ณ เบื้องบนดวงดาวส่องสว่างเต็มฟากฟ้า แสงเหลืองทองของพระจันทร์ส่องสะท้อนบ่อน้ำอย่างสวยงาม บ่งบอกให้รู้ว่า คืนนี้ ฟ้าเปิดและบรรยากาศช่างเหมาะแก่การปาร์ตี้สังสรรค์เสียจริงๆ ทว่า คนงาน ‘เหมืองเมฆิน’ ต่างพากันเข้านอนเพื่อพักผ่อน ทุกคนทำงานหนักกันตั้งแต่รุ่งสาง เวลานี้จึงควรค่าแก่การได้กลับไปพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัว ส่วนเจ้าของเหมืองอย่าง ‘เมฆิน อัศวโยธิน’ หนุ่มหล่อคมเข้มวัยสามสิบห้าปี ยังคงนั่งดื่มด่ำบรรยากาศภายนอกที่พักอย่างสบายใจ บรรยากาศดีแบบนี้ เขาขอสนุกสนานเฮฮากับกลุ่มเพื่อนเสียหน่อย
“อ้าว เฮ้ย ไอคิน มึงมัวยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียววะ”
ไม่ทันขาดคำ ‘นวกร’ เพื่อนสนิทก็ตะโกนเรียกเมฆินให้กลับไปหาพลพรรคที่วงเหล้า คืนนี้ ทุกคนพากันมาเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสที่นวกรกลับมาทำงานที่ไร่บ้านเกิดในจังหวัดกาญจนบุรีอย่างเต็มตัว หลังจากที่ก่อนหน้าอยากลองใช้ชีวิตทำงานที่เมืองหลวง สุดท้ายก็คิดได้ว่าการกลับมาอยู่บ้านคือสวรรค์ที่สุดแล้ว
“เออ มาแล้ว เป็นไงวะไอ้กร ไปอยู่กรุงเทพฯ มึงได้เมียไปกี่คนวะ ฮ่าๆ” เมฆินหยอกล้อเพื่อนอย่างเคยชิน ใครๆ ก็รู้ว่าตัวเขาและกลุ่มเพื่อนต่างได้ชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิง อยากได้สาวคนไหนก็ต้องได้ ถ้ายังไม่ได้ก็หาวิธีจนกว่าจะได้
“โธ่ ไอ้คิน มึงก็พูดไป ไปทำงานนะโว้ย ไม่ได้ไปหาเมีย ว่าแต่ได้เมียกี่คนวะ ฮ่าๆ” ขณะที่ ‘กำพล’ เพื่อนแก๊งเดียวกันอีกคนก็ร่วมหยอกล้อนวกรอย่างสนุกสนาน
“พอๆ เลยพวกมึง กูขี้เกียจมานั่งนับเรื่องเมีย ไว้เจอตัวจริงเมื่อไหร่ กูจะพามาเปิดตัวกับพวกมึงละกันโว้ย แต่กูมีเรื่องเด็ดกว่านั้นมาบอกพวกมึง”
นวกรพูดพร้อมกับส่งสายตามายังเจ้าถิ่นแปลกๆ ทำให้เมฆินรู้ตัวว่าเรื่องเด็ดๆ ที่ว่าอาจจะมีตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องแน่ๆ
“เรื่องอะไรของมึง ละมองหน้ากูแปลกๆ มีอะไร” เมฆินถามกลับเสียงเข้ม เขาไม่ชอบให้ใครมาทำให้สงสัย หากมีอะไรเกี่ยวข้องกับตนเองจริงก็ต้องการรู้เดี๋ยวนี้!
“ใจเย็นๆ โว้ย จริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับมึงเท่าไรหรอก เมื่อตอนเที่ยง กูไปในเมืองมา ว่าจะไปซื้อเค้กมะพร้าวอ่อนลาวาให้แม่กู...” นวกรทำสีหน้าจริงจังเหมือนตั้งใจเล่าเต็มที่
“โธ่ ไอ้กรมึงนี่เล่าอ้อมโลกเสียจริง ชาตินี้ กูจะรู้เรื่องไหมวะ” กำพลพูดขึ้น ขณะที่เมฆินยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทีไม่สนใจนัก
“เอ้า นี่แหละช็อตเด็ด มึงรู้ไหม กูไปเจอใครมา กูไปเจอน้องรินมาเว้ย”
จบประโยคนั้น คำว่า ‘น้องริน’ ก็ทำเอาเมฆินรีบหันมามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยใคร่รู้ เพราะทุกคำพูด ท่าทาง รวมทั้งแววตาระรื่นของนวกรบ่งบอกว่าเป็นคนในความคิดของเขาไม่ผิดตัวแน่
เมฆินไม่เจอ ‘เมริน’ มาห้าปีได้ แม้จะรู้ว่าเธอคงอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่คิดตามหาเธอ วันๆ เขาเอาแต่ทำงานและเที่ยวผู้หญิงแถวนี้ ไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามในเมืองเลยสักครั้ง
“มึงไม่อยากรู้เหรอวะว่ารินเป็นไงบ้าง” นวกรถามเมฆินอย่างเซ้าซี้ เพื่อนๆ ทุกคนจึงหันมามองนายเหมืองหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง เพราะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเมรินกับเมฆินนั้นเป็นอย่างไร
คนถูกจ้องมีสีหน้าขรึม น้ำเสียงเครียดขึ้น “จะอยากรู้ทำไม กูกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” แล้วกระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียว เพื่อระงับอารมณ์ที่ร้อนรุ่มอยู่ตอนนี้
“อะๆ แต่กูอยากเล่า รินเป็นเจ้าของร้านเค้กที่กูไปซื้อ เปิดเป็นร้านอาหารด้วย ขายดีทีเดียว แต่แม่งเอ๊ย เดี๋ยวนี้น้องรินสวยขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ทรวดทรง องเอว กูบอกเลยว่ายิ่งโตยิ่งเด็ดมาก แต่น่าเสียดายว่ะ ดันมีลูกเสียแล้ว” นวกรพูดพร้อมทอดถอนใจอย่างเสียดาย ขณะที่เมฆินเองก็ตกตะลึงกับเรื่องดังกล่าวไม่ต่างกัน
“จริงเหรอวะ น่าเสียดายฉิบ...หวังว่าคงไม่ใช่ลูกไอ้คินนะโว้ย” กำพลพูดปนหัวเราะราวกับติดตลก แต่คนที่ถูกอ้างถึงไม่ตลกด้วย เขานั่งคิ้วขมวดฟังเพื่อนหยอกล้อกัน
“เฮ้ย จะว่าไปเด็กคนนั้นก็หน้าคล้ายมึงอยู่นะไอ้คิน หรือว่าคืนนั้นที่มึงกับริน…จะเป็นลูกมึงปะวะ”
นวกรพูดขึ้นพร้อมตบไหล่เมฆินอย่างแรง ทำเอาคนโดนพาดพิงถึงกับเครียดกว่าเดิมขณะหันมามองหน้าเพื่อนเขม็ง
“เพ้อเจ้อใหญ่ละพวกมึง เขาก็ต้องท้องกับแฟนเขาสิวะ พวกมึงเมาแล้วกลับบ้านไปได้แล้ว” เมฆินรีบไล่เพื่อนๆ กลับบ้านทันที
“เฮ้ย! อะไรวะ กำลังสนุก บรรยากาศกำลังดีๆ ด้วย” นวกรโอด ขณะบรรดากลุ่มเพื่อนส่งเสียงโอดครวญอย่างพร้อมเพรียงว่า งานชักกร่อยเข้าให้แล้ว
“แต่กูว่า บรรยากาศดีๆ ของมึงน่ะ ชักจะไม่ดีกับกูละ” เจ้าบ้านหน้าเคร่ง น้ำเสียงจริงจัง
“โธ่...ไรว้า”
คนต้นเรื่องทำงานกร่อยมีสีหน้าเจื่อน ก่อนหันมองพลพรรครักเมาที่เปลี่ยนเป้าหมายมาตำหนิตน โดยมีกำพลเป็นต้นโผการโยนเผือกร้อนให้ว่า
“เพราะมึงนั่นแหละ ไอ้กร ทำเสียมู้ดหมด”
“ใช่ๆ มึงเลยไอ้กร! เสือกพูดเรื่องน้องรินทำไม” หลายคนสำทับอย่างเห็นด้วยกับกำพล
“เฮ้ย! พวกมึง เมื่อกี้ยังหัวเราะสนุกสนาน ตอนนี้ทำไมมาโยนขี้ให้กูคนเดียววะ” นวกรหน้าเสียที่เพื่อนๆ แปรพักตร์ไปเข้าข้างเจ้าบ้าน ทิ้งให้เขารับผิดชอบการล่มสลายของงานสังสรรค์เพียงลำพังผู้เดียว
“เรื่องจริงนี่หว่า มึงเลย มึง มึง และมึง” กำพลตอกย้ำพร้อมลุกขึ้นจิ้มนิ้วชี้ไปที่อกนวกรเป็นการยืนยันคนร้ายว่า ไม่ผิดตัวแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยเสียงประสานจากคนที่เหลือว่า
“ใช่ๆ มึงนั่นแหละ ไอ้กร!”
เมฆินเบือนหน้าหนี ลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับการถกเถียงที่ดูแววจะหาทางจบยาก แล้วหันมาพูดตัดบท
“สรุปว่า พวกมึงๆ จะกลับบ้านตอนนี้ หรือว่าให้กูโทร.ไปหาเมียๆ พวกมึงกับบรรดากิ๊กต่างๆ ของพวกมึงมารับรายตัว หือ?” จบประโยคด้วยการไล่สายตามองหน้าเพื่อนฝูงทีละคน ทำเอาแต่ละรายสะดุ้งโหยง
“งั้นพวกเรากลับ!”
กำพลออกตัวรายแรก รีบเดินไปยังบันไดลงระเบียงบ้านก่อนใคร ไม่หันกลับมามองเพื่อนที่เหลือสักนิดว่าจะเห็นพ้องด้วยหรือไม่ เพราะรู้ดีว่า ยังไงก็ต้องรีบเผ่นกันถ้วนทั่วถ้าเจอไม้นี้ของเมฆินเข้าไป ซึ่งก็จริงเช่นนั้น เพราะวงสังสรรค์พลันสลายตัวอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น ทิ้งให้เจ้าของบ้านมองตามแสงไฟท้ายรถคันสุดท้ายที่เคลื่อนไกลออกไปยังประตูรั้วจนลับหายไปกับแนวทิวสนเรียงรายที่กั้นเขตเหมืองทองแห่งนี้กับที่ดินแปลงอื่น
ทว่า แม้ตอนนี้ เพื่อนๆ จะกลับบ้านไปแล้ว แต่คำพูดของพวกมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของนายเหมืองหนุ่ม ดวงตาคมเข้มทอดมองไปอย่างไร้จุดหมายเบื้องหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ความคิดลึกล้ำ
‘ลูก’ อย่างนั้นหรือ
‘หน้าเหมือนกูด้วย’
นายเหมืองหนุ่มพาตัวเองมายังห้องนอน พร้อมกับคิดย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องคืนนั้นระหว่างเขากับเมรินมันเกิดขึ้นจากความโกรธ เคียดแค้น และใช่ คืนนั้น เขาไม่ได้ป้องกัน หรือเด็กคนนั้นจะเป็นลูกของเขาจริงๆ!