EP 9

1238 Words
จักรวาลเอ่ยทั้งรอยยิ้ม น้อยครั้งนักที่จะได้กินอาหารชาววังขนานแท้อย่างนี้ถ้วยจานเป็นเบญจรงค์เข้าเซททั้งหมด ปลาแป๊ะซะโบราณในชามใบใหญ่ มีผักตกแต่งด้านบนสวยงาม หลนปลาสลิดเค็มจัดใส่ถ้วยตั้งไว้ตรงกลางถาดใบใหญ่ มีผักสดเป็นเครื่องเคียงใส่ไว้ตามช่องของถาดและแกะสลักสวยงาม จนไม่อยากจะตักเข้าปากเพราะเสียดาย ไก่อบใบเตยก็รสชาติเข้มข้นจนต้องตักซ้ำหลายชิ้น “คุณเนย์ทานเยอะๆ นะคะ ถ้าทานน้อยเดี๋ยวหญิงฟ้าจะเสียใจ” เจ้าของบ้านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ อีกครั้ง ขณะมองแขกแล้วหันไปหาลูกสาวใหญ่ที่วันนี้ดูจะเงียบผิดปกติ ลูกคนกลางก็เหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่คนเล็กที่ทุกครั้งจะมีเรื่องมาเล่าให้แม่กับพี่ๆ ฟังเสมอเวลาเจอกันบนโต๊ะอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียมารยาทเรื่องเดียวที่ผู้แม่ยอมให้ลูกๆ ทำได้ เพราะจะเจอกัน จะได้คุยกันพร้อมหน้าก็เฉพาะเวลามื้อค่ำเท่านั้น “ครับ” สิงหรัฐตอบเพียงสั้นๆ และกินด้วยท่าทีระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ช้อนกระทบจานเพราะสังเกตเห็นว่าคนบ้านนี้ไม่มีใครทำเสียงดังเลย และเป็นไปแบบสบายๆ ไม่เกร็งเหมือนเขาด้วย บ่งบอกว่าได้รับการฝึกหัดมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ไม่แน่ใจว่าการมองคนด้วยสายตาที่เขาดูยังไงก็มีแววดูถูกดูแคลน หรือรังเกียจเดียดฉันท์อยู่ในทีตลอดเวลานั้น ถูกฝึกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกด้วยหรือไม่ บอกได้คำเดียวว่าไม่ชอบเอามากๆ แม้เจ้าของสายตาจะสวยสง่าแทบจะทุกท่วงท่าก็ตาม “คุณภพจะกลับจากท่องยุโรปเมื่อไหร่คะคุณจักร” เมื่อเห็นว่าอีกหนุ่มพูดน้อย เจ้าของบ้านเลยหันไปหาอีกหนุ่มที่ดูเหมือนจะติดใจในรสมือลูกสาวใหญ่ของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะข้าวสวยจานที่สองแล้ว “เดือนหน้าครับท่านหญิง แต่ก็ไม่แน่อาจจะไปเยี่ยมเพื่อนที่เลี้ยงแกะไว้แถวเทือกเขาแอลป์ แล้วอยู่ต่ออีกสักเดือนหรือสองครับ คุณพ่อติดใจวิวที่นั่น สวยมากครับ ผมไปแล้วยังไม่อยากกลับเลยครับ ว่างๆ ไปเที่ยวด้วยกันหรือเปล่าครับท่านหญิง ชวนคุณหญิงคุณชายไปด้วยเลยครับเป็นการพักผ่อนประจำปี” แม้ความจริงคนบอกอยากจะชวนแค่สาวที่นั่งตรงหน้าเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะเสียมารยาทได้ และไม่เข้าใจว่าเวลามีแขกมาบ้าน สองสาวจะเงียบแบบนี้ตลอดหรือยังไง เพราะตั้งแต่เริ่มกินข้าวกระทั่งใกล้จะอิ่ม ยังไม่ได้ยินเสียงหวานๆ สักแอะเดียว “ว่าไงล่ะจ๊ะสาวๆ มีคนชวนเที่ยวสนใจหรือเปล่า หญิงฟ้าหญิงฟาง” “คงไม่ไหวค่ะท่านแม่ หญิงกลัวความสูง” พี่สาวใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่ม ท่าทีสง่างามแม้จะเป็นสาววัยดึกก็ยังสวยบาดใจ “ไม่ค่ะท่านแม่” ส่วนน้องก็ตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทีเดียวกับพี่ แต่เนื้อประโยคดูเหมือนจะตัดเยื่อไม่เหลือไยไว้เลย เพราะรู้สึกไม่ชอบในสายตาท่าทีของเพื่อนพี่นัก โดยเฉพาะพวกนักการเมืองหรือทายาทนักการเมืองที่ร่ำรวยด้วยการคดโกงคนอื่นมา เป็นอะไรที่หม่อมราชวงศ์กัญญาวีร์จะรับไม่ได้มาโดยตลอด ด้วยเลือดพ่อในกายมีมากมายบวกกับเลือดเหลืองแดงอีก เหนือไปกว่านั้นคือ เพื่อนพี่เปิดบ่อนมอมเมาประชาชนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายอีก ไม่รู้จิตใจทำด้วยอะไรทำไมถึงได้ไม่รู้สึกผิดบ้าง เพราะเพิ่งคิดออกว่าคนหน้าตาคุ้นๆ เป็นใครมาจากเทือกไหน ส่วนเพื่อนอีกคนก็คงจะมีที่มาไม่ต่างกันนักหรอก ต่อให้ท่าดี หน้าตาดี แต่งตัวดี และฐานะร่ำรวยยังไง ก็คงไม่พ้นได้เงินมาอย่างไม่ขาวสะอาดเป็นแน่ อดเคืองพี่ไม่หาย ที่ลดตัวลงไปคบกับพวกประวัติด่างพร้อยให้เสื่อมเสียเกียรติที่ท่านพ่อทำเอาไว้ “ว่าแต่รู้จักกับชายฟ่างมานานหรือยังจ๊ะสองหนุ่ม นี่ถ้าไม่ถามไล่ไปก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นลูกคุณภพ ห่างๆ กันไปก็ไม่เคยได้เห็นหน้าเห็นตากันเลยหลายปีดีดัก” หม่อมเจ้ากัญญาพรไม่อาจจะบอกได้ว่า ตัวเองต่างหากที่ไม่อยากคบค้ากับพวกนักการเมืองที่คดโกงคนอื่น แต่ก็ได้แค่คิดและเก็บไว้ภายในเท่านั้น และกับคำถามนี้ทำเอาลูกชายสะดุ้ง ไม่รู้จะตอบออกมายังไง จักรวาลเองก็หันไปมองหน้าเพื่อนเป็นเชิงให้หาทางเอาตัวรอดเอง โทษฐานอยากให้เขาพามาข่มขวัญเป้าหมายด้วยการมาเยือนถึงถิ่นโดยไม่บอกกล่าว “ก็ตั้งแต่เรียนอยู่วชิราวุธฯ ครับ มาห่างกันตอนแยกไปต่อตรีครับ ผมกับจักรไปลอนดอน แต่คุณชายไปวอชิงตัน กลับมาต่างคนต่างยุ่ง กว่าจะรวมตัวกันได้ก็หลายปีครับ” สิงหรัฐตอบเรียบเรื่อยประหนึ่งท่องมาก่อนหน้าแล้วก็ไม่ปาน เพราะจักรวาลกับกันต์กวีรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริงสักนิด แม้ข้อมูลจะถูกต้อง ส่วนหม่อมเจ้าหญิงกัญญาพรมีแววตายินดีให้เห็นอยู่ครู่หนึ่ง และเป็นเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะดีใจที่ตัวเองอ่านเพื่อนลูกไว้ได้ถูกต้องในด้านฐานะอันมั่งคั่งของครอบครัว จะเสียก็แต่หนึ่งเป็นลูกนักการเมืองฉ้อฉลที่สามีผู้ล่วงลับเกลียดชังนัก และกำชับไว้เป็นนักหนาว่าอย่าเกี่ยวดองกับคนกลุ่มนี้ ส่วนอีกหนึ่งหม่อมเจ้าหญิงกัญญาพรไม่แน่ใจในพื้นฐานครอบครัว แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่ามีเชื้อสายจีนเป็นแน่ ซึ่งสามีก็ไม่ประสงค์จะเกี่ยวดองด้วย ทว่าพวกราชนิกุลด้วยกันต่างก็เมินลูกสาวทั้งสอง แม้หน้าตาจะสะสวย ก็ขาดทรัพย์สมบัติที่พึงจะทัดเทียมหรือใกล้เคียงกัน เมื่อสามีรับราชการทหารมาตลอดชีวิตกระทั่งเกษียณ สมบัติที่ได้รับมาก็ถูกขายเป็นค่าใช้จ่ายไปเรื่อยๆ ตอนสามีป่วยและจากไปในเวลาไม่นานเลย ด้วยความที่ตัวเองและลูกสาวคนโตไม่เคยหยิบจับอะไรมากไปกว่างานครัว จึงไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำธุรกิจให้เงินงอกเงย “ไว้ว่างๆ ให้ชายฟ่างชวนมาทานข้าวที่บ้านอีกนะคะ” จึงเปิดช่องให้แขกสามัญชนอย่างไม่เคยมีมาก่อน นั่นทำให้ลูกทั้งสามหันไปมองแม่เป็นตาเดียวกัน แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา นอกจากยืนส่งแขกขึ้นรถตามมารยาทเจ้าของบ้านที่ดีเท่านั้น “แม่เหนื่อยจังอยากขึ้นพักเลยแล้วล่ะ” ทั้งสามแทบจะกรูกันเข้าไปช่วยพยุงแขนแม่ เพราะเวลานี้แม่ควรจะนอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่ก็มัวชวนแขกคุยอยู่เป็นนาน “ชายฟ่างจ๊ะ เดี๋ยวไปช่วยพี่ยกกระเป๋าใบใหญ่ออกจากตู้ให้ทีนะ หญิงฟางจะไปช่วยด้วยก็ได้” พอส่งแม่เข้านอนแล้ว กัญญ์รวีก็รีบกระซิบใกล้ๆ น้องทั้งสอง ด้วยใบหน้ายิ้มจางๆ เพื่อไม่ให้แม่สงสัย แม้ภายในใจนั้นจะร้อนรนตั้งแต่ก่อนจะลงไปทำมื้อเย็นแล้วก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD