเน่นอน"
"งั้นเรามาเริ่มกันไหม" เซล่ายืนขึ้นพร้อมยื่นมือมา
"อืม ได้เวลาเเล้วสินะ" ชั้นจับมือของเซล่าเพื่อดึงตัวชั้นขึ้นมา ก่อนเราจะเเยกกันออกไป
เพื่อไปเจอกันจุดนัดพบที่มาเป็นประจำคือ เต๊นท์ขนาดใหญ่ที่เป็นลานฝึกของคนในหมู่บ้าน ชั้นหยิบไม้เถามามัดผมตัวเอง ถึงมันจะยาวเเค่บ่าเเต่ก็ทำให้ขยับยาก ขณะนั้นก็มีเอลฟ์ที่เป็นคนดูเเลที่นี้ทักชั้นขึ้นมา เธอคือ คุณมาธา
"ไง เอลมารีน"เธอเดินมาหลังจากเช็ดของเสร็จเเล้ว
"สวัสดีคะ" ชั้นทักทายไปตามมารยาทก่อนมัดผมขึ้นไปข้างหลังผมอย่างลวกๆ เเต่คุณมาธาก็ได้จับชั้นไว้ก่อนจะหยิบหวีขึ้นมา เห็นดังนั้นชั้นเลยวางมือลง ด้วยหมู่บ้านนี้เป็นกลุ่มคนที่น้อยมีกันไม่ถึง500คน ทุกคนจึงอยู่กันเเบบเครือญาติ ถึงทั้งคุณมาธาเเละเราไม่มีสายเลือดเดียวกันก็ถือว่าเป็นพี่น้อง
"ผมสีเงินของหนูเนี่ยสวยมากเลยนะ"เธอพูดขึ้นขณะที่หวีไปด้วย "เข้ากับดวงตาสีครามของหนูมากเลย" ผมสีเงินของชั้นได้มาจากพ่อส่วนดวงตาสีครามนี้เหมือนจะได้มาจากต้นตระกูลของทางเเม่เห็นว่ายายของชั้นจะมีดวงตาสีเดียวกัน
"คุณมาธาก็สวยมากเลยคะ"
"โธ่ไม่หรอก ตัวชั้นมีเเต่เเผลเต็มตัวมากกว่า" มาธาที่หน้าเเดงเล็กน้อยก็ขยี้ผมของชั้นจนยุ่งเเต่เธอก็หวีมันกลับคืนอยู่ดี
คุณมาธา เธอเป็นเอลฟ์ที่เคยเป็นนักผจญภัยมาก่อน เห็นว่าเธอเดินทางไปทั่วจนมาตั้งหลักปักฐานยังหมู่บ้านนี้ เเละตั้งลานฝึกขึ้น ดังนั้นทั้งตัวของเธอจึงมีบาดเเผลเป็นตามตัวเเละที่ชัดคือเเผลบนเเก้มซ้ายที่ยาวจนถึงสันจมูก
"อ่า รีนมาถึงก่อนเเล้วหรอ"เซล่าถือธนูเดินเข้ามาในเต็นท์
"ไงเซลาฟีม นั่งรอก่อนนะเดี๋ยวชั้นทำผมให้เอลมารีนเสร็จเเล้วจะทำผมให้เธอต่อ"
"ไม่เป็นไรคะ หนูว่าทรงนี้ดีเเล้ว" เซล่าโบกมือปฎิเสธไป
"เหรอ งั้นฝากหนูเซลาฟีมไปปักป้าย"พัก"ที่หน้าเต๊นท์หน่อยนะ" มาธาพูดบอก ทำให้เซล่าเดินเอาของมาวางก่อนจะเดินไปที่หน้าเต็นท์อีกรอบ เด็กอย่างพวกเราก็ได้เวลาฝึกเเค่ตอนเวลาพักเท่านั้น เเต่ทีเเรกคุณมาธาก็ไม่ยอมให้เรามาใช้ลานฝึกนี้เลยด้วยซ้ำ เรากับเซล่าเเอบออกไปฝึกกันในป่าจนโดนจับได้ คุณมาธาเลยยอมให้ใช้เวลาพักของลานฝึกนี้ในการฝึก โดยที่คุณมาธาจะยังไม่เเนะนำ หรือฝึกสอนอะไรพวกเราทั้งนั้น
"เสร็จเเล้ว" คุณมาธาพูดขึ้น ทรงผมที่ได้คือทรงที่ม้วนผมขึ้นด้านหลังก่อนจะปักยึดด้วยเถาไม้เเข็งที่ดูสวยกว่าที่ชั้นทำทีเเรกอย่างสิ้นเชิง เป็นเวลาเดียวกับที่ชั้นพันผ้าที่เเขนเสร็จทั้งสองข้าง
"งั้น ตามสบายนะจ๊ะ เดี๋ยวทางนี้ขอตัวไปทำอาหารสักหน่อย" มาธาลุกเดินไปที่หลังลานฝึกที่เป็นที่พักของเธอ
ชั้นกับเซล่ามายืนอยู่ตรงกลางลานฝึกในมือของเซล่าถือคันธนู มีดไม้ที่เหน็บไว้ที่เอวเเละลูกไม้ธนูบนมือ ส่วนชั้นก็ตั้งการ์ดสูงไว้ช่วงบน
"เอาล่ะนะ" เซล่าง้างเเละยิงธนูเข้าใส่ ถึงหัวธนูจะเป็นไม้เเละทู้ เเต่ถ้าโดนก็เจ็บเหมือนกัน ทั้งยังยิงเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง ชั้นเองก็วิ่งเข้าหา โยกหลบบ้าง ปัดป้องบ้าง เเต่ก็มีอันที่โดน อันนึงที่ขา กับเเถวเเขนที่ยกกันไว้ ในตอนที่อยู่ในระยะ เหยียบพื้นส่งเเรงกระโดดถีบเข้าใส่ เเต่เซล่าก็หลบได้พร้อมฟาดสวนด้วยมือที่กำคันธนู จนชั้นต้องหลบออกมา เซล่าตั้งลูกธนูอีกครั้งยิงเข้าใส่ พร้อมพุ่งเข้ามาด้วยมีดไม้สั้นในมือ พอหลบลูกธนูได้ เซล่าก็เข้ามาประชิดพร้อมจ้วงมีดใส่เเล้ว เเต่ก็ปัดมือที่เเทงออกมาไว้ได้ทำให้ไม่โดนอะไร
"นี่เมื่อกี้ถือว่าใช้ได้หรือเปล่า" เซล่าดึงมือกลับ
"เอ๊ะ ก็เกือบนะ ถ้าเดาไม่ได้ว่าเซล่าจะเเทงมาก็คงปัดไม่ทันเเน่"
"โธ่ นี่อุตสาห์คิดเเทบเเย่เลยนะเนี่ย ไม่ได้ผลอีกหรอ"
"ฮะฮะ ชั้นว่ากับคนที่ไม่รู้จักกับเซล่าน่าจะได้ผลนะ" ไม่รู้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ที่คุณมาธามานั่งดูอยู่เเล้วเเละจ้องเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง เเต่ก็ได้เเต่เก็บอาการเมื่อชั้นหันมามอง โธ่อยากได้คำเเนะนำจากคุณมาธาชะมัด
พวกเรายังฝึกต่อไปเรื่อยๆ จนพวกเรานั่งหอบกันอยู่ที่พื้น คุณมาธาก็ตบมือให้สนใจขึ้น
"เอาละ เท่าที่ดูน่าจะได้เวลาเเล้ว" คุณมาธาเดินมาพร้อมป้ายพักที่น่าจะปักอยู่หน้าเต๊นท์เป็นสัญญาณว่าเวลาพักหมดเเล้ว
"คะ" พวกเราลุกขึ้นมาเดินไปจุดเปลี่ยนเสื้อผ้า
"อ๋อ เเล้วชั้นทำขนมเอาไว้เเล้วไปทานด้วยกันนะ" คุณมาธาเอาป้ายไปเก็บก่อนหันมาบอก ทำเอาเซล่าที่ทำตัวดูเหนื่อยๆจนถึงเมื่อกี้ วิ่งไปหาคุณมาธาเเทบจะทันที
"เอลมารีน จะทานไหมจ๊ะ"
ชั้นที่นับว่าอายุจะเกิน80ไปเเล้ว กับขนมหวานเนี่ย เเน่นอนว่า
"เอาสิคะ"
ในวันรุ่งขึ้น
เเม่น้ำที่ไหลเย็นกลางป่านั้น มีเหล่าเด็กสาวเอลฟ์ที่กำลังจะเข้าพิธีทำนายพร มาชำระร่างกายกันอยู่
ในจำนวนนับสิบคนนั้นรวมชั้นเข้าไปด้วย เอาตามตรงนี่เป็นครั้งเเรกเลยที่ชั้นได้เปลือยกายอาบน้ำกับคนอื่น เอาจริงๆก็ค่อนข้างน่าอายเลยทำให้ชั้นเอาเเต่หันหลังให้คนอื่น
"นี่ คนตรงนั้นคือเอลมารีนหรือเปล่านะ"
"ผมสีเงินสวยมากเลยเนอะ"
"ผมสีเดียวกับคุณพ่อสินะ คุณเอลยะ ใช่มั้ย"
"เเต่ไม่ค่อยเห็นเธอในหมู่บ้านเลยนะ"
"เป็นคนเข้าหายากหรือเปล่าละนั้น"
"ชู่วว เดี๋ยวเธอก็ได้ยินหรอก"
เต็มสองหูเลยเหอะ สาวๆกับการซุบซิบนี่เป็นของคู่กันสินะ ถึงชั้นจะเข้าใจเหมือนกันก็เถอะ
"เอลมารีน!!" เสียงคุ้นหูที่เเทรกกลางความวุ่นวายนั้นมาพร้อมเเรงกระเเทกจากด้านหลัง
"เซล่า!!" ไม่มองก็รู้ว่าใคร
"เอามือลูบเเค่นั้น มันจะสะอาดได้ไง"เซล่าขยับนิ้วอย่างกะปลาหมึกเดินเข้าหา
"เดี๋ยวนะ ชั้นอาบเองได้" น่ากลัวชะมัดเลยหล่อน
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก" ชั้นกำลังคิดจะก้าวหนีเเต่เซล่าก็จับตัวเอาไว้เเล้ว
"ม่ายย!!" เสียงของชั้นดังก้องไปทั้งป่าจนนกเเตกรัง
.
.
"เเล้วนี่เซลาฟีมเป็นเพื่อนกับคุณเอลมารีนงั้นเหรอ" การสนทนาดำเนินต่อไป ขณะที่เราเเต่งตัวกันเสร็จหมดเเล้วเเละกำลังเดินกลับหมู่บ้าน
"ใช่เเล้วล่ะ"
"อืม เรียกชั้นว่า รีน ก็ได้นะ"ชั้นที่ห่อผ้าเช็ดตัวอยู่บอกเขาไปอย่างนั่น สัมผัสของมือที่ลูบคลำไปทั่วนี่ยังติดค้างอยู่เลย นี่มันลวนลามกันชัดๆ
ตรงหน้าหมู่บ้าน เบื้องหน้าพวกเรามีเด็กเอลฟ์ผู้ชายสามสี่คนที่เดินสวนกันไป ดูเหมือนเผ่าเอลฟ์เราจะมีปัญหาเรื่องประชากรชายหญิงอยู่นะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เเต่ดูเหมือนกว่าครึ่งของคนในหมู่บ้านจะเป็นผู้หญิง ถึงไม่มีปัญหาเพราะสามารถมีลูกกันได้ด้วยเวทมนต์ที่ชั้นไม่รู้จักก็เหอะ กว่าครึ่งของเด็กสาวกลุ่มนี้ ก็เกิดจากบ้านที่เป็นคู่รักผู้หญิงทั้งคู่
"เซลาฟีม อยากเป็นนักผจญภัยสินะ" บทสนทนาของสาวๆยังมีต่อไป
"ใช่เเล้วละรีนเองก็ด้วยใช่มั้ย"เซล่าหันมาชวนชั้นคุยอีกครั้ง
"เปล่าสักหน่อย ชั้นเเค่อยากออกไปเห็นโลกภายนอกเท่านั้นเเหละ"
"ไม่เอาน่า มาเป็นนักผจญภัยกับชั้นเหอะน่า"เซล่าเดินเข้ามาเขย่าตัวชั้น ทำให้ชั้นคิดถึงเซล่าที่นั่งซึมเมื่อวานขึ้นมาเเทนเลย ด้วยการกระทำของเซล่า คนรอบข้างก็ขำกันขึ้นมาทำให้พวกเราได้คุยกันเสียงดัง จนคนที่รับหน้าที่เดินนำไปยังที่ประกอบพิธีหันมามองหน้าพวกเราเลยทีเดียว
ในเต๊นท์ขนาดใหญ่เท่าๆกับเต็นท์ลานฝึก ตำเเหน่งตั้งอยู่ตรงใจกลางหมู่บ้านข้างต้นไม้ใหญ่ ผู้เฒ่าเดินออกมาจากเต็นท์เพื่อรับพวกเราเข้าไป เธอมาด้วยชุดพิธีที่ประกอบด้วยเครื่องประดับลวดลายสวยๆ เเละไม้เท้าที่ประดับด้วยลวดลายคล้ายกับชุดของเธอ
"ชุดสวยมากเลยคะ ยายเมียร์"ชั้นเผลอพูดขึ้นมาเพราะเดิมทีเราก็สนิทพอสมควร ตามประสาเด็กที่ชอบเข้าหาผู้ใหญ่ เเต่ก็โดนไม้เท้านั้นเคราะหัวไปทีอยู่ดี
"ในพิธีให้เรียกชั้นว่า ผู้ทำนาย " เธอกล่าวพร้อมถลึงตาใส่
"คะ ผู้ทำนาย" ชั้นยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง เเถมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักมาจากด้านหลังอีกด้วย
"เอาล่ะ เราจะเริ่มพิธีกันเเล้ว เอลมารีน ตามชั้นมา"
เธอเดินนำเข้าไปอีกครั้งโดยมีชั้นเดินตามไปติดๆ ภายในเต๊นท์ก็เป็นห้องธรรมดา เเต่ที่เด่นคือหม้อน้ำที่ถูกเเสงส่องจากเพดาน เเละหนังสือเล่มใหญ่หนาที่อยู่ไม่ไกลกันนัก
"เอาละ หยิบหนังสัตว์นั้นขึ้นมา" ผืนหนังขนาดเท่ากระดาษเอกสารถูกเเช่อยู่ในหม้อนั้น ชั้นหยิบชิ้นนึงขี้นมา
"ทีนี้ก็ เอาหมึกนี่เทลงไป" หลังหมึกสีดำเคลือบไปทั่วผืนนั้น ก็ซึมเข้าไปจนเห็นเป็นผืนหนังธรรมดา จากนั้น ยายยื่นมีดให้ชั้นเล่มนึง
"เอ๊ะ" ...
-------------------------------------------------