บุรุษที่นางรัก...ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย

1146 Words
นางเป็นสตรีที่สูงโปร่งราวกับบุรุษ เมื่อครั้งที่ยืนอยู่ข้างหลินจิ้นฝู มองเผินๆ แล้วอาจจะสูงกว่าญาติผู้พี่เล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกับความสูงของหลินซานซานแล้ว นางสูงเพียงหัวไหล่ของพี่สะใภ้เอง ช่างเป็นสตรีที่สูงอะไรถึงเพียงนี้... พินิจเรือนร่างนางอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องหยุดเมื่อมาถึงยังศาลา พี่สะใภ้เดินนำเข้าไปนั่ง ไม่นานพ่อบ้านก็ให้บ่าวรับใช้ยกขนมและน้ำชามาให้ ก่อนที่จะปล่อยให้ทั้งสองได้ร่วมเสวนากันตามลำพัง แต่คงมีเพียงแต่หลินซานซานเท่านั้นที่ใคร่อยากจะสนทนาด้วย เพราะพี่สะใภ้ของนางเอาแต่นั่งนิ่ง ปิดเปลือกตาลงราวกับหลับใหลตั้งแต่ที่เข้ามานั่งได้ ปล่อยให้หลินซานซานเหลือบมองเป็นระยะ นางช่างเป็นสตรีที่อยู่ด้วยยากยิ่ง เพียงเห็นหน้าก็ชวนให้อึดอัด ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอึดอัด ต่อให้นางงดงามเพียงใด แต่หากอยู่ด้วยแล้วน่าอึดอัดเช่นนี้ มีหวังอาจิ้นคงจะลำบากใจ หลินซานซานคิดเองเออเองอีกแล้ว ก่อนจะเปิดปากทำลายความเงียบ “พี่สะใภ้เจ้าคะ” คนถูกเรียกเลิกคิ้วสูงขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ลืมตาขึ้น “ขนมโก๋นี่อร่อยนะเจ้าคะ ท่านลองชิมดูสิ” คราวนี้ยอมเปิดเปลือกตาขึ้นมามอง แต่ทว่า... “เจ้ากินไปเถิด” “ถ้าเช่นนั้นก็ดื่มน้ำชาสักหน่อย ท่านเพิ่งตื่นได้ไม่นาน ร่างกายคงจะขาดน้ำอยู่ไม่น้อย” หลินซานซานกุลีกุจอรินน้ำชาลงถ้วยกระเบื้องเคลือบให้ ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตนจะต้องเอาอกเอาใจพี่สะใภ้ด้วยก็ไม่รู้ คงเป็นเพราะนางคิดว่าหากสนิทสนมกับพี่สะใภ้แล้ว เมื่อนางต้องการให้อีกฝ่ายกระทำสิ่งใดให้แก่หลินจิ้นฝูก็คงจะง่ายยิ่ง ทว่าคนตรงหน้ากลับตอบรับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “วางไว้ตรงนั้นล่ะ ข้าไม่กระหาย” “แต่...” จางอี้ซวนชิงหลับตาหนีไปเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูด หลินซานซานจึงได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ค้างไว้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อถูกอีกฝ่ายมองเมิน ยามนี้เองที่นางตระหนักได้แล้วว่าพี่สะใภ้นางเป็นสตรีอย่างไร แม้จะมีดวงหน้าสะคราญโฉมและมีจริตงดงามสมเป็นกุลสตรีที่ดี แต่นั่นก็ล้วนเป็นเพียงเปลือกนอก แท้จริงเป็นสตรีเกียจคร้าน หยิ่งยโสและโอหัง กล้ามองไม่เห็นหัวญาติผู้น้องคนสนิทของสามีเช่นนี้ นับว่าไร้ซึ่งมารยาทและไม่ให้เกียรติสกุลหลินเลยแม้แต่น้อย มือเล็กของหญิงสาวกำเข้าหากันแน่น นางชักไม่ชอบพี่สะใภ้ของตนเสียแล้ว ทว่าก็หาได้กระทำสิ่งใด ได้แต่นั่งเงียบอยู่ในศาลาตลอดบ่าย ขณะที่อีกฝ่ายนั่งหลับหลังตรง ไม่สนใจนางที่จับจ้องอย่างขุ่นเคืองสักนิด ดื่มชายามบ่ายร่วมกับพี่สะใภ้ครั้งแรกนี้ ช่างน่าหงุดหงิดยิ่งนัก! “ได้ยินว่าเมื่อบ่าย เจ้ากับอี้ซวนร่วมดื่มน้ำชากันหรือ” เป็นคำถามของหลินจิ้นฝูที่ถามแก่ญาติผู้น้องเมื่อได้ร่วมมื้อเย็นกับนาง หลินซานซานพยักหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามอีกครั้ง “แล้วเป็นอย่างไรบ้าง” หลินซานซานเหลือบมอง นางอยากจะบอกนักว่าช่างน่าหงุดหงิด เพราะนอกจากที่จางอี้ซวนจะพูดคุยกับนางชนิดถามคำตอบคำแล้ว ยังเอาแต่นั่งหลับตลอดบ่าย เมื่อได้ยินว่าสามีกลับมา นางก็ไม่ไปต้อนรับ เดินดุ่มๆ กลับเรือนราวกับไม่ใช่เรื่องของตน ปล่อยให้หลินซานซานต้อนรับญาติผู้พี่เพียงลำพัง มิหนำซ้ำ หลินซานซานยังประจักษ์ในตอนนั้นว่าแท้จริงแล้ว จางอี้ซวนและญาติผู้พี่ของนางอาศัยแยกเรือนกัน หาได้ร่วมเรือนเดียวกันดั่งที่สามีภรรยาพึงกระทำแต่อย่างใด สิ่งนั้นน่าประหลาดไม่พอ ยังน่าบริภาษอีกด้วย หลินซานซานมีหลายสิ่งที่อยู่ในใจ อยากจะก่นว่าพี่สะใภ้ แต่สิ่งที่นางตอบกลับดันเป็น... “เพลิดเพลินยิ่ง ข้าประทับใจนางมาก” ...โกหกคำโตเสียเลย เหตุเพราะไม่ต้องการให้หลินจิ้นฝูลำบากใจ ได้ยินนางพูดเช่นนั้น ใบหน้าคร้ามครันของหลินจิ้นฝูก็มีรอยยิ้มประดับ “ข้าดีใจยิ่งที่เจ้ามา อย่างน้อยก็ช่วยให้นางได้คลายความเหงาลงไปบ้าง ตั้งแต่นางมาที่นี่ วันๆ ก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน ไม่ค่อยได้พบหน้าข้านักหรอก เว้นเสียแต่ตอนเย็นที่นางมักจะออกมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสาย” หลินซานซานแค่นยิ้ม นางมองสตรีผู้นั้นผิดไปแต่แรกจริงๆ อุตส่าห์นึกว่าเหมาะสมกับหลินจิ้นฝูราวคู่นกยวนยาง ที่ไหนได้...ไม่ได้เรื่อง! แต่สิ่งที่หลินซานซานอยากจะพูดหาใช่เรื่องนั้น ได้ยินว่าทั้งสองห่างเหินกัน ไม่ค่อยได้พบปะเจอหน้า นางก็เกิดอยากรู้บางสิ่งขึ้นมา “ข้าถามเจ้าสักอย่างหนึ่งได้ไหมอาจิ้น” หลินจิ้นฝูพยักหน้าเป็นเชิงให้นางพูด “เจ้ากับนางอยู่คนละเรือน มิหนำซ้ำยังไม่ค่อยได้พบหน้า เป็นสามีภรรยากันแต่กลับมีความสัมพันธ์เช่นนี้ มิใช่ว่าท่านยังไม่ได้เข้าหอกับนางหรอกหรือ” ถามไป ปลายประโยคก็ยิ่งแผ่วเบา อันที่จริงแล้วนางไม่ควรถามเรื่องนี้ แต่ก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจึงพลั้งปากออกไป หลินจิ้นฝูหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “ยังหรอก” หญิงสาวถึงกับเบิกตาโต “ได้อย่างไรกัน เจ้ากับนางเป็นสามีภรรยากันนะ ไยถึงยังไม่ได้เข้าหอกันอีก” แสร้งถามไปอย่างนั้นล่ะ แต่ในใจของหลินซานซานกลับลิงโลด บุรุษที่นางรัก...ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย นางอยากจะลุกขึ้นระบำขอบคุณสวรรค์เหลือเกิน! หลินจิ้นฝูหัวเราะเฝื่อน ไม่ทันจะได้พูดอะไร ทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นจางอี้ซวนเดินออกมาจากเรือน ทอดสายตามองมายังโต๊ะในสวนซึ่งหลินจิ้นฝูและหลินซานซานนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่ หลินจิ้นฝูแย้มยิ้มให้ฮูหยินตนเล็กน้อย ขณะที่จางอี้ซวนเองก็ทำเพียงค้อมศีรษะแล้วเดินจากไป ปล่อยให้สามีและญาติผู้น้องนั่งกินข้าวต่อโดยไม่สนใจกลับมามองอีก หลินซานซานนิ่วหน้า พี่สะใภ้ของนางไม่ได้ความจริงๆ ด้วย สามีนั่งกินข้าวอยู่อย่างนี้ยังไม่รู้จักมาปรนนิบัติดูแล ช่างเป็นคนที่เกียจคร้านอะไรอย่างนี้นะ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD