1.1 แววตาที่เปลี่ยนไป

1445 Words
1 แววตาที่เปลี่ยนไป หัวใจของเด็กสาววัยสิบสี่เต้นระรัว ไม่ใช่เพราะบุรุษที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องมีใบหน้าชวนฝันราวกับดาราสัญชาติจีนที่ตนเคยคลั่งไคล้ในชาติก่อน... ไม่ใช่เพราะกลิ่นอายทรงอำนาจรอบกายเขาที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าดึงดูด ไม่ใช่เพราะนัยน์ตาเฉียบคมที่ยามนี้สะท้อนใบหน้าของนางแต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นเพราะเขาคือซุนโม่เฉิน ...วายร้ายของนิยายเรื่องนี้ต่างหาก! “ทรง... เข้ามาได้อย่างไรเพคะ” น้ำเสียงของลี่หยวนตะกุกตะกักเป็นอย่างยิ่ง นั่นปะไร พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา! “เจ้าไม่ดีใจที่ข้ามาหา?” แววตาของซุนโม่เฉินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลี่หยวนคาดเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ภายหลังจากนี้องค์ชายสี่ในวัยสิบแปดปีจะกลายเป็นตัวร้ายทันทีที่พระเอกหมั้นหมาย เป็นตอนเปิดฉากในนิยายซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต นางไม่รู้หรอกว่าเวลานี้ซุนโม่เฉินกลายเป็นตัวร้ายไปแล้วหรือยัง แต่ลางสังหรณ์บอกนางว่าการทำให้เขาเกิดความตะขิดตะขวงใจเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าบุรุษผู้นี้อาจเลือกที่จะสังหารนางทิ้งไปเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ ด้วยเหตุนี้ เด็กสาวจึงรีบยิ้มพร้อมกับย่อกายทำความเคารพ “ถวายบังคมเพคะ องค์ชาย” “ตามสบายเถิด” ร่างสูงโปร่งของบุรุษในอาภรณ์สีขาวสว่างก้าวมาหยุดลงเบื้องหน้า เว้นระยะห่างเอาไว้อย่างพอเหมาะสำหรับหนุ่มสาว “หม่อมฉันย่อมดีใจเพคะ แต่...เป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงที่นี่ มิใช่ในงานเลี้ยงในอีกครึ่งชั่วยามข้างหน้าต่างหาก” ครั้นความทรงจำในชาติก่อนกลับมา ลี่หยวนก็แทบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้นางปฏิบัติตัวอย่างไรต่อหน้าซุนโม่เฉิน บุรุษที่เคยหลงใหลคลั่งไคล้ หน้าแดงเขินอาย? สีหน้าเคลิบเคลิ้มชวนฝัน? แอบกรีดร้องในใจจนจะเป็นลม? หึ! นางจะถือว่าลี่หยวนคนก่อนไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ลี่หยวนที่นางเคยเป็นก็แค่ทำตามบทบาทในนิยายที่ถูกกำหนดไว้ แต่หลังจากนี้นางนี่แหละที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เริ่มแรกเลยคือการไม่ให้ผู้คนในงานเลี้ยงคิดว่านางเป็นคนขององค์ชายสี่อีกต่อไป ถึงแม้ว่าท่านพ่อของนางซึ่งเป็นเสนาฯ จะเป็นญาติกับพระมารดาขององค์ชายสี่ก็ตามที... “เจ้างดงามมาก” เสียงของซุนโม่เฉินฉุดดึงนางออกจากห้วงคำนึง “ขอบพระทัยเพคะ” “เจ้าเลือกใส่ชุดสีฟ้าครามเพราะรู้ดีว่าเป็นสีโปรดของข้าใช่หรือไม่” หือ? สีโปรดขององค์ชายเยี่ยงนั้นหรือ? รอยยิ้มบนมุมปากดรุณีกระตุกน้อยๆ ทว่าเจ้าตัวก็อาศัยจังหวะนั้นยกมือขึ้นมาทัดเรือนผมไปหลังใบหู หวังเบนความสนใจของชายหนุ่มไปยังมือ แทนที่จะเป็นริมฝีปากของตนเอง “องค์ชายเพคะ มากเท่ากับที่หม่อมฉันอยากรั้งให้ทรงอยู่ แต่ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นสตรียังไม่ออกเรือน หากมีข่าวลือออกไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก” ในนิยาย ซุนโม่เฉินใช้งานลี่หยวนในวัยสาวหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการใช้ความงามของนางหลอกล่อข้าราชการและบัณฑิตหลายคนให้ลุ่มหลง ดังนั้นการจะให้มีข่าวลือไม่ดีเรื่องนางออกไปตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้ก็คงไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวซุนโม่เฉินเอง วายร้ายของเรื่องอย่างองค์ชายสี่ คือผู้ที่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์กับพระเอกซึ่งเป็นองค์รัชทายาท บุรุษเบื้องหน้านางเป็นคนร้ายกาจที่สั่งฆ่าคนตาไม่กะพริบ ที่นางเห็นก็แค่ฉากหน้าที่เขาใช้รอยยิ้มฉากทับเอาไว้เท่านั้น ลี่หยวนย้ำเตือนตนเองให้ระวังตัว ถึงแม้ว่านางจะไม่อยากเป็นผู้ช่วยของวายร้าย แต่การจะหันมาเป็นศัตรูกับวายร้ายที่น่ากลัวแบบนี้ก็ถือว่าอันตรายเกินไปเช่นกัน ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือถอยห่างออกมา ขณะเดียวกันก็ทำให้ซุนโม่เฉินเห็นว่านางไร้ความสามารถและไม่มีพิษมีภัยต่อเขาทั้งในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า ลี่หยวนคิดไปคิดมาก็เริ่มปวดหัว เหงื่อซึมไหลออกมาทางหน้าผากและมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อย ซุนโม่เฉินมองสีหน้าของนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ คล้ายจำยอม “เจ้าดูเหนื่อยไม่น้อย รีบพักผ่อนเสียหน่อยเถิด ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้ข้าอยู่ต่อ ข้าก็จะไม่อยู่ แล้วพบกันในงานเลี้ยง” องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ซุนยกมือไพล่หลัง หมุนกายเดินจากไป “น้อมส่งองค์ชายสี่” ลี่หยวนทำความเคารพอย่างชดช้อยตามที่ได้รับการฝึกฝน อบรมกิริยามารยาทของคุณหนูตระกูลผู้ดีมาอย่างดี “คุณหนู องค์ชายสี่ทรงตรัสชมเชยอาภรณ์ที่คุณหนูสั่งตัดเพื่อให้ทันงานเลี้ยงด้วยเจ้าค่ะ” ชิงช่ายซึ่งยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลังมีสีหน้าปลาบปลื้มยินดี คุณหนูของนางปักใจรักมั่นใจตัวองค์ชายสี่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เดาว่าป่านนี้คงดีใจจนใบหน้าแดงก่ำดุจลูกท้อไปแล้วกระมัง สาวใช้คนสนิทคิดพลางยกมือขึ้นมาปิดแก้มที่ร้อนผ่าวของตน รู้สึกขัดเขินและปลื้มปริ่มแทนนาย หากนึกไม่ถึงว่าทันทีที่ร่างสูงโปร่งของซุนโม่เฉินจากไป ใบหน้าของลี่หยวนที่เบนกลับมาทำเอานางถึงกับสะดุ้ง “คะ...คุณหนู” สีหน้าของคุณหนูเรียบเฉย หากแววตากลับเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ หึ! อาภรณ์สีโปรดของเจ้าวายร้ายผู้นั้นรึ! ซุนโม่เฉิน ข้าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ ที่ท่านเพียงแค่ใช้คำหวานไม่กี่คำก็สามารถชี้เป็นชี้ตายข้าได้! “ชิงช่าย” น้ำเสียงเรียบเย็นของลี่หยวนไม่ให้ความรู้สึกเหมือนสตรีวัยสิบสี่เลยสักนิด ชิงช่ายก้มหน้า ตัวสั่นเทา “จะ...เจ้าคะ” ลี่หยวนเดินจ้ำอ้าวผ่านหน้าสาวใช้ส่วนตัวไปยังหลังฉากกั้น เรือนผมที่ยังมิได้เกล้าขึ้นสะบัดไปตามจังหวะการเคลื่อนไหว พลิ้วไหวดุจผืนไหมล้ำค่า “รีบไปปิดประตูห้องและเปลี่ยนชุดให้ข้าเสีย!” “หะ...หา?” ชิงช่ายตกใจจนหน้าซีดเผือด “คุณหนู... งานจะเริ่มแล้วนะเจ้าคะ แล้วท่านไม่ชอบชุดหรืออย่างไร องค์ชายเองก็ดูพอพระทัยมาก” “เพราะข้าไม่ต้องการให้องค์ชายพอพระทัยน่ะสิ” คราวนี้ผู้ฟังงุนงงอย่างที่สุด “คุณหนู... ไม่พอใจหรือเจ้าคะ” ลี่หยวนถอนหายใจเฮือก มือจัดการแกะปมผ้าคาดเอวที่ชิงช่ายเป็นผู้มัดออกอย่างเร่งรีบ หากจะพูดให้ชิงช่ายฟังว่าพวกนางเป็นเพียงแค่ตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่ง นอกจากสาวใช้จะไม่เข้าใจแล้วยังจะหาว่านางบ้า และถ้าจะให้อธิบายว่าหากติดตามองค์ชายสี่ต่อไปก็อาจทำให้อายุสั้นหรือตายก่อนวัยอันควร ก็เหมือนเป็นการใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐานอีก แถมชิงช่ายไม่รู้เรื่องที่หลายปีก่อน ผู้ที่พานางมาเป็นคุณหนูที่จวนแห่งนี้ก็คือซุนโม่เฉิน ดังนั้นต่อให้ลี่หยวนจะไว้ใจชิงช่ายพอประมาณ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจริงๆ นางก็เลือกที่จะไม่พูดดีกว่า สุดท้าย คุณหนูแห่งจวนเสนาบดี ก็ปั้นข้ออ้างที่ฟังแล้วเข้าท่ามากที่สุดขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่า หากเราคล้อยตามบุรุษโดยง่ายจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับพวกเขา ข้าไม่ควรเอาใจองค์ชายสี่ไปเสียทุกเรื่อง มิเช่นนั้นองค์ชายจะทรงเบื่อหน่ายข้าแทน” ชิงช่ายได้ฟังคำอธิบายจบก็เบิกตากว้าง หลังจากนั้นก็ทิ้งกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้างราวกับเข้าใจความหมายของมันแล้ว “คุณหนูของบ่าวช่างฉลาดปราดเปรื่องอย่างยิ่ง! มาเจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยคุณหนูแต่งตัวเสียใหม่ จะเลือกชุดอาภรณ์สีใดดีเจ้าคะ” ลี่หยวนกลอกตาไปมาเพื่อค้นเอาความทรงจำของชาติก่อน แถบสีที่ใช้ในงานดีไซน์และออกแบบเคยผ่านตานางในกองถ่ายมาบ้างเป็นบางครั้ง “สีส้ม ไม่ก็สีแสด” ก็เพราะว่าสองสีนี้... เป็นสีคู่ตรงข้ามกับสีฟ้าครามอย่างไรละ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD