ชีวิตที่ผ่านมาไม่มีอะไรให้ต้องนึกเสียใจ ถึงด้านครอบครัวพ่อกับเเม่ของชั้นจะเเยกกันอยู่ตั้งเเต่เด็ก เเต่เเม่ของชั้นก็ทำให้ชั้นไม่รู้สึกขาดอะไร การใช้ชีวิตก็ธรรมดาทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เที่ยวเล่นอย่างเด็กผู้หญิง เป็นนักกีฬาที่ดีคนหนึ่งในช่วงวัยรุ่น จนวัยทำงานก็ถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะคนทำงาน ที่ก้าวขึ้นมาในตำเเหน่งหัวหน้าคนได้ในวัยไม่ถึง40ปีถึงจะเเลกกับการเป็นที่ไม่ชอบใจของคนบางส่วนเเถมดูเป็นคนที่เข้าหายากจนไม่มีคนเข้ามาคุยกันเลยสักคน ใช่ ถ้าจะนึกเสียใจก็คงเป็นในด้านความรัก ชั้นคนนี้เเทบไม่มีประสบการณ์ด้านความรักเลย..นั้นคงเป็นเรื่องเดียวละมั้งที่เสียใจ
ในความมืดมิด ร่างของหญิงสาวลอยเคว้ง จมอยู่กับความคิดของตนเอง จำไม่ได้ว่าทำไมตนถึงมาอยู่ที่นี้ ในตอนที่กำลังสับสนอยู่นั้น การทรงตัวของเธอก็กลับมาเป็นปกติ ลุกขึ้นมายืนอยู่บนความว่างเปล่า ขณะที่มองไปยังความมืดสุดลูกหูลูกตา ประตูก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า เป็นบานประตูขาวที่มีลูกบิดเป็นสีทอง เปล่งเเสงสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด หลังยืนพิจารณามาสักพักก็คงต้องเสี่ยงเปิดดู
"ถ้ารู้สึกอันตรายอะไรขึ้นมาก็จะปิดทันที" ชั้นพูดปลุกใจก่อนเอื้อมมือบิดเปิดเข้าไป สิ่งที่เข้าปะทะอย่างเเรกคือลมที่พัดเข้ามา ก่อนภาพตรงหน้าจะเเสดงให้เห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีตัดกับก้อนเมฆที่อยู่ระดับสายตาที่สว่างไสว เทียบกับความมืดที่อยู่เบื้องหลังเหมือนดั่งคนละที่กัน ด้วยความระเเวง ชั้นหันมองไปรอบๆไม่กล้าเดินเข้าไปเต็มที่นักจนกระทั่ง
"สวัสดีค่ะ" เสียงใสดังขึ้นมาจากด้านข้าง ทำเอาชั้นสะดุ้งลนลานจนก้าวเข้ามายังทุ่งหญ้านี่อย่างเต็มตัว
"ขอโทษคะ ทำให้ตกใจสินะคะ" เจ้าของเสียงพูดขึ้น เธอคือเด็กหญิงที่มีผมสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้า ราวคนต่างชาติเเต่ก็น่ารักสมวัยในชุดกระโปรงสีขาว เธอหันหลังไปปิดประตูสีขาวนั้นก่อนที่ประตูนั้นจะมลายหายไปเหมือนไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นมาก่อน ดูเหมือนเธอจะมีปีกนกเล็กๆที่หลังเธออีกด้วย ชั้นยืนมองเธอโดยที่เธอก็หันมายืนมองชั้นด้วยความสงสัยไปด้วย ก่อนอื่นนั้นชั้นอยากจะเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองก่อน
"ที่นี่ ที่ไหนงั้นหรอ"
"นั้นสินะคะ เรียกที่นี่ว่า [สวนลอยฟ้านิรัตน์] ละกันคะ" เธอเดินนำออกไปให้ชั้นเดินตามก่อนหันมาพูดกับชั้นต่อ
"เเล้วสถานการณ์ของคุณตอนนี้คือ คุณตายไปเเล้วคะ"
"เอ๊ะ"
"ดูใจเย็นกว่าที่คิดอีกนะคะ"
"ไม่ๆ ก็ตกใจอยู่หรอก เเต่ชั้นก็มีความเชื่อที่ว่าสักวันก็ต้องตายอยู่เเล้ว จะว่าทำใจไว้เเล้วหรือยังไงดีละ" งั้นหรอชั้นตายเเล้วสินะ ไม่นึกว่าจะมาตายหลังเเม่เสียไปเเค่5ปี
"พอบอกได้ไหมว่า ชั้นตายเพราะอะไรงั้นหรอ"
"อืมม สำคัญด้วยเหรอคะ"
"อ่า ก็จริง รู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา.." เท่าที่จำได้ลางๆคือเราทำงานโอทีอยู่ที่บริษัท อืมม โรคประจำตัวก็ไม่มีเป็นพิเศษ ..หัวใจวายหรือไงนะ
"งั้นที่นี่คือนรกหรือสวรรด์งั้นเหรอ"
"ที่นี่คือ [สวนลอยฟ้านิรัตน์] คะ" เเล้วมันคือที่ไหนกันละ อยากจะพูดสวนไปเหมือนกันเเต่เธอก็หันมาหาชั้น ตรงหน้าคือศาลาทำด้วยปูนที่มีทรงโบราณหน่อยๆน่าจะเเถวๆกรีทหรือเปล่านะ
"อาจจะช้าไปสักหน่อย นามของเราคือ ฮิลไดฟ์ เรียกสั้นๆว่า ฮิล ก็ได้คะ"เธอเดินขึ้นไปบนบันไดสองสามขั้นเท้าเอวเเล้วพูดชื่อตนเองอย่างภาคภูมิใจ
"ยินดีที่ได้รู้จักคะ ชื่อของชั้นคือ กาญจญา ฟูจิเนะ เรียกสั้นๆว่า ริน ก็ได้นะ"ชั้นเองก็เเนะนำตัวเป็นการตอบรับ จากการที่สังเกตมา ถึงจะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายเด็กมัธยมต้นเเต่การกระทำเเละคำพูดดูมีวุติภาวะมากเหมือนเป็นผู้ใหญ่ ชั้นคงต้องเครพจุดนั้นของเธอ
"เหมือนโดนยกให้เป็นคนเเก่เลยคะ"
"เอ๊ะ เปล่า ไม่ได้คิดอะไรเสียมารยาทหรอกนะ" สังเกตตั้งเเต่เมื่อกี้เเล้วดูเหมือนจะอ่านใจอะไรอย่างงั้นได้สินะ
"ขอโทษด้วยนะคะ ในฐานะเทพธิดาอย่างเราสามารถรู้ความคิดของคู่สนทนาได้คะ"
อือ เทพธิดา สินะ
"ไม่เชื่อกันสินะคะ"
"ก็นะดูเเฟนตาซีเกินไปนิดน่ะ" เหมือนพวกการ์ตูนที่เพื่อนเคยเเนะนำให้อ่านเลย
"ไม่ใช่จะบอกว่า [ให้ไปเกิดใหม่] อะไรอย่างนี้หรอกใช่ไหม"
"สมกับเป็นคุณเลยคะที่เข้าใจเรื่องราวได้รวดเร็วมากขนาดนี้" เธอเอามือมาประสานกันเเสดงออกว่าประทับใจ
เอาจริงหรอเนี่ย ชั้นเผลอกุมขมับอย่างไม่รู้ตัว ถึงตอนนี้มีอะไรต่อมิอะไรที่น่าสงสัยเต็มไปหมด
"ดูเหมือนคุณจะลังเลอยู่สินะคะ งั้นใช้เวลากับเราสักหน่อยไหมคะ" เธอผายมือไปทางโต๊ะเก้าอี้หินที่อยู่กลางศาลา
"รบกวนด้วยนะ" ไม่มีอะไรจะเสียอยู่เเล้ว
เเต่กระนั้นคนที่ชวนกลับทำท่าตกใจเล็กๆ ก่อนจะเดินนำไปยังเก้าอี้ พวกเรานั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกันของโต๊ะ จากนั้นฮิลก็ดีดนิ้วหนึ่งทีขนมหวานหลากหลายบนถาดที่ตั้งตรงหลายชั้นปรากฎขึ้นบนกลางโต๊ะ
"รับเป็นเครื่องดื่มอะไรดีคะ" เธอหันมาถามความเห็นกัน
"เอาเหมือนกับเธอล่ะกัน"ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษล่ะนะ
เธอฟังดังนั้นก็ดีดนิ้วอีกที เเก้วชาเเละจานรองคู่นึงปรากฎขึ้นกลางอากาศ พร้อมกาน้ำชาขยับรินน้ำชาสีส้มอ่อน ที่ส่งกลิ่นหอมออกมา ก่อนเเก้วชาที่มีน้ำชาอยู่ภายในจะลอยมาอยู่ตรงหน้า คงต้องยอมรับเเล้วว่าเธอคือเทพธิดาจริงๆ
"เเปลว่าจนถึงตอนนี้ไม่ได้ยอมรับตัวเราเลยสินะคะ"
"ก็อย่างที่ว่าไปเรื่องเเบบนี้มันดูเหลือเชื่อจนไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นจริงเลย" ชั้นว่าพร้อมกับจิบน้ำชากลิ่นหอมเข้าไป รสที่หวานเเต่ทิ้งรสขมไว้ที่ลิ้นนี่
"ชาอังกฤษสินะ" ชั้นเผลอพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
"ชาอังกฤษ?" ฮิลที่สงสัยก็พูดทวนขึ้นมาเหมือนอยากให้อธิบาย
"เอ๊ะ ขอโทษนะ เอาจริงๆชั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องชามากเท่าไหร่หรอก" ก็ตามนั้น เเต่ชาอังกฤษนี่เราเคยได้ดื่มอยู่บ้างตอนไปคุยกับลูกค้า เธอคนนั้นถือว่าเป็นลูกค้าประจำคนเเรกๆของชั้นเลย เเล้วชานี่เธอก็เอามาให้ดื่มตอนเราพูดคุยกันตลอด เราเองก็ชอบรสชาติของมันจนลูกค้าคนนั้นเอากล่องชาอังกฤษมาฝากกันเลย เเต่ก็น่าอายที่เราไม่มีความสามารถจะชงมันให้รสดีเหมือนที่เธอชงได้จนสุดท้ายก็วางไว้บนตู้โดยไม่ได้เเตะต้องมันเลย
พอนึกถึงคนที่อยู่ทางนั้นก็น้ำตาซึมขึ้น เราจากมาโดยไม่ได้ร่ำลาใครเลยนี่นะ หวังว่าทางนั้นจะไม่ลำบากตะเตรียมอะไรในงานของชั้นให้มันมากนัก เอ๊ะจะว่าไปฮิลสามารถอ่านใจเราได้นี่นา
คิดได้ดังนั้นชั้นก็เงยหน้าขึ้นมาดูท่าทีของฮิลที่อยู่ตรงข้ามดูเหมือนเธอไม่ได้สนใจมากนักเเล้วมุ่งเน้นหยิบขนมมากินมากกว่า
"ขอโทษนะ" การปล่อยคู่สนทนาไว้เเล้วสนใจอย่างอื่นเป็นอะไรที่เสียมารยาท
"ไม่เป็นไรคะ" เธอพูดทั้งที่เคี้ยวขนมจนเเก้มตุ้ย
"ว่ากันตามตรงเเล้วคนที่เสียมารยาทคือทางนี้ที่ไปอ่านใจของคุณนะ ชั้นไม่สามารถควบคุมมันได้จริงๆ"เธอดื่มชาตามก่อน เเล้วพูดประโยคยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงค่อย เธอเอามือไปสัมผัสส่วนปากเเก้วเหมือนอยู่ไม่สุข
"ว่ากันตามตรง นี่เป็นครั้งเเรกที่เราได้พูดคุยกับใครนานเเบบนี้เลยคะ" เธอก้มหน้าก้มตาพูด
"หืม งั้นหรอ" เเปลว่านี่ไม่ใช่การให้ไปเกิดใหม่ครั้งเเรกสินะ
"คะ เราได้มีการส่งผู้คนไปยังโลกของเรามานับครั้งไม่ถ้วนเเล้วคะ"
"เเต่การได้มานั่งอยู่กับผู้จะไปเกิดใหม่อย่างนี้ ครั้งเเรกเลยคะ" เธอเริ่มบิดตัวไปมาอย่างอยู่ไม่สุขยิ่งขึ้นไปอีก
"ยินดีด้วยนะ"
"เอ่อ คือว่า การพูดคุยกันนี่ต้องทำอะไรบ้างหรอคะ" เธอลุกพรวดตะโกนออกมาด้วยท่าทางตื่นตะหนัก ไม่ว่าใครก็มีเรื่องไม่ถนัดกันทั้งนั้น จะว่าไปก็ทำให้นึกถึงรุ่นน้องที่บริษัท พอนางมีปัญหาอะไรก็วิ่งมาหาตลอดเลย
"นั้นสินะ ขนมนี่รูปร่างเหมือนขนมของโลกชั้นเลย มันอร่อยดีนะ" ชั้นหยิบขนมหนึ่งชิ้นในถาดมากัดไปคำนึง เเล้วพูดขึ้น ฮิลนิ่งไปสักพักก่อนเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"คะ รสหวานนี่มาจากสิ่งที่เรียกว่าเนยน้ำตาลสินะคะ"
"ใช่เเล้วละ เเต่เอาจริงๆชั้นชอบความหวานจากผลไม้มากกว่า"
"ผลไม้?"
"อย่างเช่นทาร์ตผลไม้ ก็อร่อยเหมือนกัน"
"ทาร์ตผลไม้!?" ฮิล ตาลุกวาวมากขึ้น การพูดคุยก็เป็นอะไรเเบบนี้เเหละ คุยเรื่องที่สนใจร่วมกัน สลับกันเเลกเปลี่ยนความรู้กันไปมา โดยไม่ต้องมาคำนึงถึงฐานะอะไรให้มากไป..
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่เเล้ว จากเรื่องขนมพวกเราก็ไปพูดคุยกันเป็นเรื่องที่กว้างมากขึ้นทั้งเรื่องโลกของทางชั้น เรื่องราวที่ชั้นพบเจอมา จนถึงโลกที่ชั้นต้องไปอยู่
"เอ่อ ไม่ใช่ว่าชั้นต้องไปปราบจอมมารอะไรเเบบนั้นใช่มั้ย" เหมือนในการ์ตูนที่ชั้นเคยอ่าน
"พี่รินสนใจเเบบนั้นหรอคะ" ไม่รู้ตั้งเเต่เมื่อไหร่เธอเรียกเราว่าพี่รินไปซะเเล้ว
"ต้องไม่อยู่เเล้ว ชั้นไม่ได้มั่นใจว่าจะไปสู้รบกับใครได้หรอกนะ"
"งั้นก็ไม่ต้องก็ได้คะ อื้อ นั้นสินะจะเเอบบอกพี่เอาไว้ว่า โลกของเรายังไงก็ไม่สามารถล้างเผ่าพันธุ์ได้คะ"
"หมายถึงยังไงหรอ"
"สุดท้าย โลกของเราก็ต้องมีเผ่าพันธุ์ต่างๆอย่างครบถ้วนคะ"
"เหมือนเป็นระบบที่เซ็ตไว้อะไรเเบบนี้หรอ"
"จะเข้าใจเเบบนั้นก็ได้มั้งคะ" ประมาณว่าเเม้มนุษย์จะถูกล้างเผ่าพันธุ์จนหมดเเต่สุดท้ายก็จะเหลือมนุษย์สักคู่นึงที่ยังสืบเผ่าต่อกันอยู่อย่างงี้ละมั้ง
"สมกับเป็นพี่รินเลยคะ" ดูเหมือนเราจะคุยกันนานจนชินกับการอ่านใจของเธอซะเเล้ว
"ดูเหมือนชั้นจะอยู่ที่นี่นานมากๆเเล้วนะเนี่ย" ว่าเเล้วชั้นก็ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเล็กน้อย เเต่ที่ชั้นสนใจคือที่นี้ดูเหมือนจะสว่างอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่รู้เวลาที่เเท้จริงเลย
"เพราะงั้นที่นี้ถึงถูกเรียกว่า [สวนลอยฟ้านิรัตน์] ยังไงล่ะคะ" ฮิลลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยอีกคน ดีดนิ้วอีกที ทั้งโต๊ะเก้าอี้ที่เรานั่งก็หายไป
"งั้นเริ่มการไปต่างโลกเลยไหมคะ"ฮิลมายืนอยู่ต่อหน้าชั้น พื้นเริ่มเรืองเเสงสีทองสว่างจากร่องของเเผ่นหินที่ปูเป็นพื้น ในตอนนั้นเองที่ชั้นสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
"นี่มีเศษขนมติดอยู่น่ะ" ชั้นเอามือไปปัดเศษขนมที่ติดเเถวเเก้มของเธอ
"เอ๊ะ" ฮิลหน้าขึ้นสีมากขึ้น ถอยหลังออกไปก้าวสองก้าว ดูเหมือนเป็นครั้งเเรกที่เธอเเสดงอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน
"ก็เเน่สิคะ ทำอะไรเนี่ย" เธอจับเเก้มพร้อมตะโกนใส่กัน
"ขอโทษที เเต่หน้าที่เลอะขนมนั้น มันดูตลกกับสถานการณตอนนี้น่ะ" ทั้งที่ดูเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กับหน้าที่เลอะเศษขนมเนี่ยมันไม่เข้ากันเลย
"ยังไงก็มีสิ่งที่ให้อยากให้รู้ อยากบอกสักหน่อยจะได้ไหมคะ" ฮิลพยายามพูดทำหน้าที่ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ก่อนอื่นเลย" ชั้นพูดเเทรกขึ้น
"คะ?"
"ไหนๆ ก็ได้ไปเกิดใหม่เเล้วอยากจะมีชีวิตให้นานกว่านี้หน่อยน่ะ" ถึงการใช้ชีวิตของชั้นในโลกก่อนจะไม่มีอะไรให้เสียใจ เเต่มาตายก่อนจะ50เนี่ยเหมือนขาดทุนเลยหรือเปล่านะถึงจะเป็นความเห็นเเก่ตัวเเต่ก็คิดว่าจะขอลองพูดดูก่อน
"ได้สิคะ" ฮิลตอบรับอย่างว่าง่าย ก็เเอบตกใจเหมือนกัน
"ข้อเเรกผ่านไปเเล้ว ต่อไป พี่ชอบในรูปลักษณ์มนุษย์ไหมคะ"
ก็คือระหว่างคนกับสัตว์งั้นเหรอ เเต่เราก็นึกถึงการใช้งานเเขนขาเเบบที่ใช้อยู่ตลอดไม่ได้ ไม่ออกเหมือนกัน
"คงชอบเเบบมนุษย์นี่เเหละ"
"คะ เข้าใจเเล้ว ต่อไปพี่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้อยู่บ้างสินะคะ"
หมายถึง มวยไทยที่ชั้นเล่นตอนวัยรุ่นสินะ จะว่าไปตั้งเเต่ทำงาน ก็เข้าฟิตเน็ตซ้อมมวยอย่างเดียวเองนะเนี่ย
"อืม เรียกว่าเคยฝึกดีกว่านะ ชั้นไม่เคยได้ขึ้นชกมาก่อนเลย" ส่วนหนึ่งเพราะเป็นผู้หญิงด้วยถึงจะพื้นฐานเเน่นเเล้ว เเต่ ทั้งเเม่ ทั้งอาจารย์ ก็ไม่ยอมให้ขึ้นชกกับใครเขาเลย จึงเป็นการฝึกเพื่อป้องกันตัวไปเเทน
"คะ ในโลกของเราการต่อสู้เป็นเรื่องปกติคะ การต่อสู้เพื่อตัวเอง หรือปกป้องคนอื่น ก็เป็นสิ่งที่ทำได้คะ"
"เข้าใจเเล้ว"
"เเล้ว โลกของเรามีสิ่งที่เรียกว่า เวทมนต์ พี่มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษไหมคะ"
เวทมนต์?
"เอาเป็นว่าเเล้วเเต่เธอจะจัดการละกัน" ขอโทษนะชั้นไม่ค่อยเข้าใจมันสักเท่าไหร่เลย
ดูเหมือน คำถามทั้งหมดเกี่ยวกับการไปเกิดใหม่ของชั้นสินะ ยังกะเเบบสอบถามอะไรเเบบนี้เลย
"คะ ข้อมูลทั้งหมดจะเอามาประมวลเกี่ยวกับทักษะที่พี่จะได้รับ โดยเราจะมอบให้ได้มากสุดห้าคุณสมบัติ หลังจากนี้เเล้วเเต่การกระทำของพี่คะ"
"เข้าใจเเล้ว"
"สุดท้าย.." อยู่ๆฮิลก็หยุดไปซะอย่างนั้น หน้าเเดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
.
.
.
.
"พี่เชื่อในความรักที่มีพร้อมกันหลากหลายคนไหมคะ"...
-----------------------------------------------------
สวัสดีครับ ดีใจที่ทุกคนอ่านมาจนถึงตรงนี้นะครับ เรียกผมว่า นายที ละกันนี่นับเป็นผลงานที่สองที่เราอาจได้มาพบกันเเล้ว ส่วนผลงานเเรกคือ
https://w***************** /a/a05cbe3a7894ec36854fd1da500e5d5c
ไปหาอ่านกันได้นะครับ55 ที่อยากจะบอกคือผมยังเป็นมือใหม่ละครับ มีอะไรที่ไม่พอใจ หรืออยากเเนะนำ ก็สามารถติชมกันได้เลยครับ หรือจะมาพูดคุยกันก็ได้นะ จะพยายามตอบทุกคนเลยนะครับ ของฝากตัวด้วยครับ (โค้งคำนับ)