5.2 เงื่อนไข เงื่อนไข และเงื่อนไข

1807 Words
ถ้าผู้ที่กำลังถามนางมิใช่เขา หากแต่เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเล่า? นางควรจะตอบเช่นไร แน่นอนว่านางมิอาจปฏิเสธว่าทั้งสองไม่เหมาะ ดังนั้นการที่นางจะหลีกเลี่ยงไม่ยอมกินยาในกระปุกจึงไม่มีทางเป็นไปได้ หากอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้... หัวใจของลี่หยวนเริ่มเปลี่ยนจังหวะเป็นถี่รัวเมื่อค้นพบคำตอบที่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีสิ่งใดมารับประกันได้ว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้อง โชค... นางยังจำเป็นต้องอาศัยโชค “ลี่หยวนทราบคำตอบแล้วเพคะ” นางพูดจบก็หันไปหยิบกระปุกยาสีดำแล้วเปิดจุกขวด ด้านในมียาเม็ดกลมสีแดงหนึ่งเม็ด ลี่หยวนมองมันอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกลืนมันลงไปแล้วตามด้วยน้ำ ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มที่มองมาที่นางอย่างทึ่งๆ “ดูเหมือนนั่นจะเป็นคำตอบของ...” คำพูดที่เหลือของเขากลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นว่าผู้ที่ควรจะเลือกคำตอบเสร็จกลับหันไปเปิดกระปุกยาสีขาว หยิบเอาเม็ดยาสีดำด้านในออกมากลืนตามลงไป “นี่คือคำตอบของลี่หยวนเพคะ” ลี่หยวนตัวสั่นเทาเมื่อคิดได้ว่าตนเองเพิ่งจะกินยาพิษลงไปถึงสองเม็ด แต่นางก็ยังมีแรงฮึดในการตอบ “องค์รัชทายาทและองค์ชายสี่เปรียบเสมือนหยินหยาง ทั้งคู่ต่างก็มีคุณสมบัติอันโดดเด่น องค์รัชทายาทเฉลียวฉลาดทั้งยังมีคุณธรรม องค์ชายสี่เฉียบแหลมเด็ดขาด ทั้งสองสิ่งล้วนเป็นคุณสมบัติของผู้นำ สมแล้วที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นสายเลือดมังกร พวกเขาทั้งสองสูงส่งเปี่ยมไปด้วยบารมีถึงเพียงนั้น สามัญชนคนธรรมดาเยี่ยงลี่หยวนเห็นว่าพวกเขาต่างมีความเหมาะสมด้วยกันทั้งคู่เพคะ” ลี่หยวนตอบเสร็จก็กลั้นใจ เตรียมรับคำต่อว่าและพิษที่ไหลเข้าสู่กระแสเลือด นางพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว หลังจากนี้คำตอบจะถูกหรือไม่ถูก คงต้องอาศัยดวงอย่างที่ท่านอ๋องน้อยเคยพูดเอาไว้! ภาพสะท้อนในดวงตาของตงฟางฉี คือเด็กสาววัยแรกแย้มที่นั่งเผชิญหน้ากับเขาด้วยแววตาจริงจัง พอเหลือบมองไปยังมือบางที่กำเข้าหากันอยู่บนโต๊ะ พบว่ามือเล็กบางของลี่หยวนกำลังสั่นเทา คนที่ไม่กลัวตาย เขาถือว่าเป็นคนโง่ หากคนที่กลัวตาย แต่ก็กล้าที่จะต่อสู้ เขาถือว่าเป็นคนกล้าหาญ ลี่หยวนปฏิเสธที่จะหมั้นหมายกับเขา แต่นางต้องการเป็นศิษย์ หมายความว่าเป้าหมายของนางมิใช่การถอยห่าง แต่นางมิได้ต้องการสถานะหมั้นหมาย แม้แต่เขาที่เป็นถึงท่านอ๋องน้อย นางก็ไม่เอา องค์รัชทายาทกับองค์ชายสี่ก็ไม่ใช่เป้าหมายของนาง ดูท่าลี่หยวนคงเป็นสตรีที่ค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องคู่ครองน่าดู ตงฟางฉีได้ข้อสรุปว่านางคงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับวังวนแห่งการเมือง ทว่า... สิ่งที่เขา ตงฟางฉีอยากได้ ไม่เคยมีสักครั้งที่เขาไม่ได้! ประกายหมายมาดในดวงตาของร่างสูงโปร่งทำเอาลี่หยวนกลืนน้ำลาย “ดี!” ในที่สุดตงฟางฉีก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกว่ามันออกมาจากใจจริงของเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้พบกัน “ตอบได้ดี!” หัวใจของคนที่ไม่รู้ว่าตนเองกำลังจะหมดลมหายใจเมื่อไรเต้นแรงขึ้นมาอีกหน แทบอยากกัดลิ้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด ให้ตายสิ! ทำไมออร่าคนหล่อมันถึงได้รุนแรงขนาดนี้นะ! “คุณหนู เจ้าตอบคำถามของข้าได้ถูกต้อง” คำพูดที่หลุดจากริมฝีปากหนา ทำให้ลี่หยวนกลับมาหายใจได้ทั่วท้อง “หมายความว่าท่านอ๋องน้อยเพียงแค่ต้องการทดสอบลี่หยวนเท่านั้นใช่ไหมเพคะ” นางช่างเหมือนกระต่ายตื่นตูมโดยแท้ ยังมิทันเกิดเรื่องก็เหงื่อแตกท่วมตัว ท่านอ๋องน้อยคงไม่ได้ใส่ยาพิษไว้ข้างในกระปุกยาเหล่านั้น “หนึ่งคือทดสอบความสามารถของเจ้า” ตงฟางฉีหยิบกระปุกยาทั้งสองเก็บเข้าอกเสื้อตามเดิม “สองคือทดสอบร่างกายของเจ้า” “เพคะ?” ตงฟางฉีหัวเราะน้อยๆ “ยาที่เจ้ากินเข้าไปทั้งคู่... เป็นยาพิษ” คราวนี้ลี่หยวนตัวแข็งทื่อดั่งท่อนไม้ แต่ว่า จนกระทั่งบัดนี้ร่างกายของนางก็ยังไม่มีสิ่งใดผิดปกติ หรือว่าร่างกายของนางจะทนทานต่อยาพิษ? แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อนางไม่เคยผ่านการถูกวางยาพิษมาก่อน ลี่หยวนขมวดคิ้วเข้าหากันคล้ายไม่เข้าใจ จนกระทั่งความเป็นไปได้อย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด “หมายความว่ายาพิษทั้งสองหักล้างกันหรือเพคะ” พอตงฟางพยักหน้า นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เกือบไปแล้ว หากตัดสินใจกินเพียงยาพิษตัวใดตัวหนึ่ง เกรงว่าคงถูกเล่นงานเข้าจนย่ำแย่! การขอเป็นลูกศิษย์ของคนที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องหมูๆ ดังคาด ตงฟางฉีเห็นว่าเขาอยู่ที่นี่นานแล้ว ดังนั้นจึงรีบเข้าประเด็นต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “ข้าพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ ในเมื่อรับปากก็จะรับเจ้าเป็นศิษย์ เพียงแต่มีเงื่อนไขสองข้อที่เจ้าต้องยอมรับปากข้าเสียก่อน” ลี่หยวน “เชิญท่านอ๋องน้อยตรัสเงื่อนไขเพคะ” “หนึ่ง แม้เราจะเป็นศิษย์อาจารย์ แต่ต่อหน้าผู้อื่น เจ้าจะมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยของข้าเท่านั้น” “ขอถามท่านอ๋องน้อย เพราะเหตุใดหรือเพคะ” “หากข้ารับเจ้าเป็นศิษย์คนแรก คิดว่าจะไม่มีลี่หยวนคนที่สอง สาม สี่ ตามมาหรืออย่างไร” บุรุษรูปงามส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย “ข้าไม่ได้เรียนวิชาแพทย์มาเพื่อเปิดสำนัก” อีกอย่าง ต่อให้เขาจะไม่มีความสามารถใดๆ ในฐานะแพทย์แต่ก็เป็นถึงเชื้อสายพยัคฆ์ ลี่หยวนเป็นสตรีบ้านขุนนางยังเป็นศิษย์ของเขาได้ ต่อไปคงมีใต้เท้าอีกมากมาฝากฝังให้บุตรสาวมาเป็นศิษย์ของเขา...ต่อแถวยาวไปจนถึงกำแพงเมืองโน่นกระมัง ...มิใช่เพื่อร่ำเรียนศึกษา แต่เพื่อหาทางก้าวเข้าสู่ตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องในอนาคตนั่นแหละ ลี่หยวนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ตำแหน่งของตงฟางฉีจะไม่ใหญ่โตเท่าองค์ชายสี่กับองค์รัชทายาท แต่วังอ๋องตงฟางก็มีอำนาจมากล้น ย่อมมีผู้คนมากมายอยากยืมกำลังมาใช้ ไม่แน่ว่าเหตุผลที่ท่านอ๋องน้อยยื่นเสนอให้นางเป็นคู่หมั้น ก็เพื่อเป็นไม้กันสุนัขหิวโหยทั้งหลายเหล่านั้นก็เป็นได้ แต่เรื่องอะไรนางจะปล่อยให้ตนเองไปอยู่ตำแหน่งที่ต้องรับมือกับบรรดาเสือสาวผู้หิวโหยนั้น ลำพังเพียงแค่พาตนเองไปให้พ้นจากชะตากรรมที่รออยู่ก็เหนื่อยพออยู่แล้ว “แล้วข้อสองเล่าเพคะ” “ข้อสอง” เจ้าของร่างสูงโปร่งเอนกายพิงแผ่นหลังเข้ากับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีที่สบายมากขึ้น “เจ้าจะต้องย้ายไปอยู่กับข้า” ลี่หยวน เจ้าเป็นสตรีที่ยังมิได้หมั้นหมายแต่กลับไปกินนอนอยู่ที่เรือนบุรุษ หลังจากนี้ต่อให้เจ้าคิดอยากแต่งงานกับผู้อื่นก็คงไม่มีผู้ใดกล้ารับปากแต่งเจ้าเข้าเรือน! ท้ายที่สุดแล้ว ชะตาของเจ้าก็ต้องผูกติดกับเขาซึ่งเป็นท่านอ๋องน้อยผู้นี้! ลี่หยวนได้ฟังแล้วแทบจะร้อง ‘หา!’ “ท่านอ๋องน้อยเพคะ...” “เงื่อนไขนี้สามารถทำให้เจ้าไม่ถูกส่งตัวเข้าวังได้ ข้าจะบอกผู้อื่นว่าเจ้าเป็นโรคร้ายแรง จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่จวนของข้าเพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด” “ละ...ลี่หยวนเข้าใจเพคะ แต่ต่อให้บอกผู้อื่นว่าป่วยหนัก ลี่หยวนก็ยังถือเป็นสตรีของตระกูลลี่ที่ยังมิได้แต่งงาน จะให้ไปอยู่จวนบุรุษตลอดเวลาเห็นทีจะไม่เหมาะ สตรียังไม่ออกเรือนยังถือเป็นทรัพย์สินของบิดา หากท่านพ่อยินยอม สัปดาห์ละคืนสองคืนน่าจะเป็นไปได้บ้าง...” เท่านี้ก็คงจะพอที่จะทำให้กำหนดการการเข้าวังของนางในปีหน้าถูกเลื่อนออกไป ซึ่งมันก็จะช่วยเลี่ยงไม่ให้นางต้องกลายเป็นคนสนิทของซ่งกุ้ยเฟยในภายภาคหน้า ...ในวังหลวงย่อมมิอาจปล่อยให้สตรีที่มีโรคร้ายแรงเข้าไปรับใช้ได้ “เวลาน้อยเพียงนั้นเจ้าจะได้เรียนรู้อะไรได้ คุณหนู ข้ายอมรับเจ้าเป็นศิษย์เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของข้ากับอาจารย์ลี่และความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้า” ตงฟางฉีส่ายหน้าคล้ายผิดหวัง “หากเส้นทางการเป็นศิษย์อาจารย์ของเรามีเค้าความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มิสู้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ” ลี่หยวนยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าปลายนิ้วกดลงบนหน้าขาของตนเอง เหตุผลที่นางต้องการรู้วิชาแพทย์ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการหลีกหนีจากการสร้างพันธะคู่หมั้นกับท่านอ๋องน้อย หรือเปลี่ยนชะตากรรมการเข้าวังเพียงเท่านั้น ในอีกหลายปีข้างหน้าก่อนที่ลี่หยวนจะถูกฆ่าอย่างอเนจอนาถในฉบับนิยาย นางยังถูกวางยาพิษหลายต่อหลายครั้งจากกลุ่มคนมากมาย และนางก็รอดตายมาได้ทุกครั้งเพราะได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายสี่ แต่ผู้ที่อ่านเรื่องราวจนจบเยี่ยงนางมีหรือจะไม่รู้ ที่ซุนโม่เฉินช่วยเหลือลี่หยวนก็เพราะการที่นางมีชีวิตอยู่สามารถสร้างประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านั่นเอง เมื่อทางที่นางเลือกเดินไม่ใช่เส้นทางของผู้ช่วยวายร้ายเพื่อซ้ำรอยกับในหนังสือ สิ่งที่พอจะพึ่งพาได้ในอนาคตจึงมีเพียงตนเองเท่านั้น โอกาสที่จะได้เรียนรู้วิชาแพทย์เพื่อเอาตัวรอดอยู่ตรงหน้า นางไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้ อีกทั้งท่านอ๋องน้อยตงฟางฉีมีชื่อเสียงทั้งในและนอกราชสำนัก เป็นหมอที่มีวิชาแพทย์อันแกร่งกล้า มีทั้งคนเลื่อมใสและคนยำเกรง อาจารย์ที่สามารถใช้ทั้งอำนาจและบารมีคุ้มหัวนางได้อย่างดีเยี่ยมเช่นนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ลี่หยวนไม่มีทางเลือกนอกจากยอมถอยให้เขาก้าวหนึ่ง “เช่นนั้นสี่วันที่นี่ สามวันไปค้างแรมที่จวนของท่านอ๋องน้อย...” คนหนึ่งพยายามต่อรอง แต่ตงฟางฉีก็ยังไม่ปล่อยให้นางเป็นฝ่ายได้เปรียบ “ต้องเป็นสี่วันที่จวนอ๋อง สามวันจวนเสนาบดี จึงจะถูก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD